เพชรบุรี-ฮือฮา! ร้านขนมปลุกเสกความอร่อย ทำขนมพระเครื่อง เหมือนจนต้องสาธุก่อนกิน
ภาพ/ข่าว:สุรพล นาคนคร
ฮือฮา! ร้านขนมปลุกเสกความอร่อย ทำขนมพระเครื่อง เหมือนจนต้องสาธุก่อนกิน บอกเลยมีรุ่นนี้มีไว้ไม่อดตาย ด้านวัฒนธรรมจังหวัดและผอ.พุทธฯ อ้างไม่เหมาะสม ส่วนพระมหาไพรวัลย์มองกลับ ปัญหาใหญ่ไม่มอง มาจับผิดหยุมหยิมตอนยุคโควิดที่แม่ค้าเขาแค่คิดครีเอดเพื่อให้ค้าขายได้
โลกออนไลน์ต่างฮือฮาและแชร์โพสต์ของเฟซบุ๊ก มาดามชุบ เพจขายขนมแฮนด์เมด ที่มีไอเดียสุดครีเอต เนื่องจากได้ทำขนมอาลัวเป็นพิมพ์พระเครื่อง บอกเลยว่าแปลกใหม่และไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน ทั้งนี้ ทางร้านได้ทำขนมพิมพ์พระเครื่องรูปทรงต่าง ๆ มีทั้งพระสมเด็จ พระขุนแผน และอีกเพียบ แถมมีการแปะทองเพิ่มความสมจริงยิ่งขึ้นไปอีก ส่งใส่แพ็กเกจถุงซิปเหมือนพระเครื่องจริงๆ อีกด้วยโดยทางร้านบอกว่าเป็นขนมอาลัว รสดั้งเดิมอบควันเทียน หากลูกค้าไม่กล้าเอาเข้าปาก ทางร้านมีรูปแบบอื่นๆ ด้วย ซึ่งต้องสั่งล่วงหน้าเท่านั้น ส่วนทีมงานก็มีเพียงลูกสาววัย 6 ขวบ ซึ่งตอนนี้ออเดอร์เข้ามาเยอะจนทำกันไม่ทันแล้ว งานนี้ชาวเน็ตต่างคอมเมนต์เฮฮาสนั่นเพจ บ้างก็แซวว่าห้อยคออาจไม่ขลัง ต้องกินเข้าไปเลย อมพระมาพูดก็ไม่เชื่อ ต่อไปต้องกินให้ดู บ้างก็ว่าให้พูดสาธุก่อนเอาเข้าปาก หรือให้อมไว้ใต้ลิ้นก่อนจับใบดำ-แดง พร้อมชื่นชมว่าไอเดียดีและทำสวยมาก ขณะที่ พระมหาไพรวัลย์ วรวณฺโณ วัดสร้อยทอง ได้แชร์โพสต์ดังกล่าวเช่นกัน พร้อมระบุว่า “รุ่นนี้มีไว้ไม่อด หิวๆ ก็หยิบมากินได้ เรียกว่ารุ่นกูให้มึงอิ่มท้อง”
อย่างไรก็ตาม ยังมีความคิดเห็นอีกด้านที่มองว่าไอเดียแบบนี้ไม่เหมาะสม เหมือนเอาพระมาเล่น คนนับถือพุทธศาสนาไม่ควรทำแบบนี้ ซึ่งก็เป็นความคิดเห็นที่แตกต่างกันออกไป เรื่องนี้ทำให้นางสุชาดา หิรัญภัทรานันท์ วัฒนธรรมจังหวัดสมุทรสงคราม หารือกับนางสาวมาลินี สวยค้าข้าว ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดสมุทรสงคราม ถึงความเหมาะสมในการทำอาหารเป็นรูปพระเครื่อง นางสุชาดา กล่าวว่าในกรณีนี้สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดสมุทรสงครามไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้หารือกับสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดสมุทรสงคราม มีความเห็นตรงกันว่าการที่จะนำวัตถุมงคลที่เคารพของชาวพุทธศาสนิกชนไม่น่าจะเหมาะสม ทั้งนี้ในเรื่องการประกอบอาชีพเป็นเรื่องที่ควรให้การสนับสนุน แต่ไม่น่าจะทำเป็นรูปวัตถุมงคล แต่น่าจะทำเป็นเรื่องของอัตลักษณ์ของจังหวัดสมุทรสงคราม เช่น กุ้ง หอย ปู ปลา ก็จะรุ่งเรืองได้เช่นกัน แต่พอเป็นวัตถุมงคลเป็นความรู้สึกทางจิตใจเอาของสูงที่เคารพบูชามาทำเป็นอาหาร หากวันไหนที่ขนมเสีย นำไปทิ้ง และมีภาพสุนัขหรือแมวมากัดกินก็จะทำให้ยิ่งไม่เหมาะสม ซึ่งเรื่องนี้เป็นห่วงมากซึ่งจะหาโอกาสไปแนะนำ.
