ประจวบคีรีขันธ์-พระอริยสงฆ์แห่งเมืองหัวหิน
ภาพ/ข่าว:ชำนาญ พึ่งเจาะ
พระอริยสงฆ์แห่งเมืองหัวหิน
พระสงฆ์ของไทยเรานั้นมีอยู่ 2 นิกายนั้นก็คือ มหานิกาย กับ ธรรมยุคต์ จะมีอยู่ทั่วไปในแต่ละจังหวัด ความเข้มข้นของสาย”มหานิกาย” นั้นก็คือพระป่า พระออกเดินธุดงค์วัตร จากนั้นก็จะเข้าสู่การวิปัสนากรรมฐาน จนทำให้เป็นพระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงตามมาโดยเฉพาะในเขตภาคอิสาน แต่บางวัดนั้นก็จะยึดคำสั่งสอนขององค์สมเด็จสัมาสัมพุทธเจ้าเป็นหลักเนื่องจากศาสนาพุทธที่เกิดขึ้นมานั้นจะใช้หลัก”ธรรมะคือธรรมชาติ” การที่คนเราปฎิบัติและเกิดความรู้แจ้ง เห็นจริงแล้วนั่นแหละคือ”การหลุดพ้น”
พระอาจารย์ ดาวเรือง มหาบุญโญ อายุ 80 ปี เจ้าอาวาสวัดเขาสันติ บ้านตะเกียบ อ.หัวหิน จ.ประจวบฯ กล่าวในห้วงเทศกาลวันเข้าพรรษา ว่าอาตมาบวชเป็นพระสงฆ์เมื่ออายุ 20 ปี ที่วัดเภตรา บ้านเพ อ.เพ จ.ระยอง เมื่อปี 2502 จากนั้นก็เดินทางไปจำวัดที่สวนโมกข์พลารามของท่านพุทธทาสฯ ที่สุราษฎธานี ซึ่งก็ได้ศึกษาธรรมะหลักพระพุทธศาสนา จากการสอนของท่านพุทธทาส โดยใช้หลักของความเป็นธรรมชาติซึ่งที่นั่นนั้นในพื้นที่ก็แวดล้อมไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ และที่สำคัญเลยนั้นก็คือก็คือ กฎระเบียบ ที่สงฆ์แต่ละองค์ที่ได้เข้าไปอยู่จะต้องปฎิบัติและที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งการฉันอาหารก็จะฉันเพียงแค่มื้อเดียว หลังจากนั้นก็ปฎิบัติธรรม เรียนรู้ สวดมนต์เช้าเย็น นี่คือสถานที่ที่ได้สร้างสงฆ์ให้ขึ้นมาเป็นองค์ตัวแทนของพระศาสดา
หลังจากนั้นในปี 2512 ก็ได้ขึ้นมาอยู่ที่”สำนักสงฆ์เขาสันติ” ซึ่งเป็นสาขาของวัดสวนโมกขพลาราม เมื่อมาอยู่ก็ได้หลักการของพุทธศาสนาเป็นหลักคือ”คำสอน” ให้ผู้คนที่มาวัดเขาสันตินี้ได้รู้แจ้งเห็นจริง เนื่องจากศาสนาพุทธนั้นเป็นคำสอนแล้วนำไปใช้ในชีวิตประจำวันเช่น การโลภ โกรธ หลง ยึดมั่นถือมั่นว่าอัตราตัวตนนี้เป็นของ”กู” แต่จริงๆแล้วมันไม่ใช่เนื่องจากทุกอย่างในพื้นพิภพของโลกใบนี้ที่เราอยู่มันเป็น”อนิจัง” นั่นคือทุกอย่างมันไม่เที่ยงเมื่อมันเกิดขึ้นมาแล้วก็ตั้งอยู่และก็ดับจบลงไป หรือจะเรียกว่า”มิราจ”(ภาพลวงตา) ก็ว่าได้
