ศรีสะเกษ-ศูนย์พิทักษ์ป่าที่ 2 จับ 2 เขมรลอบตัดไม้พะยูงกลางดึกห่างชายแดนไทย
ภาพ / ข่าว:ศิริเกษ หมายสุข
ศรีสะเกษ ศูนย์พิทักษ์ป่าที่ 2 จับ 2 เขมรลอบตัดไม้พะยูงกลางดึกห่างชายแดนไทย – กัมพูชาเพียง 3 กม.
เมื่อเวลา 03.50 น. วันที่ 1 พ.ค. 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณป่าทางทิศใต้บ้านแซรไปร์ อยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยศาลา ซ้อนทับเขตป่าถาวรตามมติคณะรัฐมนตรี “ป่าฝั่งซ้ายห้วยศาลา” ท้องที่ ต.ไพรพัฒนา อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ ห่างจากชายแดนไทย – กัมพูชา ประมาณ 3 กิโลเมตร พิกัด UTM 48 P 399307 E 15894102 N นายสาธิต พันธุมาศ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยศาลา ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ศูนย์พิทักษ์ป่าที่ 2 (ชุด Smart Patrol) เข้าทำการจับกุมชาวกัมพูชา 2 คน ทราบชื่อภายหลังว่าคือ นายซืน เพี๊ยะรน อายุ 20 ปี และนายแยม ยุงณี อายุ 18 ปี อาศัยอยู่ที่บ้านภูมิ ช่องสะงำ ตำบลตรอเปรียงไปร จ.อุดรมีชัย ประเทศกัมพูชา พร้อมด้วยของกลางประกอบด้วย ไม้พะยูง จำนวน 5 เหลี่ยม/ชิ้น ปริมาตร 0.13 ลูกบาศก์เมตร พร้อมอุปกรณ์การกระทำผิด เลื่อยลันดา 2 ปื้น หัวไฟฉาย 2 อัน
นายสาธิต พันธุมาศ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยศาลา เปิดเผยว่า จากการที่เจ้าหน้าที่ได้ลาดตระเวนเพื่อป้องกันการลักลอบตัดไม้ทำลายป่าตามแนวตะเข็บชายแดนไทย – กัมพูชา พบว่า มีชายชาวกัมพูชาจำนวน 2 คน กำลังทำการตัดไม้พะยูงและกำลังจะขนไม้พะยูงที่ตัดแล้วเพื่อนำเอาเข้าไปในเขตกัมพูชาที่อยู่ห่างจากแนวชายแดนเพียง 3 กม.เท่านั้น เนื่องจากว่าเป็นเวลากลางคืน เจ้าหน้าที่จึงได้ใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษเพราะว่าเป็นเวลากลางดึก จากนั้น ได้แสดงตัวเข้าทำการจับกุม ซึ่งสามารถจับกุมได้โดยละม่อมพร้อมของกลาง หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยศาลา เปิดเผยต่อไปว่า เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 จึงได้ประสานงานไปยัง จนท.ด่านตรวจควบคุมโรคระหว่างประเทศ ช่องสะงำ เพื่อให้มาทำการคัดกรอง Covid-19 เบื้องต้น ผลการตรวจวัดอุณหภูมิวัดไข้ปกติ ตามมาตรการป้องกันฯของ จ.ศรีสะเกษ โดยได้แจ้งข้อกล่าวหาว่า กระทำผิด พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 11,48 พ.รบ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2562 มาตรา 53,55(5) และ พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 นำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางไปส่งมอบให้ พนักงานสอบสวน สภ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
สามารถติดตามข่าวสารอื่นๆได้ก่อนใครที่ https://www.siameagle.com
หรือ https://www.facebook.com/siameaglenews/