ลพบุรี-ชาวบ้านโคกสลุงเชื่อเหตุวิวาทถึงตายเกิดจากการหลบหลู่เจ้าที่เจ้าทาง
ภาพ/ข่าว:กฤษณ์ สนใจ
ศูนย์ข่าวภาคกลาง จังหวัดลพบุรี ชาวบ้านโคกสลุงเชื่อเหตุวิวาทถึงตายจากการลบหลู่เจ้าที่
จากเหตุการณ์เมื่อ วันที่ 16 ม.ค. 64 ร.ต.อ.วีระพันธ์ ชื่นชม รอง สว.(สอบสวน) สภ.โคกสลุง อ.พัฒนานิคม ลพบุรี ได้รับแจ้งมีเหตุทำร้ายร่างกายกันที่โรงไก่ร้าง หมู่ที่ 8 ต.โคกสลุง ในที่เกิดเหตุมีผู้ได้รับบาดเจ็บ จึงได้เดินทางไปยังจุดเกิดเหตุ ทราบว่าผู้ก่อเหตุและผู้ได้รับบาดเจ็บเดินทางไปยัง สภ.พัฒนานิคมเพื่อไปพบกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อร้องทุกข์และแจ้งความ
ร.ต.อ.วีระพันธ์ ชื่นชม จึงได้เดินทางมายัง สภ.พัฒนานิคม เพื่อสอบถามถึงสาเหตุของการทะเลาะวิวาทกับพบว่า ผู้ได้รับบาดเจ็บเสียชีวิตอยู่หลังกระบะรถของผู้ก่อเหตุแล้ว จึงได้รายงานให้ พ.ต.อ.กริช แสงพล ผกก.สภ.พัฒนานิคม ทราบ พร้อมทั้งได้ประสานแพทย์เวร รพ.พัฒนานิคม นคร88 และอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู ร่วมชันสูตรพลิกศพ
จากการสอบถามนายประจวบ บุญทอง อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 51/481 ซอยนวลจันทร์ 17 แขวงนวลจันทร์ เขตบึงกุ่ม กรุงเทพฯ เจ้าของรถกระบะสีขาวหมายเลขทะเบียน 2ฒณ-2889 กรุงเทพมหานคร นายจ้าง และผู้ที่ก่อเหตุ ที่ได้รับบาดเจ็บที่ข้อมือซ้าย เลือดไหลนองแห้งเกรอะกรังตามเสื้อและกางเกง ซึ่งมีศพของนายอำพล ครรักษา อายุ 34 ปี ชาวบ้าน อ.เมืองพล จ.ขอนแก่น นอนตายอยู่ท้ายรถ ในสภาพมีบาดแผลที่ใบหน้าบวมปูด มีเลือดไหลซึม ที่เบ้าตาซ้าย ซึ่งจากการชันสูตรพลิกศพตามร่างกายไม่พบบาดแผลตามลำตัว คาดเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 1 ชั่วโมง นายประจวบ นายจ้างผู้ก่อเหตุเล่าว่า ตนเองทำงานรับเหมา ซื้อของเก่า โดยมีผู้ตายเป็นลูกน้องทำงานร่วมกันมาได้ประมาณ 4-5 วัน โดยผู้ตายได้ค่าจ้างวันละ 600 บาท ซึ่งวันนี้หลังเลิกงานเห็นว่าทำงานกันมาอย่างเหน็ดเหนื่อย จึงอยากจะเลี้ยงสุรา อาหาร ซึ่งผู้ตายอยากจะกินตับย่าง หมูปิ้ง ตนเองก็ตามใจ โดยซื้อเหล้าขาวที่ชอบมาให้ผู้ตาย แต่ตนเองดื่มเหล้าแดง ผ่านไปจนได้ที่ ผู้ตายมาถามทำไมถึงลดค่าแรงจากวันละ 600 เหลือ 500 บาท ตนเองก็บอกว่าช่วงสถานการณ์โควิด-19 ไม่สามารถส่งของเก่าเข้าโรงงานได้ ขอให้ช่วยกันไปก่อนหากสถานการณ์ ปกติก็จะให้ค่าแรงเช่นเดิม ทำให้ผู้ตายไม่พอใจ ด่าหยาบคาย ก่อนเดินไปหยิบไม้มาตีตนเอง ซึ่งเห็นว่าเมาแล้วก็ได้ตักเตือนอย่าทำอีก พร้อมกับไล่ไปนอนพักผ่อน ซึ่งผู้ตายก็ยังเซ้าซี้จะเอาเรื่องให้ได้และ “ตะโกนว่าวันนี้ถ้าไม่มีใครตายกูก็จะไม่นอน” สักครู่ผู้ตายได้ถือมีดอีโต้มาจะฟันที่ศรีษะตนเอง จึงใช้มือซ้ายรับจนเป็นแผลฉกรรจ์เลือดไหลนอง ตนเห็นท่าไมดีจึงได้ตอบโต้โดยชกต่อยไปที่ใบหน้าหลายครั้ง จนนายอำพลหมอบไปที่พื้น ตนเองจึงได้ทำแผลที่ข้อมือซ้าย และนำตัวผู้ตายมา โรงพักพัฒนานิคม เพื่อแจ้งความผู้ตายที่ใช้มีดฟันทำร้ายร่างกายตนเอง แต่กลับพบว่าเมื่อมาถึงโรงพักนายอำพล ได้เสียชีวิตแล้ว ทั้งนี้จากการชันสูตรพลิกศพคาดว่านายอำพล คงจะโดนต่อยด้วยหมัดที่ใบหน้า ปลายคางอย่างรุนแรง เนื่องจากนายประจวบร่างกายใหญ่โต จนเสียชีวิตดังกล่าว ซึ่งทางร้อยเวรเจ้าของคดีได้สอบปากคำผู้ก่อเหตุ และพยานที่เห็นเหตุการณ์ นำร่างผู้เสียชีวิตส่งพิสูจน์ ที่ รพ.อีกครั้ง และได้ควบคุมตัวนายประจวบ นายจ้างหมัดผีสิง ส่งพนักงานสอบสวน สภ.พัฒนานิคมเพื่อสอบสวนดำเนินคดีตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป
