นนทบุรี-อดีตแพะข่มขืนแหม่มร้องทนายไม่มีหน่วยงานใดสนใจหลังตกเป็นจำเลยสังคม
ภาพ/ข่าว:สุรสิทธิ์ สินประเสริฐ
อดีตแพะข่มขืนแหม่มร้องทนายไม่มีหน่วยงานใดสนใจหลังตกเป็นจำเลยสังคม
เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 15 ม.ค.63 นายบรรเลง ฮวดเจริญ อายุ 40 ปี เดินทางเข้าพบนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม ที่สำนักงานทนายคู่ใจ ถนนแจ้งวัฒนะ ต.คลองเกลือ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี เพื่อขอให้ช่วยเหลือหลังถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ห้วยใหญ่ จ.ชลบุรี จับกุมในข้อหาข่มขืนกระทำชำเรา จากเหตุการณ์นักท่องเที่ยวสาวชาวเดนมาร์กถูกข่มขืนเมื่อวันที่ 27 ก.ย.2557 และถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำนาน 19 วันทั้งที่ตนไม่ใช่คนร้ายที่ก่อเหตุ พร้อมนำภาพกล้องวงจรปิดและเอกสารหลักฐานมามอบให้ นายบรรเลง กล่าวว่า เมื่อวันที่ 27 ก.ย.2557 ได้เกิดเหตุคนร้ายข่มขืนนักท่องเที่ยวสาวชาวเดนมาร์กในเขตพื้นที่สภ.ห้วยใหญ่ จ.ชลบุรี ซึ่งวันดังกล่าวตนอยู่ที่รพ.พาภรรยามาคลอดลูกอยู่ที่จ.จันทบุรี ไม่ทราบเรื่องดังกล่าว ก็มีเจ้าหน้าที่ตำรวจโทรศัพท์มาหาถามว่าตนอยู่ไหนไปทำอะไรไว้ให้เข้ามาคุยกันที่โรงพักหน่อยตนจึงตอบว่าได้แต่ต้องหลังจากพาภรรยาและลูกที่เพิ่งคลอดกลับบ้านก่อนแล้วจะเดินทางเข้าไปพบ จนกระทั่งวันที่ 29 ก.ย.2557 เจ้าหน้าที่ตำรวจบุกเข้ามาเชิญตัวจากบ้านของภรรยาในจ.จันทบุรี พาตัวไปที่สภ.ห้วยใหญ่เพื่อให้ผู้เสียหายชาวเดนมาร์กชี้ตัว ตอนแรกผู้เสียหายบอกว่าจำหน้าตาคนร้ายไม่ได้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงให้ตนถอดเสื้อผ้าออกจนเห็นอวัยวะเพศ ผู้เสียหายจึงชี้มาที่ตนบอกว่าจำอวัยวะเพศได้ หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงควบคุมตัวและพยายามพูดจาข่มขู่บังคับให้ตนรับสารภาพ ซึ่งตนไม่ได้ทำจึงปฏิเสธก็ถูกทำร้ายร่างกายโดนเตะเข้าที่หน้าอกจนจุก ก่อนจะพาตนมาแถลงข่าวต่อหน้าสื่อมวลชนเป็นจำนวนมากที่มารอทำข่าว ซึ่งตนก็ปฏิเสธว่าไม่ได้ทำต่อหน้าสื่อมวลชน หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ส่งตัวไปผลัดฟ้องฝากขังที่เรือนจำนาน 19 วัน โดยใส่โซ่ตรวนขณะถูกคุมขังอยู่เพราะเป็นคดีอุกฉกรรจ์ ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเจ้าของคดีจะไปทำเรื่องขอปล่อยตัวตนออกจากเรือนจำ เพราะตามจับคนร้ายตัวจริงได้แล้ว หลังได้รับอิสระภาพได้ทำเรื่องร้องเรียนชุดจับกุมที่ทำร้ายร่างกายและบังคับตนเองไปนั่งแถลงข่าวทั้งที่ไม่ใช่คนร้าย ไปหลายหน่วยงานทั้งศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด กระทรวงยุติธรรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แต่เรื่องก็เงียบหายไปซึ่งทุกวันนี้ข่าวที่ลงในวันนั้นว่าตนเป็นคนร้ายก็อยู่ในอินเตอร์เน็ตใครค้นหาก็เจอ ทำไมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมไม่แถลงข่าวแก้ข่าวที่ว่าตนไม่ใช่คนร้ายให้สื่อมวลชนนำไปแก้ข่าวให้ถูกต้องกลับปล่อยให้ตนเป็นจำเลยของสังคมมาตลอดนานกว่า 6 ปีแล้ว เวลาไปทำงานที่ไหนใครเห็นชื่อนามสกุลตนก็ไม่กล้าจ้างงานอย่าว่าแต่ตนเองเลยลุงของตนที่ทำอาชีพรับเหมาก่อสร้างเข้าก็ไม่จ้างอ้างว่าหลานชายไปข่มขืนเขามาเดี๋ยวจะมาก่อเหตุในบ้านลูกค้าอีก จึงตัดสินใจนำเรื่องมาร้องเรียนให้ทนายรณรงค์ช่วยเหลือ
ด้านนายรณรงค์ กล่าวว่าจะตรวจสอบเอกสารหลักฐานต่างๆรวมถึงภาพจากกล้องวงจรปิดที่นายบรรเลงนำมามอบให้ ซึ่งก็ระบุวันที่เวลาในวันก่อเหตุว่านายบรรเลง อยู่ที่ร้านล้างรถแห่งหนึ่งในจ.จันทรบุรี และภาพจากรพ.ที่แสดงว่าเขาอยู่ที่รพ.ไม่ใช่คนร้ายที่ก่อเหตุข่มขืนสาวชาวเดนมาร์ก นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจยังจับคนร้ายตัวจริงที่ก่อเหตุได้แล้วอีกด้วย ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมเขาวันนั้นควรต้องเข้ามาดูแลช่วยเหลือเขาแก้ข่าวให้กับเขาแต่กลับไม่มีการดำเนินการอะไร หลังจากนี้จะรวบรวมหลักฐานทั้งหมดไปยื่นเรื่องที่กระทรวงยุติธรรม เพื่อให้ช่วยออกค่าฟ้องร้องเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมและสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้เข้ามาช่วยเหลือเยียวยาสภาพจิตใจกับนายบรรเลงต่อไป
สามารถติดตามข่าวสารอื่นๆได้ก่อนใครที่ https://www.siameagle.com
หรือ https://www.facebook.com/siameaglenews/