ปทุมธานี-ร้านอาหารสุดช้ำกู้เงินลงทุนเกือบ 10ล้านเจอมาตรการรัฐซื้อไปกินที่บ้านเดือดร้อนหนัก
ภาพ/ข่าว:อนันต์ วิจิตรประชา
เจ้าของร้านอาหารสุดช้ำกู้เงินลงทุนเกือบ 10ล้านเจอมาตรการรัฐซื้อไปกินที่บ้านเดือดร้อนหนัก
วันที่ 1 พ.ค. 2564 จากมาตรการว่าด้วยการแพร่ระบาดจากเชื้อไวรัสโควิด 19 จึงมีคำสั่งปรับ 6 จังหวัด ให้เป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (สีแดงเข้ม)ได้แก่ 1.กรุงเทพ 2.ชลบุรี 3.เชียงใหม่ 4.นนทบุรี 5.ปทุมธานี และ6.สมุทรปราการ โดยมีการยกระดับมาตรการควบคุมโรค ด้วยมาตรการห้ามรับประทานอาหารที่ร้าน ซื้อกลับบ้านได้เท่านั้นเริ่มบังคับใช้ 1 พ.ค.64 ส่วนร้านอาหารให้เปิดบริการได้ถึง3ทุ่มแต่ห้ามนั่งในร้าน
โดยนายนารินทร์ คุ้มแก้ว อายุ47ปี เจ้าของร้านอาหารครัวคุ้มแก้ว 29/5 ซอยคลอง6 ตะวันตก ต.คลองหก อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี กล่าวว่า ตนมีอาชีพทำร้านอาหารได้รับผลกระทบจากโควิด 19 มาตลอด เปิดค้าขายมาร่วม 20 ปีใกล้กับบิ๊กซีคลอง6 ธัญบุรี เดือนร้อนเนื่องจากค่าเช่าที่แพงมากราคา 75,000 บาทต่อเดือน ประกอบเริ่มมีการแพร่ระบาดโควิด19 ครั้งแรกตนจึงไม่ต่อสัญญาเช่าเพราะสู้ค่าเช่าไม่ไหว และหาเช่าพื้นที่ใหม่เพื่อทำร้านอาหาร จึงกู้เงินแบงค์เกือบ10ล้านบาทเพื่อลงทุนในการก่อสร้างร้านใหม่และเปิดขายเมื่อวันที่20กุมภาพันธ์ ปี64 ที่ผ่านมาโดยจ่ายค่าเช่าเพียง 30,000 บาทต่อเดือน การค้าขายก็แย่มาโดยตลอดเกี่ยวกับสภาพเศรษฐกิจและปัญหาการระบาดของโควิด19 พอมาวันนี้รัฐบาลมีคำสั่งจากการระบาดของโควิด19 รอบที่ 3 โดยห้ามจำหน่ายสุราและเครื่องดื่มแอลกอฮอร์ แต่ให้เปิดบริการได้ถึง 21.00น. จึงได้รับผลกระทบเต็มๆเนื่องจากร้านของผมเปิดเวลา 16.00 น. มีเวลาที่น้อยมากในการขายอาหาร จากเดิมเคยจ้างพนักงานเกือบ 20 ชีวิต ต้องลดเหลือ 7-8 คน เท่านั้น เพราะไม่งั้นภาระต้องตกมาที่ผู้ประกอบการ วันนี้มีคำสั่งจากรัฐบาล ห้ามรับประทานอาหารที่ร้านให้ซื้อกลับไปรับประทานที่บ้านเพียงอย่าเดียว และจะมีสักเท่าไรที่มาซื้อไปรับประทานที่บ้าน ผลกระทบครั้งนี้หนักกว่าทุกรอบที่ผ่านมา อยากฝากให้รัฐบาลให้ทบทวนมีมาตรการช่วยเหลือและเยี่ยวยาผู้ประกอบการร้านอาหารด้วย ในส่วนของวัคซีนช่วยแร่งดำเนินการจัดซื้อวัคซีนที่มีคุณภาพให้แก่ประชาชนชาวไทยเพื่อลดความสูญเสียทางด้านเศรษฐกิจและชีวิตของประชาชนทุกคน เพราะทุกครั้งที่มีคำสั่งประชาชนก็มีผลกระทบแต่ก็ยังปฏิบัติตามตามคำสั่งจากรัฐบาลอย่างเคร่งครัดมาโดยตลอด
สามารถติดตามข่าวสารอื่นๆได้ก่อนใครที่ https://www.siameagle.com
หรือ https://www.facebook.com/siameaglenews/