ราชบุรี-ร้านเขียงหมูโอดยอดขายลดหลังหมูเถื่อนทะลักขายในออนไลน์
ราชบุรี-ร้านเขียงหมูโอดยอดขายลดหลังหมูเถื่อนทะลักขายในออนไลน์
ภาพ/ข่าว:สุจินต์ นฤภัย ( เต้ )
จากกรณีที่ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ว่าที่ ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ได้ออกมาตั้งคำถามผ่านโซเชียลมีเดียถึงเนื้อหมูเถื่อนจำนวน 161 ตู้ ที่กรมศุลกากรสามารถตรวจยึดไว้ได้ก่อนหน้านี้ แม้ว่าเวลาจะผ่านไปหลายนานเดือนแล้ว แต่กระบวนการในการส่งมอบให้กับกรมปศุสัตว์เพื่อนำไปทำลายกลับเป็นไปอย่างล่าช้า หากเกิดโรคระบาด ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ
วันที่ 16 มิ.ย.66 ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ตลาดสดริมน้ำ เขตเทศบาลเมืองบ้านโป่ง อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี เพื่อสอบถามความคิดเห็นเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าว โดย น.ส.ภาวิดา บุญยินดี เจ้าของเขียงหมู “เจ๊เสียม” ที่เปิดขายมานานกว่า 40 ปี ยอมรับว่า ปัจจุบันยอดจำหน่ายหมูของที่ร้านลดลง ส่วนหนึ่งมาจากกระแสข่าวการลักลอบนำเข้าหมูเถื่อน และอีกส่วนหนึ่งมาจากภาวะเศรษฐกิจ ทำให้ผู้บริโภคหันมาใช้จ่ายอย่างประหยัดมากขึ้นก่อนหน้านี้ ตนทราบจากลูกค้าหลายรายได้หันไปซื้อหมูออนไลน์ เนื่องจากมีราคาที่ถูกกว่าหน้าเขียงถึงร้อยละ 20 โดยไม่ได้พิจารณาจากคุณภาพมาตรฐานของเนื้อหมูที่นำมาประกอบอาหาร อย่างไรก็ตามเป็นที่น่าสังเกตว่า ปัจจุบันราคาจำหน่ายเนื้อหมูไม่มีการขยับราคามานานถึง 3 สัปดาห์แล้ว โดยราคาจำหน่ายหมูสามชั้นอยู่ที่กิโลกรัมละ 190 บาท เนื้อหมูสันนอก-ใน 160 บาท เนื้อหมูบด 200 บาท เนื้อสะโพก 160 บาท และเนื้อสันคอ 160 บาท ซึ่งในส่วนของสาเหตุที่ไม่มีการปรับราคานั้นตนไม่ทราบ
ด้าน น.ส.สุธิดา สุขวิเศษ ผู้บริโภคชาว อ.บ้านโป่ง เปิดเผยว่า ข่าวการลักลอบนำเข้าเนื้อหมูเถื่อน ส่งผลต่อการตัดสินใจเลือกซื้อเนื้อหมูของตนมากขึ้น ซึ่งก่อนหน้านี้ตนเคยซื้อเนื้อหมูในตอนเช้า เพื่อไปประกอบอาหารมื้อเที่ยง แต่ก็ได้พบว่าหมูมีกลิ่นผิดปกติโดยไม่ทราบสาเหตุ ภายหลังตนจึงหันมาเลือกซื้อหมูจากร้านที่มีตรารับรองมาตรฐาน เพื่อป้องกันปัญหาเนื้อหมูเถื่อนที่ไม่ได้คุณภาพ ในส่วนของการแก้ปัญหา ตนมองว่าภาครัฐต้องเข้มข้นและจริงจังกับการกำจัดหมูเถื่อนออกจากระบบ เพราะตนไม่รู้ว่าหมูเหล่านี้มีที่มาที่ไปอย่างไร ถึงหมูปริมาณมากจะทำให้ราคาหมูตามท้องตลาดถูกลง แต่ถ้าแลกกับสุขภาพในระยะยาวก็คงจะไม่คุ้มกัน