ร้อยเอ็ด-มณฑลทหารบกที่ 27 แถลงข่าวการเสียชีวิตในห้องน้ำ
ข่าว/ภาพ:คมกฤช พวงศรีเคน
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดร้อยเอ็ด
มณฑลทหารบกที่ 27 แถลงข่าวการเสียชีวิตในห้องน้ำ ของทหารพิชวัฒน์ เวียงนนท์ เมื่อช่วงเที่ยงวันที่ 6 พ.ย. 63 ที่ผ่านมา
เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 10 พฤศจิกายน 2563 พลตรี ธวัชชัย แจ้งประจักษ์ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 27 เป็นประธานการแถลงข่าวการเสียชีวิตของพลทหาร พิชวัฒน์ เวียงนนท์ ที่ได้เสียชีวิตในห้องน้ำเมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2563 ที่ ห้องประชุมกองบัญชาการมณฑลทหารบกที่ 27 อำเภอเมืองร้อยเอ็ด จังหวัดร้อยเอ็ด พร้อมด้วย พันเอกทฤษฎี คงชนะ รอง ผบ.มทบ.27 พันเอกชูศักดิ์ ลิ้นทอง ผู้อำนวยการ รพ.ค่ายสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช นาย จตุพร ศรีวัน อัยการผู้ช่วย นายวีระวัฒน์ โพธิ์เปี้ยศรี แพทย์นิติเวช รพ.ร้อยเอ็ด นางทิพวรรณ พงศ์อุดมสุข ปลัดอำเภอเมืองร้อยเอ็ด พันตำรวจเอกกฤฏิณทร์ จันทร์ศรีชา ผกก.(สอบสวน) ตำรวจภูธรจังหวัดร้อยเอ็ด คณะนายทหารชั้นผู้ใหญ่ เข้าร่วแถลงข่าวในครั้งนี้
พลตรี ธวัชชัย แจ้งประจักษ์ ผบ.มทบ.27 กล่าวว่า สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น กระทรวงกลาโหมขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของ พลทหารพิชวัฒน์ เวียงนนท์ เป็นอย่างยิ่งที่ต้องสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักจากเหตุการณ์ดังกล่าว มทบ. 27 ไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยได้แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงในทันที เพื่อนำความจริงให้ปรากฏต่อสังคมโดยเร็ว และเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมา มทบ.27 ได้เล็งเห็นและให้ความสำคัญกับทหารกองประจำการ และทหารชั้นผู้น้อยมาโดยตลอด มีการยกระดับคุณภาพชีวิตให้ดียิ่งขึ้นในทุกๆด้าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความเป็นอยู่ สิ่งอำนวยความสะดวก การศึกษาเพิ่มเติม การฝึกวิชาชีพรวมไปถึงการดูแลเรื่องสวัสดิการและสิทธิกำลังพลเป็นสำคัญ พร้อมทั้งเน้นย้ำให้ผู้บังคับบัญชาในกองทัพห้ามลงโทษกำลังพลที่กระทำผิดนอกเหนือจากหลักเกณฑ์ และระเบียบที่กำหนดโดยใช้หลัก เมตตาธรรมหรือหลักมนุษยธรรม และหลักสิทธิมนุษยชนพื้นฐาน โดยเฉพาะการเคารพในเกียรติและศักดิ์ศรีของทหาร ควบคู่ไปกับการดำเนินการดังกล่าว โดยจากการตรวจสอบเบื้องต้น คณะกรรมการรายงานให้ทราบว่า พลทหารพิชวัฒน์ฯเข้ารับราชการเป็นทหารกองประจำการ เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2562 สังกัด ร้อย.มทบ.27 จังหวัดร้อยเอ็ด หน่วยต้นสังกัดได้ดูแลเป็นอย่างดี เสมือนคนในครอบครัว ครั้นเมื่อ พลทหารพิชวัฒน์ฯ ได้รับอนุญาตให้ลาพักกลับบ้านตั้งแต่วันที่ 11 – 20 ตุลาคม 2563 แต่เมื่อครบกำหนดพบว่า พลทหารพิชวัฒน์ฯ ไม่กลับเข้าหน่วย หน่วยต้นสังกัดจึงได้มีการติดตามตัว
