สมุทรปราการ-สามผู้เสียหายจำทองบุกโรงพัก ร้านรับจำนำเงียบหาย คาดถูกโกง

สมุทรปราการ-สามผู้เสียหายจำทองบุกโรงพัก ร้านรับจำนำเงียบหาย คาดถูกโกง

ภาพ/ข่าว:สุรศักดิ์ / อัญมณี คงสินธ์ 

             สามผู้เสียหายจำทองบุกโรงพัก หลังต่อดอกเบี้ยไม่ได้แถมติดต่อเจ้าของร้านที่รับจำนำก็เงียบหายคาดถูกโกง

            เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 13 มีนาคม 2564 สามผู้เสียที่จำนำทองแล้วต่อดอกเบี้ยไม่ได้แถมติดต่อร้านทองก็เงียบหายได้รวมตัวกันเดินทางมาที่ สภ.บางปู สมุทรปราการ หลังจากที่ก่อนหน้านี้นำสร้อยคอทองคำไปจำนำแล้วปรากฏว่าภายหลังได้มีการเซ็งร้านขายทองให้คนอื่น ผู้เสียหายหลายรายเข้าไปติดต่อขอต่อดอกแล้วทางเจ้าของร้านทองเจ้าใหม่อ้างว่าเจ้าของเดิมไม่ได้โอนทองที่รับจำนำไว้ให้จึงรับผิดชอบให้ไม่ได้ ผู้เสียหายจึงได้นำหลักฐานหลักฐานใบรับจำนำทอง เข้าพบ ร.ต.อ.ปัญญาพล บุญศรี พนักงานสอบสวน สภ.บางปู เพื่อแจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับทางอดีตเจ้าของร้านทอง แห่งหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ภายในซอยสามห่วง ตำบลบางปูใหม่ อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ เพื่อให้ดำเนินคดีกับอดีตเจ้าของร้านทองที่รับจำนำทองไป

           นางสาว อินทิรา แก้วปัญญา หนึ่งในผู้เสียหาย ได้เล่าว่า ตนและผู้เสียหายอีกนับสิบราย ที่นำสร้อยทองคำไปจำนำกับทางร้านทองแห่งนี้เมื่อปี 2562 โดยมีกำหนดจ่ายดอกเบี้ยทุกสองเดือน แรก ๆ ก็จ่ายดอกตามปกติไม่เคยขาดส่งแต่อย่างใด จนมาช่วงปลายปีที่ผ่านมา ตนจะไปจ่ายดอกเบี้ยตามปกติ แต่ทางเจ้าของร้านแจ้งว่าให้ไปจ่ายดอกเบี้ยที่ร้านขายเสื้อผ้าติดกับร้านทอง ซึ่งเป็นคนรู้จักกัน ตนและคนอื่น ๆ ก็นำเงินไปจ่ายดอกเบี้ยที่ร้ายเสื้อผ้าตามที่เจ้าของร้านบอก ซึ่งก็จ่ายได้ตามปกติไม่มีปัญหาใด จนมาทราบภายหลังว่า เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมาร้านทองแห่งนี้ได้ปิดกิจการและเซ้งให้กับนายทุนรายอื่นไป จนมาต้นเดือนนี้ ตนจะไปจ่ายดอกและขอไถ่สร้อยคืนมา แต่กลับได้รับคำตอบจากร้านเสื้อผ้าที่เคยรับส่งดอกว่า ทางเจ้าของร้านโทรมาแจ้งว่าให้งดรับดอกเบี้ย ตนจึงมีการติดต่อสอบถามไปสอบถามเจ้าของร้านที่รับจำนำเอาไว้ แต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้ จึงพากันมาแจ้งความ ซึ่งทราบว่านอกจากผู้เสียหายสามคนนี้แล้วยังมีรายอื่นอีกกว่า 20 รายที่ไม่สามารถไถ่ทองคืนจากนี้และติดต่อทางร้านนี้ไม่ได้เช่นกัน ซึ่งผู้เสียหายกลุ่มนี้ยังได้เข้าขอคำปรึกษาด้านคดีกับทางทนายความอาสาที่มาประจำการที่ สภ.บางปู เพื่อหาแนวทางการดำเนินคดีทางกฎหมายโดยทางทนายความระบุว่าหากมีผู้เสียหายมากอาจจะเข้าข่ายฉ้อโกงได้แต่หากเป็นรายบุคคลเช่นนี้ต้องดูเจตนาของทางร้านแต่อาจเข้าข่ายยักยอกทรัพย์ได้เช่นกันต้องพิจารณาจากพนักงานสอบสวนอีกครั้งเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ลงบันทึกรับแจ้งความร้องทุกข์เอาไว้ และจะนัดผู้เสียหายมาสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง เพื่อเป็นหลักฐานในการออกหมายเรียกและหมายจับเจ้าร้านทองรายดังกล่าวมาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

สามารถติดตามข่าวสารอื่นๆได้ก่อนใครที่ https://www.siameagle.com
หรือ https://www.facebook.com/siameaglenews/

 

 

CATEGORIES
Share This

COMMENTS

error: Content is protected !!