ปทุมธานี-กกต.เรียกคำรณวิทย์รับทราบข้อกล่าวหา
ภาพ/ข่าว:อนันต์ วิจิตรประชา
กกต.เรียกคำรณวิทย์รับทราบข้อกล่าวหาหลังลุงชาญร้องออกนโยบายหลอกลวง ป.ช.ช.
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 25 มกราคม 2564 ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดปทุมธานี ตำบลบ้านฉาง อำเภอเมือง จังหวัดปทุมธานี พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง หัวหน้าทีมครอบครัวคนรักปทุม ได้เดินทางมารับทราบข้อกล่าวหา กระทำผิด พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น มาตรา 65 วรรคหนึ่ง (5) และวรรคสอง ในการปราศรัยหาเสียงเลือกตั้ง เมื่อวันที่ 13 ธ.ค. 2563 และนโยบายที่ใช้หาเสียงเลือกตั้งเป็นการหลอกลวงประชาชน อยู่นอกอำนาจหน้าที่ของ อบจ. และไม่สามารถดำเนินการได้
จากการสอบถาม ดร.สุชัญญา วิมุกตายน ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดปทุมธานี กล่าวว่า เนื่องจาก นายชาญ พวงเพ็ชร์ ผู้สมัครนายก อบจ.ปทุมธานี หมายเลข 1 กลุ่มปทุมรักไทย ได้มอบให้ ไพศาล กล่ำสนอง ผู้สมัคร ส.อบจ. เขตเลือกตั้งที่ 1 อำเภอเมือง เป็นตัวแทนกลุ่มปทุมรักไทย ไปยื่นคำร้องคัดค้านการเลือกตั้งนายก อบจ.ปทุมธานีและ ส.อบจ.ปทุมธานี เมื่อวันที่ 20 ธ.ค. 2563 และได้เป็นไปตามที่คณะกรรมการสืบสวนไต่สวนในหัวข้อที่เคยที่มีนำเสนอข่าวไปแล้ว ซึ่งวันนี้ได้เรียบผู้ถูกกล่าวหามารับทราบซึ่งเป็นขั้นตอนในการสืบสวนไต่สวน รวมถึงให้ผู้ถูกร้องได้ชี้แจงพร้อมกับแสดงหลักฐานที่จะมาหักล้างในส่วนที่ผู้ร้องเรียน เบื้องต้น พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ได้มารับทราบแล้วและขอเวลารวบรวมพยานหลักฐานอีก 15 วัน ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2564
พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง กล่าวว่า ผมเข้าในทางคณะกรรมการสอบสวนไต่สวนฯ เมื่อท่านรับเรื่องร้องเรียนแล้วก็ต้องเชิญเรามารับทราบข้อกล่าวหา ซึ่งประเด็นต่าง ๆ ที่มีผู้ร้องเรียนนั้นมีไม่มากแต่พยานหลักฐานที่เราจะนำมาอ้างอิงนั้นเยอะ จึงได้ขอขยายเวลาในการนำพยานหลักฐานมา เช่นอย่างที่ผมพูดว่า เมื่อปทุมธานีเป็นเมืองต้นน้ำประปา คนกรุงเทพฯใช้น้ำจากปทุมธานี แต่คนปทุมฯถึงใช้น้ำเหลืองบาง บางหมู่บ้านน้ำไหลบางไม่ไหลบาง ผมก็ต้องนำพยานหลักฐาน เนื่องจากผู้ร้องได้ร้องว่าน้ำประปาไม่ใช่หน้าที่ของ อบจ. เป็นหน้าที่ของการประปาส่วนภูมิภาค ผมก็ต้องไปหาพยานมาว่าชาวบ้านเขาเดือดร้อน อบจ.มีหน้าที่อย่างไร ประสานงานอย่างไร ส่วนนโยบายแก้ปัญหารถติด ด้วยรถไฟฟ้าโมโนเรล เป็นการใช้งบประมาณเกินกว่าที่ อบจ.ปทุมธานี หากดำเนินการต้องใช้งบประมาณหลายหมื่นล้านบาท ไม่สามารถดำเนินการได้ ซึ่งผู้ร้องเขาไม่ทราบว่าผมได้หารือกับผู้ชำนาญและมีความรู้ อยากจะทำจังหวัดปทุมธานีให้เหมือนกับจังหวัดขอนแก่นจังหวัดเชียงใหม่ ผมก็ต้องพาพยานเหล่านี้เพื่อมาสอบ ส่วนการดูแลผู้พิการก็ไม่ใช้หน้าที่ของ อบจ. เป็นหน้าที่ของ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) และมีนโยบายกำจัดผักตบชวาแม่น้ำเจ้าพระยา เนื่องจากแม่น้ำเจ้าพระยา อยู่ในความดูแลของกรมเจ้าท่า อบจ.ไม่สามารถดำเนินการได้ รวมถึงนโยบายด้านการกีฬา จัดสร้างสนามฟุตบอล มาตรฐานระดับฟีฟ่า และจัดตั้งทีมฟุตบอลปทุมธานี เอฟซี เพื่อส่งแข่งขันในลีกสูงสุดของอาชีพ ไม่ใช่อำนาจหน้าที่ของ อบจ.ปทุมธานี งบอบจ.