ปราจีนบุรี-ประกาศนโยบายพัฒนานวัตกรรมกัญชา
ภาพ/ข่าว:มานิตย์ สนับบุญ
อภัยภูเบศรชง อนุทิน ประกาศนโยบายพัฒนานวัตกรรมกัญชา ทั้งผลิตภัณฑ์และบริการ เชื่อมโยงข้อมูลทุกภาคส่วน เชื่อ สร้างงาน สร้างเศรษฐกิจได้ถ้าทำอย่างเป็นระบบ
พญ.โศรยา ธรรมรักษ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร กล่าวระหว่างการเสวนา ติดอาวุธทางปัญญา ปลูกกัญชาอย่างไร ใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ และสร้างเศรษฐกิจ โดยเสนอว่าการพัฒนากัญชาจะต้องนำนวัตกรรมมาใช้ทั้งผลิตภัณฑ์และบริการ โดยเฉพาะบริการที่ประเทศไทยมีจุดเด่นอยู่ด้านการดูแลผู้ป่วยแบบองค์รวม เช่น ฮับดูแลผู้ป่วยมะเร็ง ซึ่งปัจจุบันมีความชุกของผู้ป่วยกลุ่มนี้สูงขึ้น ก็สามารถใช้กัญชาเป็นตัวตั้งต้น และผสมผสานการรักษาแผนปัจจุบัน ยาและอาหารสมุนไพร รวมทั้งการบริการทางการแพทย์แผนไทยเพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย หรือการดูแลผู้สูงอายุแบบ longstay จากต่างประเทศ ทั้งนี้ต้องเน้นให้คนไทยได้เข้าถึงบริการก่อน ซึ่งจะสามารถทำได้เลย หากรัฐบาลประกาศให้เป็นนโยบายพัฒนานวัตกรรมกัญชา เพื่อให้สามารถเชื่อมโยงข้อมูลจากทุกภาคส่วน ไม่ใช่ต่างคนต่างทำเหมือนที่ผ่านมา
“ จากการติดตามการใช้ยากัญชามา 12 เดือน พบว่าเป็นยาที่มีความปลอดภัย และน่าจะมีประสิทธิผลในการนำมารักษาโรคที่ปัญหาสาธารณสุขได้ โดยที่เราต้องมีการเชื่อมโยงข้อมูลพื้นฐานจากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สร้าง literature bank ที่มีความรู้พื้นฐาน งานวิจัย และนวัตกรรมที่มีทั้งในไทยและต่างประเทศ เพื่อเป็นการฐานในการต่อยอดในการสร้างนวัตกรรม โดยใช้ digital transformation มาช่วย ที่ผ่านมาภาครัฐพยายามเชื่อมต่อข้อมูล แต่ไม่สำเร็จ เพราะไม่เป็นนโยบายภาพใหญ่ ดังนั้นรัฐบาลต้องประกาศนโยบายนี้ โดยเฉพาะในช่วงเวลานี้ที่คนตกงาน และยากัญชาคืออนาคตที่อาจช่วยดึงเศรษฐกิจ สร้างงาน สร้างรายได้ แต่ต้องทำอย่างเป็นระบบ สร้างเป็น platform นวัตกรรมกัญชา ที่ผู้ประกอบการมาใช้ประโยชน์ได้”
ผอ.รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร กล่าว
พญ.โศรยา กล่าวด้วยว่า “จากข้อมูลของ สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข หรือ สวรส. พบว่า ขณะนี้มีผู้ป่วยที่ใช้กัญชาจำนวนมากได้รับยากัญชาจากตลาดมืด โดยภาคกลาง และภาคใต้มีสัดส่วนสูงสุด คือ ร้อยละ 77.8 และร้อยละ 88.1 ตามลำดับ ซึ่งเมื่อมีความต้องการใช้อยู่แล้ว ทำไมเราจึงไม่ทำให้ถูกต้องและเป็นระบบ เพื่อทำให้ผู้ป่วยได้รับความปลอดภัยสูงสุด ในขณะเดียวกันก็ต้องสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรและผู้ประกอบการ” “ในส่วนของโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ที่มีการติดตามสถานการณ์การใช้กัญชาทั้งในประเทศและต่างประเทศพบว่า ผลิตภัณฑ์กัญชาทั่วโลกพัฒนาขึ้นบนแนวคิดวิทยาศาสตร์หรือการแพทย์แผนตะวันตก แต่จริงๆแล้วประเทศไทยมีภูมิปัญญาของตนเอง มีตำรับยาที่บันทึกมาตั้งแต่สมัยสมเด็จพระนารายณ์ อย่างตำรับศุขไสยาศน์ ซึ่งเมื่อเรานำมาใช้กับผู้ป่วย พบว่าปลอดภัยดี ช่วยเพิ่มคุณภาพการนอนหลับ ทำให้หลับได้เร็วขึ้น และไม่มีอาการอ่อนเพลียหลังตื่นนอน จากตรงนี้เราคิดว่า จะต้องมีนวัตกรรมจากยาศุขไสยาศน์ในอนาคต เช่น ทำเป็นยาเม็ดฟู่ ให้กินง่ายขึ้น ดูดซึมดีขึ้น หรือพัฒนาให้เป็นผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่ทดแทนยานอนหลับ รวมถึงเรามียาตำรับกัญชาทั้ง 5 เป็นตำรับพื้นบ้าน ปรุงจากกัญชาทั้ง 5 ส่วน คือ ดอก เมล็ด ใบ กิ่งก้าน และราก มาหุงกับน้ำมัน มีทั้งสูตรรับประทานและใช้ภายนอก โดยเราพร้อมจะผลิตและกระจายให้โรงพยาบาลต่างๆ ในกระทรวงสาธารณสุข มีทีมติดตามความปลอดภัยและประสิทธิผล หากได้ผลดี ก็จะพัฒนาต่อไปสู่นวัตกรรมใหม่ๆ เช่น แผ่นแปะ หรือครีมทาแก้ปวด ซึ่งมีความต้องการของตลาดสูงมาก”
อย่างไรก็ตาม พญ.โศรยา กล่าวว่า ในส่วนของยาสารสกัดกัญชา ซึ่งเป็นยาแผนปัจจุบันก็ต้องทำต่อไป เพราะยังเป็นความต้องการของผู้ป่วยในบางกลุ่ม และเป็นฐานที่มั่นทางสุขภาพที่เราคงทิ้งไม่ได้ โดยในปีงบประมาณ 2564 นี้เราจะได้เครื่องจักรและตรวจวิเคราะห์กัญชาเพิ่มเติมเพื่อผลิตยาสารสกัดกัญชาให้มีความบริสุทธิ์มากที่สุด และนำไปวิจัยทางคลินิกที่มีมาตรฐาน เพื่อสร้างให้เกิดการยอมรับทางการแพทย์ ซึ่งทางโรงพยาบาลพร้อมที่จะเป็นที่เรียนรู้ทั้งการปลูก ผลิต และใช้ให้กับเกษตรกร ผู้ประกอบการ เมื่อมีการปลดล็อคให้เอกชนทำได้ เพื่อให้ทุกคนสามารถขับเคลื่อนให้มีผลิตภัณฑ์คุณภาพและสร้างรายได้ให้กับประเทศอย่างยั่งยืน”
สามารถติดตามข่าวสารอื่นๆได้ก่อนใครที่ https://www.siameagle.com
หรือ https://www.facebook.com/siameaglenews/