สตูล-ศรชล. ส่งนักดำน้ำ ดำดิ่งลงใต้ทะเลสตูล เก็บเศษอ้วนพัดรอบติดซากปะการัง
ภาพ/ข่าว:ชิดชนก
สตูล ศรชล. ส่งนักดำน้ำ ดำดิ่งลงใต้ทะเลสตูล เก็บเศษอ้วนพัดรอบติดซากปะการังใต้บริเวณรอบเกาะบุโหลน สร้างสมดุลธรรมชาติให้ฟื้นฟู รอวันนักท่องเที่ยวมาเยือน คล้ายล็อกสถานการณ์โควิด- 19 ขยะใต้น้ำ 560 กก. ขยะชายหาด 205 กก.รวม 765 กก.
วันที่ 31 สิงหาคม 2564 นายเอกรัฐ หลีเส็น ผวจ.สตูล พร้อมด้วยนาวาเอกจุมพจน์ เสนาะพิณ รอง ผอ.ศรชล.จว.สตูล. ได้ให้โอวาทแก่กลุ่ม อาสาสมัครรักษ์ทะเลไทย ดําน้ำเก็บขยะใต้ทะเล ที่จะทำการปล่อยตัวพร้อมอุปกรณ์ดำน้ำ ที่ ณ ห้องประชุมบารารีสอทร์ ตำบลปากน้ำ อำเภอละงู จังหวัดสตูลนาวาเอกจุมพจน์ เสนาะพิณ รอง ผอ.ศรชล.จว.สตูล. กล่าวว่า กลุ่มนักดำน้ำนี้ เป็นกลุ่มจิตอาสารักษ์ทะเล ทั้งในจังหวัดสตูล และต่างจังหวัด รวมทั้งชุดทหารเรือ ที่จะไปดำดิ่งลงใต้ท้องทะเล บริเวณเกาะบุโหลน และเกาะต่างๆรอบพื้นที่ในตำบลปากน้ำ อำเภอละงู จังหวัดสตูล ซึ่งเกาะเหล่านี้ มีท้องทะเลสวยงาม แนวปะการังที่งดงาม ปะการังหลากสี เป็นที่อยู่อาศัยสัตว์ใต้น้ำ และยังเป็นพื้นที่อยู่ในเขตของอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตราอีกด้วย
สำหรับกิจกรรมนี้ อาสาสมัครรักษ์ทะเลไทย ดําน้ำเก็บขยะใต้ทะเล พื้นที่จังหวัดสตูล กิจกรรม อาสาสมัครรักษ์ทะเลไทย ดําน้ำเก็บขยะใต้ทะเล พื้นที่ จังหวัดสตูล มีกําหนดการจัดกิจกรรม ระหว่างวันที่ 30 สิงหาคม –1 กันยายน2564 โดยมีผู้เข้าร่วม ซึ่งเป็น เครือข่ายอาสาสมัครนักดําน้ำจํานวน 20 คน เพื่อลดปริมาณขยะในทะเล ส่งผลกระทบกับแหล่งทรัพยากรทางทะเล และยังได้อนุรักษ์ และฟื้นฟู แหล่งทรัพยากร แนวปะการัง แหล่งปะการังเทียม ที่ได้รับความเสียหายจากการปกคลุมของขยะชนิดต่างๆสำหรับในวันนี้ ได้ทำการขยะใต้น้ำ ส่วนใหญ่เป็นเศษอ้วนที่ขาดเก่าถูกทิ้งลงใต้ทะเล คาดมาจากเรือประมง จำนวน 560 กก. พันเกาะติดปะการัง และได้เก็บขยะชายหาดที่ถูกคลื่นซัดพัดเข้าฝั่ง จำนวน 205 กก.รวมทั้งสิ้น 765 กก. ซึ่งการจัดการเก็บขยะทั้งตามชายหาด และใต้ท้องทะเล เพื่อรองรับสถานการณ์ คล้ายล๊อกในต่างจังหวัด อาจเป็นไปได้ว่า ประเทศชาติ เปิดเมือง เปิดการท่องเที่ยว และมั่นใจ เกาะแห่งนี้เป็นสถานที่ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวแห่มาเที่ยวชม ดำน้ำ ดูปะการังใต้ท้องทะเล สิ่งหนึ่งที่ทำให้นักท่องเที่ยวจดจำ คือความสวยงาม ที่ไร้ขยะ
สามารถติดตามข่าวสารอื่นๆได้ก่อนใครที่ https://www.siameagle.com
หรือ https://www.facebook.com/siameaglenews/