อุบลราชธานี-อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ ม.อุบลฯ ชี้ วันแรงงาน ลูกจ้างต้องได้หยุดทุกคนไม่มีข้อยกเว้น

อุบลราชธานี-อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ ม.อุบลฯ ชี้ วันแรงงาน ลูกจ้างต้องได้หยุดทุกคนไม่มีข้อยกเว้น

อุบลราชธานี-อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ ม.อุบลฯ ชี้ วันแรงงาน ลูกจ้างต้องได้หยุดทุกคนไม่มีข้อยกเว้น

ภาพ/ข่าว:ศูนย์ข่าวเฉพาะกิจจังหวัดอุบลราชธานี
“วันแรงงานลูกจ้างต้องได้หยุดทุกคนไม่มีข้อยกเว้นทั้งรายวันรายเดือน ถ้านายจ้างให้ทำงานต้องได้ค่าแรงเพิ่ม ๑ เท่า จะเลื่อนไปหยุดวันอื่นก็ไม่ได้”  เพจ กฎหมายแรงงาน โดยรองศาสตราจารย์ตรีเนตร สาระพงษ์ อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี โพสต์เตือนนายจ้างและให้ลูกจ้างรู้สิทธิตัวเองว่าหากลูกจ้างต้องได้หยุดทุกคนไม่มีข้อยกเว้นทั้งรายวันรายเดือน ถ้านายจ้างให้ทำงานต้องได้ค่าแรงเพิ่ม ๑ เท่า จะเลื่อนไปหยุดวันอื่นก็ไม่ได้ แม้วันแรงงานลูกจ้างจะไม่มาทำงาน นายจ้างจะไม่จ่ายค่าจ้างให้ทุกคนไม่ว่าจะเป็นรายวัน หรือรายเดือน วันแรงงาน ลูกจ้างต้องได้หยุดทุกคนไม่มีข้อยกเว้นทั้งรายวันรายเดือน ถ้านายจ้างให้ทำงานต้องได้ค่าแรงเพิ่ม ๑ เท่า จะเลื่อนไปหยุดวันอื่นก็ไม่ได้
แม้วันแรงงานลูกจ้างจะไม่มาทำงาน นายจ้างจะไม่จ่ายค่าจ้างให้ทุกคนไม่ว่าจะเป็นรายวัน หรือรายเดือนจะอ้างว่าเป็นวันแรงงานซึ่งเป็นวันหยุดไม่ได้ เพราะกฎหมายมาตรา ๒๙ กำหนดว่า “ให้นายจ้างประกาศกำหนดวันหยุดตามประเพณีให้ลูกจ้างทราบเป็นการล่วงหน้าปีหนึ่งไม่น้อยกว่า ๑๓ วัน โดยรวมวันแรงงานแห่งชาติตามที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด” ซึ่งรัฐมนตรีประกาศให้วันแรงงานคือวันที่ ๑ พฤษภาคม  นั่นหมายความว่ากฎหมายบังคับให้ต้องจัดให้วันแรงงานเป็นวันหยุดตามประเพณี ไม่จัดไม่ได้ หากไม่จัดให้หยุดมาตรา ๑๔๖ กำหนดให้นายจ้างผู้ซึ่งไม่ปฏิบัติตามมาตรา ๒๙ ต้องระวางโทษทางอาญา ซึ่งลูกจ้างสามารถร้องต่อแรงงานโดยไม่เปิดเผยชื่อนามสกุลของผู้ร้องได้ ณ สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานในเขตพื้นที่
               มีปัญหาว่าหากนายจ้างจัดให้หยุดแล้ว นายจ้างจะอ้างว่าเมื่อไม่มาทำงานก็ไม่จ่ายค่าจ้างหรือ no work no pay ได้หรือไม่ คำตอบ คือไม่ได้ ต้องจ่ายค่าจ้างเพราะมาตรา ๕๖ กำหนดให้นายจ้างจ่ายค่าจ้างให้แก่ลูกจ้างทั้งรายวันและรายเดือนใน “วันแรงงาน” ซึ่งเป็นวันหยุดตามประเพณี และวันหยุดพักผ่อนประจำปี(ลาพักร้อน)    หากนายจ้างให้มาทำงานในวันที่ ๑ พฤษภาคม ซึ่งเป็นวันแรงงาน นายจ้างต้องจ่ายค่าจ้างเพิ่มอีก ๑ เท่าของอัตราค่าจ้างต่อชั่วโมงในวันทำงานตามจำนวนชั่วโมงที่ทำ(ตามมาตรา ๖๑) เช่น ลูกจ้างทำงานได้ค่าจ้างวันละ ๔๐๐ บาท นายจ้างต้องจัดให้หยุดวันแรงงานโดยไม่ต้องมาทำงาน หากนายจ้างให้มาทำงานในวันแรงงานจะต้องจ่าย ๑ เท่า คือ ๔๐๐ บาท เท่ากับว่าถึงเวลาจ่ายค่าจ้างต้องได้ ๘๐๐ บาท  และหากนายจ้างให้ทำงานนอกเหนือหรือเกินเวลาทำงาน