นครนายก-มจร ใช้”นครนายกโมเดล”นำนิสิตปริญญาเอกสาขารัฐศาตร์
ภาพ/ข่าว:วสุกิจจ์ เหล่าอินทร์
มจร ใช้”นครนายกโมเดล”นำนิสิตปริญญาเอกสาขารัฐศาตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ ใช้หลักพระพุทธศาสนามาประยุกต์กับศาสตร์สมัยใหม่เพื่อพัฒนาจิตใจ ออกไปรับใช้สังคม มอบอุปกรณ์กีฬา ทาสีโรงเรียน มอบทุนการศึกษา โรงเรียนบ้านดงวิทยาคารและโรงเรียนวัดท่าด่าน หวังสร้างเครือข่ายสายสัมพันธ์รุ่นสู่รุ่น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พระเมธีธรรมาจารย์ รศ.ดร.รองอธิการบดีฝ่ายวางแผนและพัฒนา ปฏิบัติหน้าที่แทนพระราชปริยัติกวี,ศาสตราจารย์ ดร.อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เป็นประธานเปิดโครงการปฐมนิเทศนิสิตหลักสูตรปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขารัฐศาสตร์ และสาขารัฐประศาสนศาสตร์ คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย โดยมี ศาสตราจารย์ ดร.บุญทัน ดอกไทยสง ศ.ดร.จำนงค์ อดิวัฒนสิทธิ์ รศ.ดร.ประณต นันทิยะกุล รศ.ดร.ธัชชนันท์ อิศรเดช รศ.ดร.วัชรินทร์ ชาญศิลป์ รศ.ดร.พรรษา พฤฒยางกูร รศ.ดร.พิเชษ ทั่งโต รศ.ดร.เติมศักดิ์ ทองอินทร์ ผศ.ดร.ยุทธนา ประณีต อาจารย์ประจำหลักสูตรรัฐศาสตร์ และรศ.ดร.สุรพล สุยะพรหม รองอธิการบดีฝ่ายกิจการทั่วไป ฐานะผู้อำนวยการหลักสูตรบัณฑิตศึกษา ภาควิชารัฐศาสตร์ คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงงกรณราชวิทยาลัย กล่าวรายงานวัตถุประสงค์โครงการว่าเพื่อให้การจัดการเรียนการสอนสมัยใหม่ ต้องบูรณาการให้สอดรับสังคมยุคNew Normal เพราะว่านิสตจำเป็นต้องมีกลยุทธการศึกษาในยุทธวิธีใหม่ คือส่งเสริมการมีองค์ความรู้ก้าวหน้า เพื่อส่งเสริมให้บัณฑิตสำเร็จการศึกษา และส่งเสริมให้นิสิตพัฒนาเครือข่าย เพื่อสามารถนำเอาความรู้ไปประยุกต์กับศาสนา เพื่อส่งผลให้นิสิตนำเอาความรู้ไปพัฒนาจิตใจและเพื่อพัฒนาสังคมต่อไป
สำหรับกิจกรรมให้นิสิตปริญญาเอกสาขารัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ทุกรูป / คนจะต้องร่วมกิจกรรมพิธีบวงสรวงฝากตัวเป็นลูกเสด็จพ่อล้นเกล้ารัชกาลที่ 5 พระองค์ผู้ทรงสถาปนามหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรรราชวิทยาลัย พิธีบายสีสู่ขวัญ รุ่นพี่ รุ่นน้อง และผูกข้อมือฝากตัวเป็นศิษย์ บรรดาอาจารย์ประจำหลักสูตรปรัชญาดุษฎีบัณฑิต อาจารย์ผู้ประสิทธิ์ประสาทวิชาความรู้และจะเป็นผู้ดูแลอบรมจนจบการศึกษา จากนั้นรุ่นพี่ รุ่นน้อง จะมีกิจกรรม”ร้อยดวงใจ สายใย มจร” สายสัมพันธ์รุ่นพี่ รุ่นน้องกัน เพื่อสร้างเครือข่ายการศึกษา และจะต้องออกไปรับใช้สังคมโดยกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์ ทาสีโรงเรียน ทาสีกำแพง โรงเรียนบ้านดงวิทยาคาร และมอบอุปกรณ์การศึกษา อุปกรณ์กีฬาให้โรงเรียนวัดท่าด่าน จ.นครนายกต่อไป ด้านพระเมธีธรรมาจารย์ เปิดเผยว่า หลังจากที่มหาวิทยาลัยได้รับการพัฒนาให้เจริญเติบโตทั้งเชิงกายภาย และคุณภาพมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ ปี พ.ศ.2430 จนถึง พ.ศ.2563 นั้น ในปี จึงสะท้อนให้เห็นถึงความรุ่งเรืองของมหาวิทยาลัยสามารถประเมินได้จากผลลัพธ์เชิงประจักษ์ของการบริหารงานในหลายด้าน มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย จัดเป็นสถาบันการศึกษาชั้นสุงยุคแรกแห่งหนึ่งของไทย (ในปี พ.ศ. 2563 มจร. ได้มีอายุครบ 133 ปี) ถือกำเนิดจาก “มหาธาตุวิทยาลัย” ที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาขึ้นโดยทรงตั้งพระทัยจะให้เป็นสถาบันการศึกษาชั้นสูงของพระสงฆ์และคฤหัสถ์
มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เป็นมหาวิทยาลัยรัฐที่มีบทบาทโดดเด่นในการส่งเสริมการศึกษาด้านพระพุทธศาสนาที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลก และเป็นมหาวิทยาลัยศูนย์กลางการศึกษาด้านพุทธศาสตร์ที่สำคัญของคณะสงฆ์ไทย มีการจัดตั้งวิทยาเขต, วิทยาลัยสงฆ์, ศูนย์วิทยบริการและห้องเรียน กระจายไปทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ และต่างประเทศเปิดการเรียนการสอนใน 4 คณะครอบคลุมทั้งระดับปริญญาตรี ปริญญาโท และปริญญาเอกและหลักสูตรนานาชาติ “นิสิตที่จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยในอดีต ได้รับพระกรุณาให้เข้ารับประทานปริญญาบัตรจากพระหัตถ์ของสมเด็จพระสังฆราชหรือสมเด็จพระราชาคณะฝ่ายมหานิกาย ในปัจจุบันสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (อัมพร อมฺพโร) ทรงมีพระเมตตาธิคุณเป็นองค์ประธานในการประสาทปริญญาบัตรแก่บัณฑิต มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ศิษย์เก่าเมื่อจบจากสถาบันแห่งนี้ได้รับการตอบรับให้เข้าศึกษาต่อในสถาบันการศึกษาชั้นนำของโลกหลายแห่ง เช่น มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด, มหาวิทยาลัยเยล ประเทศสหรัฐอเมริกา, มหาวิทยาลัยฮ่องกง, มหาวิทยาลัยฟู่ตั้น ประเทศจีน, มหาวิทยาลัยอ๊อกฟอร์ด, มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์, มหาวิทยาลัยลอนดอน, มหาวิทยาลัยเซ็นปีเตอร์สเบิร์ก ประเทศรัสเซีย เป็นต้น”
สามารถติดตามข่าวสารอื่นๆได้ก่อนใครที่ https://www.siameagle.com
หรือ https://www.facebook.com/siameaglenews/