เรื่องนี้ผสข.ได้ขอสัมภาษณ์พระมหาไพรวัลย์ ขณะไปงานศพของครอบครัวหนึ่งที่จังหวัดเพชรบุรีกับหมอปลา พระมหาไพรวัลย์ตอบว่า ในมุมมองส่วนตัวของท่านไม่มองเป็นเรื่องการลบหลู่อยู่แล้ว เพราะอาตมาเชื่อในเจตนาของคนที่ทำ เขาไม่ได้จงเกลียดจงชังอะไรกับศาสนาพุทธหรอก เพียงแต่ว่า เขามองว่า การเอาแบบพิมพ์ของพระเครื่อง มาทำเป็นรูปแบบขนมมันเป็นการครีเอด มันเป็นไอเดียของเขาที่เขาคิดว่าเขาจะทำแล้วมันสามารถช่วยกระตุ้นยอดขายของเขาได้ในช่วงที่มันเป็นโควิดอะไรอย่างนี้ คือจริงๆเราต้องยอมรับหรือเปล่าว่า พระเครื่องเหล่านี้มันก็ไม่ได้มีอยุ่ในพระพุทธศาสนาอยู่แล้ว แต่คนในยุคหลังก็มาทำกันขึ้นมาเอง แล้วก็เอาพระพุทธเจ้าไปเป็นพระพิมพ์นั้นพิมพ์นี้ ไปเป็นนางพญาบ้าง ไปเป็นขุนแผนบ้าง แล้วคนไม่เห็นเป็นเรื่องเสียหายเลย อาตมาไม่เห็นใครเดือดร้อนเลย เอาพระพุทธเจ้าไปทำเป็นพวกพุทธคุณ เมตตามหานิยม มหาเสน่ห์ แล้วเรื่องอย่างนี้เหมาะสมหรือเปล่า อาตมาอยากถาม ไม่มีใครเดือดร้อน แต่พอมีคนเอามาทำเป็นขนม คนเดือดร้อน บอกว่าไม่เหมาะสม อาตมาว่าไม่ถูก คือถ้าคุณจะเดือดรอ้น ไม่มีปัญหาเลย คุณจะมองว่าไม่เหมาะสมไม่มีปัญหา แต่ช่วยตั้งคำถามอะไรที่มันใหญ่กว่านี้ได้ไหม ใหญ่กว่าแค่เรื่องที่ว่าคนเอามาทำเป็นขนมเนี่ย คนเอาพระพุทธเจ้าไปทำเป็นเรื่องไสยศาสตร์ เวทย์มนต์ ในฐานะที่คุณเป็นคนพุทธ คุณเคยออกมาปกป้องหรือเปล่า อย่างสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาตินี่ ออกมาดิ้นเรื่องนี้ กระทรวงวัฒนธรรมออกมา โอยออกมาว่ากันใหญ่เลย แต่ก่อนหน้านี้ คนพุทธไปไหว้เด็กผีในวัด ไปจุดประทัดกัน บนบานกัน ไม่เห็นคุณออกมากล้าพูดเลย บางวัดเห็นมีพระพิฆคเนศร์ใหญ่โตกว่าหลังคาโบสถ์อีก อั้นนี้เป็นเรื่องเหมาะสมหรือเปล่า คุณกล้าหรือเปล่า คุณก็ไม่กล้าพูด ได้แต่แม่ค้าคนหนึ่ง จะทำขนมขึ้นมาคุณเดือดร้อน นี่อาตามาอยากจะถาม
ผสข.ถามว่า อันที่จริงคนทำเขามองเป็นเรื่องมงคลด้วยซ้ำไป พระมหาไพรวัลย์ตอบว่า มันก็กินได้ สมัยก่อนคนยังอมพระเลย เวลาเอาลูกไปเกณฑ์ทหารยังอมพระกันได้เลย อมพระล่งพระรอดอะไรกัน เพื่อจะได้ไม่ติดทหาร หรือว่าบางคนหนักกว่านั้นอีก เอาพระไปแช่ในขันน้ำมนต์ แล้วไปทำพิธีกันเพื่อไปเสกน้ำมนต์ ให้มันขลัง ให้มันศักดิ์สิทธิ์แล้วเอามากิน เอามาดื่มกัน เพื่อจะรักษาโรค ไม่เห็นมีใครเดือดร้อนเลย อาตมามองว่า มันเป็นสิ่งที่หนักหนากว่านี้มาก การลบหลู่ศาสนาคือการลบหลู่คำสอนของพระพุทธเจ้า คุณไปดัดแปลงคำสอนของท่าน ทำพุทธศาสตร์ให้เป็นไสยศาสตร์ อันนั้นแหละเคือการลบหลู่ปรามาศ แต่คนพุทธไม่เดือดร้อน เพราะคนพุทธชอบ เอาพระพุทธเจ้าไปทำเรื่องไสยศาสตร์ มันกราบไหว้บุชากันใหญ่เลย มั้นชอบ แต่พอทำมาเป็นไอเดียขนม โอ้ยออกมาดิ้นกันใหญ่เลย โอยรับไม่ได้ ปรามาสศาสนา นี่อาตมาอยากรู้ว่าทำไมมันกินพระเครื่องขนมเข้าไปแล้วมันจะไอ้นี่หรือยังงั้ย ศาสนามันจะหายไปพร้อมกับพระเครื่องเหล่านั้นหรืออย่างไร
สามารถติดตามข่าวสารอื่นๆได้ก่อนใครที่ https://www.siameagle.com
หรือ https://www.facebook.com/siameaglenews/