ชลบุรี-นักข่าวท้องถิ่นพัทยา โวย รพ.เอกชนชื่อดังเช็คสิทธิ์ประกันไม่ขึ้น ปล่อยทนเจ็บหนักเฉียดตาย
ภาพ/ข่าว:นิราช / นันทพล ทิพย์ศรี
เมื่อเวลา 16.00 น.วันที่ 2 กันยายน 2566 ผู้สื่อข่าว ได้รับการเปิดเผยจาก นายฐานภัทร อะเวลา อายุ 44 ปี ผู้สื่อข่าวท้องถิ่นประจำเมืองพัทยา ถึงเหตุการณ์นาทีชีวิต ช่วงกลางดึกที่ผ่านมา ได้เกิดอุบัติเหตุลื่นล้มในห้องน้ำ ทำให้ศีรษะฟาดกับอ่างล้างหน้า จนหน้าผากเหนือคิ้วขวาแตก และถูกบาดจนเป็นแผลฉกรรจ์ที่แขนซ้าย ก่อนเจ้าหน้าที่กู้ภัยสว่างบริบูรณ์ธรรมสถานเมืองพัทยา ได้ให้การช่วยเหลือเคลื่อนย้ายส่งโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังแห่งหนึ่งในพื้นที่พัทยา ตามประสงค์ของผู้บาดเจ็บ เนื่องจากได้บัตรประกันอุบัติเหตุไว้
ทั้งนี้ เมื่อเดินทางไปถึงโรงพยาบาลเอกชนดังกล่าว ได้แจ้งสิทธิ์รักษาตามประกันอุบัติเหตุ ซึ่งทางโรงพยาบาลทำการเช็คสิทธิ์กว่า 20 นาที และปล่อยให้รอมิได้ตรวจสอบบาดแผลและอาการบาดเจ็บแต่อย่างใด ก่อนมีเจ้าหน้าที่ออกมาแจ้งว่าไม่มีสิทธิ์ในการรักษาของประกัน แต่ด้วยอาการที่เสียเลือดมากของผู้บาดเจ็บ จนใบหน้าซีดเซียว อาการไม่สู้ดี หวั่นจะเกิดอาการช็อค เพราะผู้บาดเจ็บนั้นมีโรคประจำตัว ทางเพื่อนที่ตามมาด้วย จึงต้องขอเคลื่อนย้ายผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลของรัฐ เพื่อทำการรักษาเร่งด้วย หลังต้องเสียเวลารอเช็คสิทธิจากโรงพยาบาลเอกชนชื่อดัง เพื่อความปลอดภัยของผู้บาดเจ็บ เมื่อถึงโรงพยาบาลรัฐเจ้าหน้าที่ได้ทำการเย็บที่คิ้วขวา 8 เข็ม และแขนซ้าย 10 เข็ม จนอาการปลอดภัย กระทั่งช่วงเช้าของวันที่ 2 กันยาน ผู้บาดเจ็บได้ติดต่อสอบถามตัวแทนประกันเกี่ยวกับการใช้สิทธิ โดยได้รับการประสานจากตัวแทนและตรวจสอบจนทราบว่า ผู้บาดเจ็บยังคงมีสิทธิ์ในการใช้ประกันในการเข้ารักษาได้ทุกโรงพยาบาล สร้างความแปลกใจสงสัยว่าเพราะเหตุใด ทางโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังถึงตรวจสอบหาสิทธิ์ไม่พบ แล้วปล่อยให้ทนอยู่ในอาการบาดเจ็บนานเฉียดตาย โดยที่ไม่มีการช่วยเหลือตรวจสอบบาดแผลแต่อย่างใด จนญาติและกลุ่มเพื่อนทนดูไม่ไหว จึงต้องเคลื่อนย้ายไปโรงพยาบาลของรัฐบาล
อย่างไรก็ตาม นายฐานภัทร ตั้งข้อสงสัยว่าเพราะเหตุใดทางโรงพยาบาลเอกชนชื่อดัง เช็คสิทธิ์ไม่ขึ้นทำให้ต้องเสียสิทธิ์ในการเข้ารับการรักษา หากเป็นการประสบอุบัติร้ายแรงกว่านี้ แล้วเช็คสิทธิ์ไม่ขึ้นและถูกปล่อยให้รอเป็นเวลานาน โดยไม่ได้รับการรักษาทำให้ต้องเคลื่อนย้ายไปรักษายังโรงพยาบาลอื่นแทน และช้าไปจะทำอย่างไร ทั้งที่เป็นโรงพยาบาลชื่อดัง แต่กลับปล่อยให้ผู้ป่วยนอนรอความตายเช่นนี้