เพชรบุรี-ภาคีแก่งกระจานยื่นร้องปปช.อีก เอาผิด ธรรมนัส และ ณัฐพล สส.ม๊ง
ภาพ/ข่าว:สุรพล นาคนคร
ภาคี #SAVEแก่งกระจานยื่นร้องปปช.อีก เอาผิด ธรรมนัส และ ณัฐพล สส.ม๊ง ผิดมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรง กรณีแทรกแซงคดีกะหร่างบุรุกป่าแก่งกระจาน
จากกรณีที่ภาคีเซฟบางกลอย นำโดย นายพงษ์ศักดิ์ ต้นน้ำเพชร กับพวก ได้ไปยื่นหนังสือ ที่ศูนย์รับเรื่องร้องทุกข์ เมื่อวันที่ 25 พ.ค.64 ถึง ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะที่เป็นประธานคณะกรรมการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยและที่ทำกิน โดยมีรอ.ธรรมนัส และนายเสกสกล มารับหนังสือและให้สัมภาษณ์ว่าได้สั่งการให้มีการชลอคดีกับผู้ต้องหาทั้ง 28 รายในคดีบุกรุกพื้นที่ป่าของอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานไว้ก่อนและมีหนังสือยืนยันให้กับกลุ่มดังกล่าวว่า ได้สั่งชลอแล้ว โดยมีการเผยแพร่ภาพข่าวปรากฏต่อสื่อมวลชน ต่อมาประธานองค์กรอนาคตเพชรบุรี เครือข่ายภาคี#save แก่งกระจาน ได้ไปยื่นร้องเรียนต่อเลขาธิการปปช.ผ่านสำนักงานปปช.เพชรบุรี เพื่อให้คณะกรรมการปปช.เอาผิดร้อยเอกธรรมนัส ฐานแทรกแซงคดีดังกล่าว
ล่าสุดสายวันนี้ 31 พ.ค.64 นายสุรพล นาคนคร ประธานองค์กรอนาคตเพชรบุรี ได้ไปยื่นหนังสือถึงเลขาธิการปปช.ผ่านสำนักงานปปช.เพชรบุรี เพิ่มเพื่อให้เอาผิดร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่าในกรณีเดิม และกรณีนายณัฐพล สืบศักดิ์วงษ์ ส.ส.พรรคก้าวไกล ว่า กระทำผิดมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรง โดยนายณัฐพงษ์ ได้ให้สัมภาษณ์และแสดงความคิดเห็นต่อสื่อออนไลน์และเข้าระบบคอมพิวเตอร์ เรียกร้องให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมถอนฟ้องชาวบ้านบางกลอยและขอให้อัยการพิจารณาไม่ฟ้องชาวบ้านกะเหรี่ยง ซึ่งทั้งสองคนมีสถานะเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและกรรมาธิการของสภาผุ้แทนราษฎรอยู่ด้วย
ประธานองค์กรอนาคนเพชรบุรี กล่าวว่า ทั้งร้อยเอกธรรมนัส และนายณัฐพล จะพูดหรือจะคิด หรือจะเสนออะไรก็ได้ถ้าสองคนนี้เป็นประชาชนทั่วๆไป แต่ขณะนี้ทั้งสองบุคคล คนหนึ่งอยู่ในตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการ ส.ส.และกรรมาธิการ อีกคนหนึ่งอยู่ในสถาฐะ ส.ส.และกรรมาธิการ จะพูด หรือจะคิด หรือแสดงความเห็นต่อสาธารณชนในโอกาสแบบนี้ไม่ได้ เพราะมันขัดต่อหลักการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตรย์เป็นประมุข ขัดต่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ขัดต่อมาตรฐานทางจริยธรรมของส.ส.และกรรมาธิการ ที่มีข้อบังคับว่าด้วยประมวลจริยธรรมของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและกรรมาธิการ พ.ศ.2563 และบัญชีท้ายข้อบังคับว่าด้วยประมวลจริยธรรมของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและกรรมธิการ พ.ศ.2563 ซึ่งมาตรฐานทางจริยธรรมนี้ใช้บังคับแก่สมาชิกสภาผุ้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา และคณะรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 219 วรรคสอง ด้วย
ซึ่งหากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ทำการไต่สวนทั้งกรณีผู้ถูกกล่าวหา ทุจริตต่อหน้าที่ หรือจงใจปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย หรือฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง หรือกระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ พบว่ามีความผิดและส่งสำนวนให้ศาลฏีกา และศาลรับคำร้อง ผู้ถูกกล่าวหาก็จะต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ และหากมีคำพิพากษาว่าเป็นการกระทำความผิดจริง ก็จะต้องพ้นจากตำแหน่งและไม่สามารถดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้อีกต่อไป เรื่องนี้ ไม่ใช่เป็นเรื่องการกระทำผิดกฎหมายเพียงอย่างเดียว แต่เป็นเรื่องของการกระทำและพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมตามมาตรฐานทางจริยธรรม ที่กำหนดไว้ด้วย ซึ่งมีผลต่อตำแหน่งและหน้าที่การงานอีกด้วย จึงต้องการให้เป็นเยี่ยงอย่างว่า สิ่งที่ท่านทำหรือพูด หรือแสดงความคิดเห็นนั้น มันทำไม่ได้ตามที่ท่านได้กระทำ ไม่เช่นนั้น สังคมจะสับสนในสิ่งที่ท่านทั้งสองคนได้กระทำที่ผ่านมา จึงขอให้คณะกรรมการปปช.เร่งดำเนินการไต่สวนและแสวงหาข้อเท็จจริงเพิ่มเติมว่า เป็นการกระทำความผิดทั้งกฏหมายและมาตรฐานทางจริยธรรมร้ายแรงหรือไม่ต่อไป
สามารถติดตามข่าวสารอื่นๆได้ก่อนใครที่ https://www.siameagle.com
หรือ https://www.facebook.com/siameaglenews/