สตูล-ผู้นำชุมชนตำบลกำแพง เข้าช่วยหลือ ลุงผู้ยากไร้ เร่งประสานทุกหน่วยงาน สร้างบ้านให้
สตูล-ผู้นำชุมชนตำบลกำแพง เข้าช่วยหลือ ลุงผู้ยากไร้ เร่งประสานทุกหน่วยงาน สร้างบ้านให้
ภาพ/ข่าว:ชิดชนก
หลังจากได้รับทราบ ข้อมูลทาง เฟรสบุ๊ค ว่า มีชายชรา ผู้ยาไร้ อาศัยเพิง หลับนอน ทีมผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ เพื่อ ดู ข้อมูล จริง ซึ่งได้เดินทางไปพบกับลุง ชื่อนายอำพล วาดี อายุ 70 ปี อยู่บ้านเลขที่ 730 ม.3 ต.กำแพง อ.ละงู จ.สตูล นั่งอยู่ที่เพิง ซึ่งเพิงพักดังกล่าว อยู่หลังตลาดสดเทศบาลต.กำแพง สภาพเป็นเพิงที่ทำขึ้นอย่างง่ายๆเพื่อหลบแดดหลบฝน ความกว้าง 1 เมตร ยาว 2 เมตร ขนาดใหญ่กว่าตัวคนนอนนิดเดียว ภายในบ้านมีเตาสำหรับหุงหาอาหารวางอยู่ปลายเท้าหลังคามุงด้วยสังกะสีผุมีผ้ายางพลาสติกใสคลุมกันแดดกันฝน โดยมีโครงไม้ไผ่ผุเสียบกันหลังคาพัง แต่ไม่สามารถกันฝนได้ มีมุ้งและที่นอนเก่าๆ ใช้ผ้าห่มแทนหมอนหนุน โดยลุงบอกว่าเมื่อคืนฝนตกเปียกหมดแทบไม่ได้นอน จากการสอบถาม ทราบว่าผู้โพสต์เฟรสบุ๊คดังกล่าวเป็นหลานสาว ที่สงสารคุณลุงจึงโพสต์ขอความช่วยเหลือจากผู้ใจบุญ เนื่องจากสภาพครอบครัวของคุณลุงเองก็มีสภาพยากจนรายได้ไม่พอกิน ไม่สามารถที่จะเจียดเงินมาช่วยสร้างกระต๊อบที่แข็งแรงได้ ส่วนตนซึ่งอยู่บ้านใกล้ๆก็นำอาหารมาให้บ้างเป็นบางวัน โดยคุณลุงไม่ยอมอยู่กับลูกหลานเพราะเกรงใจอยากมีชีวิตส่วนตัวไม่อยากรบกวนลูกหลาน ผู้สื่อข่าวได้คุยกับลุงอำพล วาดี เจ้าของเพิงพักดังกล่าวทราบว่าที่ดินดังกล่าวเป็นของคุณลุงอำพลเอง คุณลุงมีบ้านที่หน่วยงานราชการสร้างให้หลังเล็กๆแต่เมื่อลูกชายมาอยู่ด้วย บ้านดังกล่าวคับแคบเกินไปจึงสละบ้านให้ลูกชายกับลูกสะใภ้อยู่ เพราะมันอึดอัดจึงมาทำเพิ่งง่ายๆหุงหาอาหารกินเองดีกว่า ความเป็นอยู่ก็ลำบากเพราะคุณลุงเองเคยประสบอุบัติเหตุทำให้ขาด้านขวาพิการ ทุกวันนี้ก็ลำบากข้าวได้กินบ้างไม่ได้กินบ้างกินข้าววัน 2 มื้อ มื้อเช้ากินน้ำชา และกินข้าว 1 มื้อ แต่วันนี้ยังไม่ได้กินข้าวเที่ยง โดยอาศัยในเพิงพักแห่งนี้มาร่วม 2 ปีแล้ว ส่วนค่าใช้จ่ายที่ได้รับคือเบี้ยยังชีพคนพิการ 800 บาทและเงินผู้สูงอายุ 600 บาทรวมเป็น1400 บาท ซื้อข้าวสาร ปลา บางเดือนก็ไม่พอ ดีใจหากทางหน่วยงานราชการได้เข้ามาช่วยเหลือ
ต่อมาคณะกรรมการชุมชน สมาชิกสภาเทศบาลต.กำแพง อสม.และกรรมการชุมชน นำโดยนายภิสิษฐ์ แซ่จิ้ว ประธานชุมชนซอยขนมจีน ซึ่งเป็นชุมชนที่คุณลุงอำพล อาศัยอยู่ ได้เข้ามาดู พร้อมกล่าวว่า คุณลุงเป็นหนึ่งในผู้ยากจนที่ทางชุมชนและเทศบาลดูแลอยู่ มีเทศบาลเข้ามามอบของอยู่เป็นประจำ เมื่อปี 64 ก็ได้สร้างบ้านพร้อมห้องน้ำให้ แต่ทราบภายหลังว่าลูกชายคุณลุงซึ่งถูกพิษโควิดได้กลับมาอยู่ที่บ้านอาศัยร่วมกับคุณลุง โดยสภาพบ้านที่คับแคบทำให้คุณลุงจึงสละบ้านให้ลูกชายอยู่ และไปอาศัยเพิงพักที่ไม่แข็งแรงอยู่ตามลำพัง แต่ด้วยขั้นตอนของทางราชการการช่วยเหลือต้องเป็นไปตามระเบียบ ที่ชุมชนเองมีผู้ยากไร้หลายคนจึงต้องช่วยตามลำดับ และเมื่อมาเห็นสภาพแล้วเพิงที่อยู่ไม่แข็งแรง เวลาน้ำท่วมก็ท่วมสูง ทางชุมชนเองโดยคณะกรรมการชุมชนก็พร้อมที่จะช่วยเหลือเร่งด่วนเป็นกรณีพิเศษจะจัดสร้างที่พักให้มีความแข็งแรงและกันแดดกันฝนได้ เมื่อเกิดอุทกภัยสามารถอยู่ได้ปลอดภัยอาจจะอยู่ติดกับบ้านเดิมที่สร้างให้เพื่อให้ใช้ห้องน้ำเดียวกัน เพราะเพิงพักปัจจุบันที่คุณลุงอาศัยนั้นอยู่ติดกับต้นไม้ใหญ่น่าจะปลอดภัยหากมีลมแรง ยืนยันว่าชุมชนไม่ได้ทอดทิ้งแวะเวียนมาดูแลผู้ยากไร้รายนี้อยู่ตลอดเวลา