ที่วัดแห่งนี้ในแต่ละปีนั้นก็จะมีห้างร้านบริษัทใหญ่ๆใน กทม.จะส่งเจ้าหน้าที่ระดับบริหารมาเข้าค่ายฝึกจิตเรียนรู้ธรรมโดยจะมี พระอาจารย์ สุชาติฯ เป็นพระวิทยากรจากสวนโมกข์ ฯ เป็นผู้บรรยาย เมื่อทุกคนที่มาได้”จิต”ที่สงบเกิดพลานุภาพที่แข็งแกร่งเหมือนกับเริ่มที่จะรู้แจ้งเห็นจริงในสิ่งที่มีอยู่ของสายงานบริหาร บริการแล้ว มันก็ไม่ต้องไปบนบานศาลกล่าวอะไรกับสิ่งที่มองไม่เห็น ชาวพุทธไทยเรานั้นยังไม่เข้าใจหลักธรรมของทางศาสนา ไปยึดติดกับสิ่งที่มัวเมาจนทำให้ต้องพากันเกิดความทุกข์ ความเดือดร้อน ทั้งตัวเองครอบครัว รวมไปถึงปัญหาทางสังคมบ้านเมือง กรณีการเกิดโรคระบาด”โควิต 19 ” นี้ ถ้าเป็นคนที่มีธรรมะเข้าใจในหลักศาสนาแล้วไม่น่ากลัวอะไรเลยเพียงแค่ อย่าดื้อ อย่าฝืนกฏระเบียบข้อกำหนดได้ มันก็จะไม่มาเกิดกับตัวเรา เหมือนกับพระพุทธเจ้าได้ทางตรัสบอกให้กับพระอานนท์
พระอาจารย์ดาวเรือง ฯ ยังกล่าวอีกว่าที่วัดนี้ไม่มีเครื่องรางของขลัง ไม่มีน้ำมนต์ และพระสงฆ์ที่มีอยู่ 5 องค์นั้นก็จะอยู่กันแบบพระป่าเช้าขึ้นมาก็ออกบิณฑบาตร วันสำคัญๆญาติโยมก็จะมาทำบุญเช่น ปีใหม่ สงกรานต์ เข้าพรรษาออกพรรษา มาฆบูชา วิสาขบูชา อาสาฬหบูชา ฯลฯ ทางวัดก็จะแจกบุญให้ทุกๆคนที่มาได้”รู้แจ้ง เห็นจริง” นั่นก็คือคำสอนของพระพุทธเจ้าในอดีตเมื่อ 2600 ปีที่ผ่านมาเป็นตอนๆ
มาอยู่ที่นี่ก็ยังได้มีบุคคลสำคัญๆที่มามีบ้านพักอยู่ในเมืองหัวหินได้นิมนต์อาตมาเดินทางไปยังต่างประเทศเช่น อินเดีย จีน เวียดนาม ตุรกี สวิสฯ อินโดฯ สิงคโปร์ พม่า ลาว ซึ่งเมื่อไปแล้วก็ต้องทำหน้าที่ของสงฆ์จัดเก็บข้อมูลทางพุทธศาสนาของแต่ลัทธินิกาย กลับเอามาเป็นเป็นปฐมบทให้ความรู้เบิกตาเบิกเนตร ให้กับญาติโยมชาวพุทธได้รับทราบกันว่าทุกอย่างในโลกใบนี้นั้นมันเป็น”อนิจัง”จริงๆ เพราะฉะนั้นแล้วได้มีการเรียกขานกันว่าห้วงนี้ผู้คนเราจะต้องอยู่ในยุค”นิวนอร์มอล” นั่นก็คือการมีชีวิตอยู่แบบใหม่ ซึ่งถ้าญาติโยมชาวพุทธใด ยังหาทางสว่าง หาทางเดินออกไปสู่จุดเป้าหมายของชีวิตครอบครัวยังไม่ได้แล้วก็ขอให้มาที่ “วัดเขาสันติ” เพราะที่นี่นั้นมีแต่ให้ ไม่เอา เจริญพร.
สามารถติดตามข่าวสารอื่นๆได้ก่อนใครที่ https://www.siameagle.com
หรือ https://www.facebook.com/siameaglenews/