ความรัก คือ ความซื่อสัตย์ จริงใจต่อกันธรรมะดีๆจากหลวงพี่น้ำฝน

ความรัก คือ ความซื่อสัตย์ จริงใจต่อกันธรรมะดีๆจากหลวงพี่น้ำฝน

ภาพ/ข่าว:คัคเนศวร์ พรอัศวโยธิน

ความรัก คือ ความซื่อสัตย์ จริงใจต่อกัน

               เจริญพรญาติโยมผู้อ่านทุกท่าน ก็นับได้ว่าบัดนี้เข้าสู่ช่วง “พรรษา” เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ช่วงพรรษาก็นับแต่วันเข้าพรรษา คือ วันแรม 1 ค่ำ เดือน 8 ไปจนถึงวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 11 นับได้สามเดือนพอดี เป็นช่วงที่พระสงฆ์จะต้องอยู่ประจำ ณ อารามแห่งใดแห่งหนึ่ง ซึ่งวัดไผ่ล้อม จังหวัดนครปฐมนั้น ก็ได้จัดพิธีอุปสมบทหมู่ ตามโครงการอุปสมบทหมู่เฉลิมพระเกียรติที่จัดขึ้นทุกเดือน บวชในวันอาสาฬหบูชา ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 ตรงกับวันพุธที่ 13 กรกฎาคม 2565 ซึ่งผู้ที่ประสงค์จะบวชจำพรรษาครบไตรมาส ก็จะได้กระทำการอธิษฐานพรรษาในวันรุ่งขึ้นด้วยเช่นกัน  เรื่องที่อาตมาจะเล่าในวันนี้ เป็นเรื่องน่าอัศจรรย์ใจ ก็อัศจรรย์ใจที่เห็นลูกศิษย์ตัวเองคนหนึ่ง เป็นผู้มีความ “ซื่อสัตย์” คือ ซื่อสัตย์ต่อความรักที่มีต่อคนที่รัก อดทนอย่างเหลือเชื่อจนอาตมาก็เหลือคิดว่ามีจริง ๆ หรือ คนแบบนี้ จึงต้องนำเรื่องนี้มาเป็นอุทาหรณ์สอนชีวิต

              ลูกศิษย์อาตมา เป็นผู้หญิง ในตอนแรกก็คบหาดูใจกับชายคนหนึ่ง คบหากันมาตั้งแต่สมัยเรียนเลย ก็คิดดูว่าตอนนี้ลูกศิษย์คนนี้อายุราว 40 ปี นั่นล่ะนานแค่ไหน ครึ่งชีวิตของเธอเลยทีเดียว ทุกอย่างดูเหมือนจะเป็นไปได้ด้วยดี แต่วันหนึ่งเหมือนมีฟ้าผ่าลงมากลางใจ พ่อฝ่ายชาย “คลุมถุงชน” ลูกชายตนกับผู้หญิงอีกคน ในมุมหนึ่งการคลุมถุงชนก็คือการที่ผู้ใหญ่สองฝ่ายเห็นชอบ เพราะรู้จักภูมิหลังของแต่ละฝ่าย ได้พินิจพิจารณารอบคอบแล้วในระดับหนึ่ง แต่อีกมุมหนึ่งก็กลายเป็นว่าการคลุมถุงชนดันไปแยกเอาคนที่รักกันอยู่ให้จากกัน เพราะตัวลูกชายนั้นมีคนที่เขารักอยู่แล้ว ฝ่ายผู้ชายนั้น เมื่อพ่อร้องขอ เขาก็ยอมแต่งงานกับผู้หญิงที่พ่อเลือกให้ แต่ก็ไม่ได้จดทะเบียนสมรสอะไร เพียงแต่อยู่กินในฐานะสามีภรรยา  ฝ่ายลูกศิษย์อาตมานั้นก็รู้ฐานะของตนดี ก็ไม่ได้คิดจะแย่ง ไม่ได้คิดจะครอบครอง กล่าวคือไม่ได้ทำผิดศีลธรรมจรรยาอะไร ได้แต่ให้ความช่วยเหลือ คอยช่วยเหลือดูแลสิ่งต่าง ๆ ให้กับผู้ชายที่เธอรักมาโดยตลอด ในฐานะที่รู้จักกันมานาน ด้วยความปรารถนาดี ตรงนี้ย้ำว่าเธอไม่ได้คิดจะแย่งผัวใคร หรือว่าจะเป็นเมียน้อยใครนะ เธอไม่ได้คิดแบบนั้น ไม่ได้ผิดครรลองคลองธรรม เธอคิดแต่ว่าตนมีคนรักเพียงคนเดียว และจะทำทุกอย่างตามที่ตนทำได้เพื่อคนที่เธอรัก ขนาดว่าต้องกลายเป็นสาวโสด มีคนมาขอ ทาบทาม ก็ไม่ยอม ไม่เอา ใจจงรักมั่นกับคนที่เธอรักเรื่อยไป