ซึ่งครอบครัวแจ้งให้ไปรับตัวจากภูมิลำเนากลับมาเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2563 ซึ่งเมื่อรับตัวกลับมาจากบ้านแล้ว หน่วยต้นสังกัดได้ทำการตรวจคัดกรองตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 และทำการตรวจปัสสาวะ เพื่อป้องกันการเข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ผลการตรวจปัสสาวะเป็นบวก พลทหารพิชวัฒน์ฯ จะต้องได้รับการลงทัณฑ์ตามระเบียบ และตามที่ได้มีการลงบันทึกข้อตกลงระหว่างผู้บังคับบัญชา และผู้ใต้บังคับบัญชา ในเรื่องการป้องกัน และแก้ไขปัญหายาเสพติดในหน่วยทหาร โดยก่อนหน้านี้ได้มีการชี้แจงให้กำลังพลทุกนาย ในมณฑลทหารบกที่ 27 ได้รับทราบแล้ว จึงได้รับโทษขังที่กองรักษาการณ์จำนวน 7 วัน ตามบทลงโทษ และให้ทำงานสาธารณประโยชน์ ด้านเกษตรกรรมภายในหน่วยโดยในระหว่างทำงานสาธารณประโยชน์ฯ ภายในหน่วย พลทหารพิชวัฒน์ฯ ได้หลบหนีจากหน่วยไปในวันที่ 28 ตุลาคม 2563 หน่วยได้ออกติดตามตัว ซึ่งในวันที่ 5 พฤศจิกายน 2563 ทางครอบครัวได้แจ้งให้ไปรับตัว พลทหารพิชวัฒน์ฯ กลับเข้าหน่วย โดยทางภรรยาของพลทหารพิชวัฒน์ฯ ได้ร่วมเดินทาง มาในรถยนต์คันเดียวกัน และส่งตัวเข้าหน่วยในเวลาประมาณ 21.00 นาฬิกา จึงต้องถูกลงโทษ โดยขังไว้ที่กองรักษาการณ์ตามระเบียบที่กำหนดไว้เช่นเดิม โดยเมื่อช่วงเที่ยงของวันที่ 6 พฤศจิกายน 2563 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่ในกองรักษาการณ์ได้พบว่า พลทหารพิชวัฒน์ฯ เสียชีวิตในห้องน้ำตามที่เป็นข่าวหลังจากนั้น มทบ.27 ได้ประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประกอบด้วยพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรเมืองร้อยเอ็ด, เจ้าพนักงานฝ่ายปกครอง, อัยการจังหวัดร้อยเอ็ด และนายแพทย์นิติเวชโรงพยาบาลร้อยเอ็ด เพื่อเข้ามาร่วมชันสูตรพลิกศพ และดำเนินการตามกระบวนการทางกฎหมายพร้อมทั้งรีบแจ้งญาติให้เดินทางมาร่วมชันสูตรพลิกศพ ณ ที่เกิดเหตุซึ่งผลการชันสูตรพลิกศพเบื้องต้นพบว่า พลทหารพิชวัฒน์ฯ เสียชีวิตเนื่องจากขาดอากาศจากรอยกดรัดบริเวณลำคอ และไม่พบบาดแผลจากการถูกทำร้ายหรือประทุษกรรมแต่อย่างไร หลังจากนั้นจึงได้นำศพไปเก็บไว้ที่ห้องเก็บศพโรงพยาบาลร้อยเอ็ด ต่อมาญาติได้เดินทางมาถึงห้องเก็บศพโรงพยาบาลร้อยเอ็ด เจ้าพนักงานสอบสวน, ผู้บังคับกองร้อยมณฑลทหารบกที่ 27 และแพทย์ จึงได้ให้ญาติตรวจสภาพศพ พร้อมทั้งได้ชี้แจงให้ญาติทราบถึงบันทึกรายละเอียดผลการชันสูตรพลิกศพในที่เกิดเหตุ ซึ่งหลังจากนั้นทราบว่าทางทนายของญาติ พลทหารพิชวัฒน์ฯ ต้องการให้นำศพไปชันสูตรพลิกศพใหม่ ณ สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม ภายในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต โดยหน่วยได้มอบหมายให้ผู้บังคับกองร้อยและเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ของมณฑลทหารบกที่ 27 ร่วมเดินทางไปพร้อมกัน เพื่อดูแลช่วยเหลืออำนวยความสะดวก และดูแลค่าใช้จ่าย จำนวน 90,000 บาท