ล่าสุดเมื่อเวลา 15.00 น. ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังโรงไก่เก่า ในพื้นที่หมู่ 11 ต.โคกสลุง สถานที่เกิดเหตุนายจ้างทะเลาะลูกน้อง ก่อนลงมือทำร้ายกันจนมีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต โดยมีเจ้าหน้าที่อาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู และชาวบ้านที่อยู่บริเวณใกล้เคียงลงพื้นที่ด้วยพบสถานที่เกิดเหตุยังมีเต็นท์สนาม เครื่องนอนวางอยู่ 1 หลัง ใกล้กันพบขวดสุราเปล่าหลายใบ ซึ่งจากการเดินตรวจสอบพบมีรอยเลือดกระเซ็นอยู่ทั่วบริเวณ มีกระดาษทิชชูซับเลือดทิ้งเกลื่อนพื้น มีเสื้อยืดสีขาวที่ถูกฉีก ซึ่งอาจใช้พันมือในวันเกิดเหตุทิ้งไว้ 1 ตัว และมีร่องรอยจานชามแจกกระจายเกลื่อนพื้น มีเสื้อผ้า หมอนถูกทิ้งไว้ข้างโรงไก่ ซึ่งน่าจะเป็นของนายอำพล ผู้ตายและคนงานอีก 1 คน ที่หลบหนีหน้าไปตั้งแต่คืนเกิดเหตุ นายสุกัลย์ แสงปานแก้ว อายุ 29 ปี ชาวบ้าน ต.โคกสลุง เล่าว่า โรงไก่ตรงนี้ร้างไปนานกว่า 5 ปีแล้ว เจ้าของทิ้งไว้ว่างเปล่าจนทรุดโทรมก่อนมีผู้ค้าของเก่ามาติดต่อประมูลขอซื้อโครงเหล็กโรงเลี้ยงไก่จำนวนทั้งสิ้น 12 โรง ซึ่งนายสุกัลย์ เล่าว่า หลังจากคืนเกิดเหตุ คนงานอีกคน ก็ได้หลบหนีไปกลางดึก ไม่ทราบจุดหมายปลายทาง
ในขณะที่กำลังเดินดูจุดที่เกิดเหตุ พบมีกระถางธูป และธูปที่ถูกจุดแล้วจำนวน 9 ดอกวางอยู่ ระหว่างกึ่งกลางโรงไก่ ซึ่งยาวประมาณ 50 เมตร ใกล้กับกับพบผ้าอนามัยที่ใช้แล้ว และยังมีคราบเลือดติดอยู่วางอยู่ใกล้กัน ซึ่งเจ้าหน้าที่มูลนิธิฯ และชาวบ้านต่างตกใจ และกล่าวว่าไม่น่าทำเช่นนี้ น่าจะไปทิ้งให้ไกลจากที่จุดธูปบอกเจ้าที่เจ้าทาง ซึ่งอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เจ้าที่เจ้าทางผีบ้านผีเรือนที่นี่ไม่พอใจ จนทำให้เกิดการทะเลาะวิวาทถึงขั้นบาดเจ็บและเสียชีวิต ผู้สื่อข่าวได้เดินไปสอบถามนายประทานพร แสงภาพ อาย 53 ปี ชาวอำเภอวังม่วง จ.สระบุรี ซึ่งเป็นผู้รับเหมาที่ได้ทั้งหมด 12 โรง โดยมีนายประจวบ บุญทอง อาย 50 ปี ผู้ก่อเหตุมาขอประมูลต่อจากตนไปราคา ประมาณ 1 แสนบาทเศษ จนมาทราบว่ามีเรื่องกันจนมีผู้เสียชีวิต ซึ่งไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะเห็นทั้งคู่เป็นลูกน้องนายจ้างกันมานาน ซึ่งตนเองมองว่าน่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับพวกนี้แน่ ผู้สื่อข่าวถามว่าเชื่อเรื่องเจ้าที่เจ้าทางไหม นายประทานพร บอกว่าก่อนมาก็บน บานสานกล่าว ไหว้เจ้าที่เจ้าทางที่นี่ไปแล้ว เมื่อได้งานก็มาบนหัวหมู 3 หัวอาหาร หวานคาว เหล้ายา ปลาปิ้ง ตามประเพณี ตนเองเชื่อสนิทถึงภูตผี วิญญาณที่สิงสถิต ในพื้นที่อย่างน้อยก็น่าจะมีวิญญาณไก่หลายล้านตัวที่อยู่ทีนี่ ตนเองทำถูกต้องตามประเพณีทุกอย่าง ไม่เคยลบหลู่ ก่อนทำงานก็สั่งคนงานจุดธูป 9 ดอก ทุกวัน จนกว่าจะจบงาน ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนเองคิดว่าแล้วแต่ความเชื่อของใครของมัน แต่ตนเองเชื่อสนิทใจ และมีความสุขความเจริญมาตลอดชีวิตการประมูลงาน
สามารถติดตามข่าวสารอื่นๆได้ก่อนใครที่ https://www.siameagle.com
หรือ https://www.facebook.com/siameaglenews/