             การกระทำแบบนี้ก็ทำให้เธออยู่ในภาวะ “กินน้ำใต้ศอก” ใครที่รู้ความหมายของสำนวนนี้ย่อมไม่อยากจะเป็นคนแบบนั้น เพราะตามพจนานุกรมให้ความหมายของกินน้ำใต้ศอกว่า จำต้องยอมเป็นรองเขา ไม่เทียมหน้าเทียมตาเท่า แต่เหมือนลูกศิษย์คนนี้ยินดีที่จะเป็นเช่นนั้น เพราะตนไม่ขอแย่งชิง ไม่ขอทวงอะไรคืน แค่ทำตามหัวใจ ซื่อสัตย์ต่อหัวใจของตนเอง เชื่อมั่นในรักหนึ่งเดียวของตนเอง แม้จะต้องสลัดภาพความเป็นคนรักกัน ด้วยตระหนักรู้ในฐานะและสถานการณ์ของตน และไม่ได้มีจิตคิดทำผิดศีลธรรมอันใด ฝ่ายชายเองก็เช่นกัน ต่างครองตนในฐานะอันควร

             จนกระทั่งวันหนึ่ง ฝ่ายผู้ชาย กับภรรยาแต่งของเขา เกิดจุดแตกหักขึ้น ฝ่ายชาย และครอบครัวของฝ่ายชายเกิดรับธาตุแท้ของภรรยาแต่งไม่ได้ ไม่เหมือนที่เคยเป็นมาแต่แรก ถึงจุดขาดสะบั้น จึงเลิกกัน ฝ่ายผู้ชายเลยกลับเป็นหนุ่มโสดอีกครั้ง และสุดท้ายก็จบเรื่องอย่างมีความสุข ลูกศิษย์อาตมากับคนที่เธอรักก็ครองรักสร้างครอบครัว จดทะเบียนสมรสเป็นสามีภรรยากันอย่างเป็นทางการอีกครั้ง ท่ามกลางความยินดีของครอบครัวทั้งสองฝ่าย ถือว่าได้ลงเอยเสียที ที่นำเรื่องนี้มาเป็นอุทาหรณ์ จะว่าไปแล้วก็ต่างคนต่างมุมมอง แต่ว่าอาตมาชวนให้คิด วิเคราะห์ ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตคนเรา

               สิ่งที่เราเห็นแน่ ๆ คือ ความซื่อสัตย์ มั่นคง เด็ดเดี่ยวในความรักของลูกศิษย์ชนิดที่เรียกว่าหาได้ยากในคนทั่วไป ถ้าเราไม่เห็นตอนจบ อาตมาเชื่อว่าหลายคนคงตั้งคำถามแน่ว่า เธอจะทำไปเพื่ออะไร เหมือนการว่ายน้ำที่ไม่เห็นฝั่ง แต่เท่าที่อาตมาเห็น รู้จักลูกศิษย์คนนี้ อาตมารู้แน่ว่า เธอมีความซื่อตรงในเรื่องนี้โดยแท้ และที่สำคัญคือ โดยไม่ได้ไปทำผิดศีลธรรมอะไร ไม่ได้ไปละเมิดเมียเขา ไม่ได้ไปแย่งผัวเขา ไม่ได้ไปแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ ไม่ได้หวังจะครอบครอง ซึ่งนั่นทำให้อาตมานับถือน้ำใจโดยแท้ คนเช่นนี้หาได้ยาก โดยเฉพาะการต้องพบเจอกับสถานการณ์ที่บีบคั้นน้ำใจเช่นนี้ กับการครองตนด้วยความซื่อสัตย์ต่อหัวใจตนเองโดยไม่ละเมิดศีลธรรม

               แต่สำหรับกรณีนี้ ก็เข้าตำราโบราณว่า “คู่แล้วย่อมไม่แคล้วกัน” เพราะในคติพุทธศาสนา คนเรามีความสัมพันธ์ต่อกันทั้งทางดีและร้ายด้วยกรรมที่ทำมา เรื่องนี้ก็เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งว่าเมื่อคู่แล้วก็ไม่แคล้วกันจริง ๆ แม้ระหว่างทางจะมีอะไรเกิดขึ้นก็ตาม หรือถ้าบุญกรรมไม่สัมพันธ์กันก็ย่อมต้องแคล้วกันไปเช่นกัน คู่นี้คงจะมีบุญร่วมกันมาแต่หนหลัง และสร้างบุญมาด้วยกันในชาตินี้ ดังคำว่า ทำบุญร่วมชาติ ตักบาตรร่วมขัน สุดท้ายก็จึงมีเหตุบันดาลให้ได้ครองคู่กันเช่นนี้ โดยที่ไม่ได้ประทุษร้ายแก่ใคร หรือทำผิดศีลธรรมอะไร

               ชีวิตเหมือนละครฉากใหญ่ ชีวิตก็เป็นแบบนี้ มันมีอะไรซับซ้อนอยู่มากเป็นหนักหนา มีทั้งสุขทั้งทุกข์ สิ่งบีบคั้นหัวใจต่าง ๆ นานาให้มนุษย์ได้เผชิญหน้าและฟันฝ่า ขึ้นกับว่าเราจะฟันฝ่ามันไปอย่างไร ด้วยกิเลสนำทาง หรือด้วยศีลธรรมนำทาง แต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น จงซื่อสัตย์และจริงใจ ต่อหน้าที่ และต่อหัวใจ ในทางที่ชอบ ประกอบด้วยธรรม ขอเจริญพร

CATEGORIES
Share This

COMMENTS

error: Content is protected !!