หรือการทำงานล่วงเวลา(OT) ในวันแรงงานซึ่งตามกฎหมายเป็นวันหยุดตามประเพณี นายจ้างจะต้องจ่ายค่าล่วงเวลา ๓ เท่าของอัตราค่าจ้างต่อชั่วโมงในวันทำงานตามจำนวนชั่วโมงที่ทำ (มาตรา ๖๓) จากตัวอย่างเดิม ลูกจ้างทำงานได้วันละ ๔๐๐ บาท หากนายจ้างให้มาทำงานนอกเวลางานปกติ หรือทำงานล่วงเวลาจำนวน ๓ ชั่วโมง ก็ต้องจ่าย ๓ เท่าของค่าจ้างรายชั่วโมง ซึ่งต้องนำ ๔๐๐ บาทมาหาร ๘ ชั่วโมงอันเป็นเวลาทำงานปกติ จะได้ชั่วโมงละ ๕๐ บาท คูณ ๓ เท่าจะได้ ๑๕๐ บาท หากทำงาน ๓ ชั่วโมงในวันแรงงานจะต้องได้เงิน ๔๕๐ บาทต่อชั่วโมง
อย่างไรก็ตาม มีนายจ้างที่ไม่ให้หยุดวันแรงงาน และให้ไปหยุดวันอื่นชดเชยแทนตอบแบบฟันธงเลยว่าทำไม่ได้ เพราะกฎหมาย “บังคับให้หยุดวันแรงงาน” คือวันที่ ๑ พฤษภาคม ส่วนอีก ๑๒ วันเลือกจากวันหยุดราชการ วันหยุดทางศาสนา วันหยุดตามประเพณีท้องถิ่นได้ จึงเท่ากับว่าวันแรงงานกฎหมาย “บังคับ” และ “ล็อก” วันแรงงานเอาไว้ในประกาศกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม เรื่อง วันแรงงานแห่งชาติ โดยในข้อ ๓ กำหนดว่า “ให้วันที่ ๑ พฤษภาคม เป็นวันแรงงานแห่งชาติ”
               ดังนั้น หากมีการให้ไปหยุดวันอื่นแทนก็ต้องถือว่านายจ้างให้ทำงานในวันแรงงานต้องจ่ายเพิ่มอีก ๑ แรง หรืออีก ๑ เท่าของของอัตราค่าจ้างต่อชั่วโมงในวันทำงานตามจำนวนชั่วโมงที่ทำ ซึ่งประกาศให้ทำงานในวันดังกล่าวไม่เสียไป หรือไม่เป็นโมฆะ นายจ้างก็อาจมีโทษอาญาเพราะถือว่าไม่ได้ประกาศวันหยุดตามประเพณี ซึ่งเป็นวันแรงงานอย่างไรก็ตามมีงานตามที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวงฉบับที่ ๔ ที่ให้เลื่อนไปหยุดวันอื่นได้ได้แก่ งานในกิจการโรงแรม สถานมหรสพ ร้านขายอาหาร ร้ายขายเครื่องดื่ม สโมสร สมาคม สถานพยาบาล และสถานบริการการท่องเที่ยว งานในป่า งานในที่ทุรกันดาร งานขนส่ง และงานที่มีลักษณะหรือสภาพ ของงานต้องทำติดต่อกัน ถ้าหยุดจะเสียหายแก่งาน  ซึ่งงานข้างต้นจะเห็นว่าเป็นงานที่มีผู้ใช้บริการเป็นจำนวนมากในวันหยุดหรือเป็นงานที่ทำในที่ห่างไกลหรือทุรกันดาร การเดินทางไปกลับก็จะใช้เวลาวันหยุดเกือบหมดแล้วจึงทำให้ลูกจ้างไม่สามารถหยุดได้กฏหมายจึงให้เลื่อนได้
นอกจากนั้น ลูกจ้างมีสิทธิปฏิเสธการติดต่อสื่อสาร เพราะกฎหมายใหม่ใช้บังคับแล้ว(มาตรา ๒๓/๑) ซึ่งวันแรงงานเป็นวันหยุดซึ่งนอกเหนือเวลาทำงานลูกจ้างจึงปฏิเสธการติดต่อสื่อสารไม่ตอบแชท ไม่รับสายโทรศัพท์ได้ เว้นแต่จะได้ทำหนังสือยินยอมไว้ให้นายจ้างติดต่อได้  อนึ่ง แม้มีหนังสือยินยอมจากลูกจ้าง นายจ้างก็ติดต่อได้เฉพาะเท่าที่จำเป็นเท่านั้น จะอ้างว่าเป็นวันแรงงานซึ่งเป็นวันหยุดไม่ได้ เพราะกฎหมายมาตรา ๒๙ กำหนดว่า “ให้นายจ้างประกาศกำหนดวันหยุดตามประเพณีให้ลูกจ้างทราบเป็นการล่วงหน้าปีหนึ่งไม่น้อยกว่า ๑๓ วัน โดยรวมวันแรงงานแห่งชาติตามที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด” ซึ่งรัฐมนตรีประกาศให้วันแรงงานคือวันที่ ๑ พฤษภาคม

CATEGORIES
TAGS
Share This

COMMENTS

error: Content is protected !!