ไม่พอ เมื่อข้อร้องเรียนมีแบบนี้แล้ว อบจ.มีไว้ทำอะไรบ้าง ซึ่งเขาไม่ทราบว่านโยบายเราได้เตรียมไว้นานแล้ว เมื่อเราได้เข้าไปทำงานเพียงปีเดียวเราทำแน่นอน ต้องขอบคุณทางคณะกรรมการ กกต.ปทุมธานี ที่เห็นใจว่าจะมีพยานมาเยอะจริง ๆ ได้ขยายเวลาไปอีก 15 วัน ผมไม่อยากให้ยื้อเวลานาน ผมอยากให้ กกต.ตัดสินเลยว่าใครแพ้ใครชนะ ผมถึงไม่ได้ร้องเรียนฝ่ายตรงข้ามเลย จะเห็นว่ามีกกต.รับรอง สจ.มาแล้วจำนวน 10 กว่าคน ซึ่งเป็นทีมของเบอร์ 1 ทั้งหมด กกต.จึงได้ประกาศรับรองไปแล้ว ส่วนทีมผม สจ.20 กว่าคนถูกร้องเรียนทั้งหมด รวมถึงผู้สมัครอิสระ ที่ได้เบอร์ 2 เหมือนทีมคนรักปทุมก็ถูกร้องไปด้วย
ตามกฏกระทรวง (พ.ศ.2541) ออกตามความในพระราชบัญญัติองค์การบริหารส่วนจังหวัด พ.ศ. 2540 กำหนดอำนาจหน้าที่ไว้ดังนี้ จัดให้มีน้ำเพื่อการอุปโภค บริโภค และการเกษตร กำจัดขยะมูลฝอยและสิ่งปฏิกูล บำบัดน้ำเสีย บำรุงรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม วางผังเมือง จัดให้มีและบำรุงรักษาทางบก ซึ่งอย่างน้อยต้องเป็นทางหลวงขนาดตามกฎหมาย ว่าด้วยทางหลวง จัดให้มีและบำรุงรักษาทางน้ำ จัดให้มีท่าเทียบเรือ ท่าข้าม ที่จอดรถ และตลาด ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รักษาความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน จัดการศึกษา ทำนุบำรุงศาสนา และบำรุงรักษาศิลปะ จารีตประเพณี ภูมิปัญญาท้องถิ่นหรือวัฒนธรรมอันดีของท้องถิ่น จัดให้มีและบำรุงสถานที่สำหรับการกีฬา สถานพักผ่อนหย่อนใจ สวนสาธารณะและ สวนสัตว์ตลอดจนสถานที่ประชุมอบรมสำหรับราษฎร จัดให้มีการสังคมสงเคราะห์และการสาธารณูปการ ป้องกันและบำบัดรักษาโรค จัดตั้งและการบำรุงสถานพยาบาล ส่งเสริมการท่องเที่ยวส่งเสริมและแก้ไขปัญหาการประกอบอาชีพ กิจการที่ได้มีการกำหนดไว้ในแผนพัฒนาจังหวัดและแผนพัฒนาองค์การบริหารส่วนจังหวัด ทางด้านนายอดิศร เพียงเกษ สมาชิกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ผมไม่มีความหนักใจ ผมมีความเคารพในการตัดสินใจของพี่น้องชาวจังหวัดปทุมธานี ผมได้ขึ้นปราศรัยตามที่ทัศนคตินักประชาธิปไตย ผมคิดว่าคำปราศรัยของผมไม่ได้พัดพิงถึงใครทั้งสิ้น เป็นคำปราศรัยที่สุจริต ก็เข้าใจผู้ที่ร้องเรียน แพ้เป็นพระ ชนะเป็นเจ้าอาวาส ทำตัวดี ๆอาจจะได้กลับเข้ามาอีก ส่วนนายสุทิน สุวรรณประทีป อายุ 71 ปี ชาวบ้าน อำเภอธัญบุรี กล่าวว่า เมื่อเลือกตั้งจบแล้ว ผมในฐานะประชาชนก็เฝ้าติดตามเมื่อเลือกตั้งแล้วได้มีการเปลี่ยน ซึ่งจังหวัดปทุมธานีไม่มีการเปลี่ยนแปลงความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชนมาเป็นเวลา 10 ปี แล้ว ซึ่งจังหวัดปทุมธานีอยู่ใกล้กรุงเทพฯแต่จังหวัดปทุมธานีกลับล่าหลังล่าสมัย จังหวัดในภาคอีสานบางจังหวัดยังดีกว่าจังหวัดปทุมธานี ถนนหนทางไม่ดี รถติดมาหาศาล ที่ผ่านมาไม่มีการพัฒนาเลย เมื่อเลือกตั้งเสร็จแล้วก็สมใจประชาชนในพื้นที่จะได้เห็นการเปลี่ยนแปลง แต่ก็ไม่เข้าใจว่ากฎหมาย กกต.ว่าได้กำหนดอะไรกัน ว่าได้ร้องเรียนในสิ่งที่ไม่รู้ว่าร้องอะไร ผลการเลือกตั้งแพ้ชนะก็ห่างกันกว่า 30,000 คะแนน ในส่วนของการโกงการเลือกตั้งไม่น่าจะมี แต่ที่ผ่านมา กกต.ก็ยังไม่ประกาศ เราประชาชนจึงได้มาติดตามว่าเป็นอะไรกัน เราอยากเห็นปทุมธานีเปลี่ยนแปลงโดยเร็ว.
สามารถติดตามข่าวสารอื่นๆได้ก่อนใครที่ https://www.siameagle.com
หรือ https://www.facebook.com/siameaglenews/