คณะแพทย์ได้นำร่างผู้เสียชีวิตเข้าชันสูตรพลิกศพ เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2563 เวลาประมาณ 08.30 นาฬิกา ผลการผ่าชันสูตรพลิกศพจากคณะแพทย์สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรมปรากฏว่าเป็นการเสียชีวิตตามที่แพทย์นิติเวชโรงพยาบาลร้อยเอ็ด และคณะฯ ได้ลงความเห็นตามบันทึกรายละเอียดแห่งการชันสูตรพลิกศพ และไม่มีเหตุผิดปกติอื่นใดทำให้เสียชีวิต ทั้งนี้ คณะแพทย์ได้ทำการตัดชิ้นเนื้อเพื่อนำไปตรวจหาสารเสพติด และสารพิษ เพื่อยืนยันการเสียชีวิตอีกครั้ง เป็นการสิ้นสุดกระบวนการตรวจชันสูตรพลิกศพ โดยญาติขอเก็บศพไว้ที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต เพื่อรอผลตรวจที่เป็นทางการ จึงจะนำศพกลับมา บำเพ็ญกุศลที่จังหวัดร้อยเอ็ดต่อไปจากกรณีดังกล่าว เพื่อให้คลายความเคลือบแคลงสงสัยของสาธารณชน และ ความโปร่งใส ชัดเจน เป็นธรรม มทบ.27 ได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวน กรณีการเสียชีวิตของพลทหารพิชวัฒน์ฯ เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงถึงสาเหตุการเสียชีวิต ควบคู่ไปกับการดำเนินการ ตามขั้นตอนทางกฎหมาย โดยในเบื้องต้นได้ทำการสอบสวนผู้ที่ปฏิบัติหน้าที่บริเวณกองรักษาการณ์ 11 นาย และผู้ที่อยู่ในห้องควบคุมตัว 1 นาย ทุกคนยืนยันในความบริสุทธิ์ใจว่า ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไปทำร้าย พลทหารพิชวัฒน์ฯ ซึ่งเป็นเพื่อนทหารร่วมชีวิต และเสมือนคนในครอบครัวมณฑลทหารบกที่ 27 แต่เนื่องจากผู้บังคับกองรักษาการณ์ และผู้ช่วยผู้บังคับกองรักษาการณ์ มีความบกพร่องในการปฏิบัติหน้าที่จนเกิดเหตุอันไม่สมควร จึงพิจารณาลงทัณฑ์ด้วยการภาคทัณฑ์ และส่งตัวเข้ารับการฝึกฟื้นฟูวินัย ณ ศูนย์ธำรงวินัยกองทัพภาคที่ 2 จังหวัดนครราชสีมา ทั้งนี้ มณฑลทหารบกที่ 27 ได้กำหนดมาตรการป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ในลักษณะดังกล่าวขึ้นอีก รวมทั้งคณะกรรมการฯ จะทำการสอบสวนข้อเท็จจริงให้ครบถ้วน หากตรวจสอบพบว่ามีผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องนอกเหนือจากที่สอบสวนไปแล้วทั้งนี้ มทบ.27 จัดเจ้าหน้าที่เข้าไปดูแลช่วยเหลือ และอำนวยความสะดวกทุกเรื่องอย่างเต็มขีดความสามารถรวมทั้งดูแลในเรื่องสิทธิต่างๆ ที่ พลทหารพิชวัฒน์ฯ ต้องได้รับ และการจัดงานฌาปนกิจศพอย่างสมเกียรติของทหารให้ดีที่สุด มทบ.27 ให้ทราบว่า มทบ.27 ดำเนินการตามนโยบายสั่งการของกระทรวงกลาโหม,กองทัพบก และกองทัพภาคที่ 2 อย่างเคร่งครัด ไม่มีนโยบายหรือคำสั่งใดๆ ให้ผู้บังคับบัญชาหรือบุคคลอื่นใดลงโทษผู้ใต้บังคับบัญชา หรือกระทำการอื่นใดอันเป็นการละเมิดต่อร่างกายหรือจิตใจ หรือศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ หากพบผู้กระทำผิดในกรณีดังกล่าวให้ถือว่าเป็นการกระทำความผิดวินัยร้ายแรงถึงขั้นปลดออก และต้องถูกดำเนินการทางกฎหมายอีกด้วย
สามารถติดตามข่าวสารอื่นๆได้ก่อนใครที่ https://www.siameagle.com
หรือ https://www.facebook.com/siameaglenews/