สมุทรปราการ-เริ่มแล้วปฏิบัติการขนย้ายสารเคมี
ภาพ/ข่าว:สุรศักดิ์ / อัญมณี คงสินธ์
เริ่มแล้วปฏิบัติการขนย้ายสารเคมี
เมื่อเวลา 10.30 น.วันที่ 10 กรกฎาคม 2564 เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการสารเคมี บริษัท อัคคีปราการ พร้อมด้วยชุดปฏิบัติการตอบโต้สารเคมี อบต. บางพลีใหญ่ อบต.ราชาเทวะ และเทาภัยปราการ ร่วมแผนปฏิบัติการเริ่มทำการขนถ่ายสารเคมีโดยใช้รถบรรทุกสารเคมี ภายใต้การควบคุมดูแลด้านความปลอดภัยจากผู้เชี่ยวชาญอย่างรัดกุม โดยมีทีมเจ้าหน้าที่ดับเพลิงคอยเฝ้าระวังสูงสุด นายสมศักดิ์ แก้วเสนา นายอำเภอบางพลี เปิดเผยว่า วันนี้เริ่มปฎิบัติการตามแผนในการขนย้ายสารเคมีโดยให้บริษัทอัคคีปราการเป็นผู้ดำเนินการ ซึ่งเป็นบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญในการขนย้ายสารเคมี ในวันนี้คาดว่าจะดำเนินการได้สองเที่ยว สามารถขนย้ายสารเคมีออกไปประมาณ 40,000 ลิตร หรือประมาณ 160 คิว ซึ่งมีกำหนดการแล้วเสร็จไม่เกิน 10 วันกับสารเคมีทั้งหมด 600 ตัน หลังจากวันนี้หากสามารถขนย้ายได้ทั้งสองเที่ยวสำเร็จก็จะเสนอผู้ว่าพิจารณาให้ประชาชนในรัศมี 1 กิโลเมตรที่เหลือกลับเข้าบ้านพักได้ โดยการเคลื่อนย้ายแต่ละครั้งจากที่เกิดเหตุไปยังบริษัทกำจัดสารเคมี อัคคีปราการ ซึ่งตั้งอยู่ในนิคมบางปู นั้น จะมีรถเจ้าหน้าที่ตำรวจนำหน้าและรถดับเพลิงดูแลด้านความปลอดภัยอย่างใกล้ชิดเพื่อป้องกันความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นในระหว่างขนย้ายสารเคมีไปทำลาย มั่นใจหลังจากนี้จะไม่เกิดอันตรายแก่ประชาชนโดยรอบแน่นอน
นาย ศุภวัฒน์ คุณวรวินิจ ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารการตลาด บริษัท มหาชนจำกัด อัคคีปราการ เปิดเผยว่าสำหรับปฎิบัติการขนย้ายสารเคมีนี้ตามแผนจะต้องดำเนินการตั้งแต่ช่วงเย็นของวานนี้แต่ติดปัญหาหน้างานมีฝนตกลงมาทำให้เส้นทางที่จะนำรถขนสารเคมีไม่สามารถดำเนินการได้จำเป็นต้องนำทรายเข้ามาถมเพิ่มเพื่อให้รองรับนำหนักรถบรรทุกสารเคมีที่จะเข้าดำเนินการ ซึ่งในวันนี้จึงสามารถเริ่มดำเนินการได้ ทั้งนี้ต้องมาดูคันแรกก่อนว่าใช้เวลาในการดำเนินการมากน้อยแค่ไหนและสามารถขนย้ายสารเคมีได้เท่าไหร่จึงจะสามารถคำนวนเวลาทั้งหมดในการดำเนินการได้ ซึ่งวันนี้มีการเตรียมรถโฮโซนแท็งค์มาทั้งหมด 6 คันโดยแต่ละคันจะมีการเสิร์ตไนโตเจนเอาไว้ในถังทั้งหมดต้องเป็นระบบปิด และจะทยอยเดินทางไปครั้งละ 2 คัน โดยแต่ละคันจะบรรจุได้ครั้งละ 24 คิว หรือ 24,000 ลิตร รถขนย้ายนั้นเป็นรถขนย้ายสารเคมีโดยเฉพาะซึ่งมีระบบป้องกันอย่างดีจึงขอให้ประชาชนมั่นใจในการขนย้าย
สามารถติดตามข่าวสารอื่นๆได้ก่อนใครที่ https://www.siameagle.com
หรือ https://www.facebook.com/siameaglenews/