ราชบุรี-ทหาร-ตำรวจ ประกอบพิธีสวนสนามถวายสัตย์ปฏิญาณของทหารและตำรวจ
ภาพ/ข่าว:สุจินต์ นฤภัย
ทหารและตำรวจ ประกอบพิธีสวนสนามถวายสัตย์ปฏิญาณของทหารและตำรวจ เนื่องในพระราชพิธีพระบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 และวันกองทัพไทย ประจำปีพุทธศักราช 2563 โดยประกอบพิธีพร้อมกับพิธีสวนสนาม ถวายสัตย์ปฏิญาณตนของทหารและตำรวจ จากศูนย์การทหารม้า ค่ายอดิศร จังหวัดสระบุรี
วันที่ 19 ม.ค.63 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อตั้งแต่ช่วงเช้าของวันที่ 18 ม.ค.63 ที่สนามหน้ากองบัญชาการกรมการทหารช่าง ค่ายภาณุรังษี อ.เมือง จ.ราชบุรี กรมการทหารช่าง และมณฑลทหารบกที่ 16 ได้ประกอบพิธีสงฆ์ในพิธีสวนสนามถวายสัตย์ปฏิญาณของทหารและตำรวจ เนื่องในพระราชพิธีพระบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 และวันกองทัพไทย ประจำปีพุทธศักราช 2563 ในพื้นที่มณฑลทหารบกที่ 16 โดยมีหน่วยทหารต่าง ๆ ในพื้นที่จังหวัดราชบุรี และจังหวัดนครปฐม รวม 5 หน่วย ประกอบด้วย กรมการทหารช่าง, กองพลพัฒนาที่ 1, มณฑลทหารบกที่ 16, กรมการสัตว์ทหารบก และ แผนก 6 กองคลังแสง กรมสรรพาวุธทหารบก จัดกำลังพลเป็นกรมสวนสนาม 4 กรม ประกอบด้วย 8 กองพันสวนสนาม รวม 1,401 นาย เข้าร่วมพิธีสงฆ์ในครั้งนี้ ก่อนพิธีสงฆ์จะเริ่มขึ้น ได้มีพิธีอัญเชิญธงชัยเฉลิมพลขึ้นประจำแท่นในปะรำพิธี โดยมี พลตรี เจษฎา เปรมนิรันดร รองเจ้ากรมการทหารช่าง เป็นประธานจุดเทียน ธูป บูชาพระรัตนตรัย ในพิธีสงฆ์ ในโอกาสนี้ รองเจ้ากรมการทหารช่าง พร้อมด้วยคณะนายทหารชั้นผู้ใหญ่ในพื้นที่จังหวัดราชบุรี และจังหวัดนครปฐม ร่วมถวายเครื่องไทยธรรมแด่พระสงฆ์ และร่วมเชิญธงชัยเฉลิมพลกลับเข้าประจำแถวทหารในรูปเดิม
จากนั้นเมื่อเวลา 16.00 น. พลตรี เจษฎา เปรมนิรันดร รองเจ้ากรมการทหารช่าง และคณะนายทหารชั้นผู้ใหญ่ในพื้นที่จังหวัดราชบุรี และจังหวัดนครปฐม ตลอดจนหัวหน้าส่วนงานราชการ ตำรวจ ได้เข้าร่วมประกอบพิธีสวนสนามถวายสัตย์ปฏิญาณของทหารและตำรวจ เนื่องในพระราชพิธีพระบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 และวันกองทัพไทย ประจำปีพุทธศักราช 2563 ในพื้นที่มณฑลทหารบกที่ 16 ณ สนามหน้ากองบัญชาการกรมการทหารช่าง ค่ายภาณุรังษี อำเภอเมือง จังหวัดราชบุรี โดยมีหน่วยทหารต่างๆ ในพื้นที่จังหวัดราชบุรี และจังหวัดนครปฐม รวม 5 หน่วย ประกอบด้วย กรมการทหารช่าง, กองพลพัฒนาที่ 1, มณฑลทหารบกที่ 16, กรมการสัตว์ทหารบก และ แผนก 6 กองคลังแสง กรมสรรพาวุธทหารบก จัดกำลังพลเป็นกรมสวนสนาม 4 กรม ประกอบด้วย 8 กองพันสวนสนาม รวม 1,401 นาย โดยประกอบพิธีพร้อมกับพิธีสวนสนามถวายสัตย์ปฏิญาณตนของทหารและตำรวจ ศูนย์การทหารม้า ค่ายอดิศร ถนนพหลโยธิน ตำบลปากเพรียว อำเภอเมืองสระบุรี จังหวัดสระบุรี โดยทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ถ่ายทอดสดในพิธี
ในการนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงฉลองพระองค์ชุดพระราชฐาน ประดับยศจอมทัพไทย ขณะที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี และสมเด็จ พระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดีกรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ทรง ฉลองพระองค์ชุดพระราชฐาน เสด็จฯโดยรถยนต์พระที่นั่งเปิดประทุนเข้ามาภายในบริเวณพิธี โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงยืนบนรถยนต์พระที่นั่ง ทรงตรวจพลสวนสนามจากกองกำลังผสมได้แก่ กองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่มี พล.ต.จักรชัย ศรีคชา นายทหารราชองครักษ์ในพระองค์ฯ เป็นผู้เชิญธงชัยราชกระบี่ยุทธ และพล.ต.ณัฐวุฒิ จาตุศรีพิทักษ์ นายทหารราชองครักษ์ในพระองค์ฯเป็นผู้เชิญธงชัยพระครุฑพ่าห์ นำเสด็จ
ติดตามด้วยรถผู้บังคับกองผสมและรถนายทหารชั้นผู้ใหญ่ ประกอบด้วย คันที่ 1 พล.อ.พรพิพัฒน์ เบญญศรี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ เสนาธิการทหาร และรองผู้บัญชาการหน่วยเฉพาะกิจทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ฯ คันที่ 2 พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ.ผู้บัญชาการหน่วยเฉพาะกิจทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ฯ รถคันที่ 3 พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ ผบ.ทร. พล.ร.อ.สิทธิพร มาศเกษม เสนาธิการทหารเรือ รถคันที่ 4 พล.อ.อ.มานัต วงษ์วาทย์ ผบ.ทอ. พล.อ.อ.สุทธิพันธุ์ ต่ายทอง เสนาธิการทหารอากาศ รถคันที่ 5 พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบ.ตร.และรถคันที่ 6 พล.ท.ธรรมนูญ วิถี แม่ทัพภาคที่ 1 ผู้บังคับกองผสม ตามเสด็จฯ
ขณะที่วงดุริยางค์บรรเลงเพลงมาร์ชธงชัย เฉลิมพล เมื่อทรงตรวจพลสวนสนามเสร็จสิ้น เสด็จขึ้นพลับพลาที่ประทับ ประทับพระราชอาสน์ ณ พระที่นั่งชุมสาย ทอดพระเนตรการสวนสนามและกล่าวคำปฏิญาณตนของกองกำลังผสม 4 เหล่าทัพ โดยมี พล.อ.พรพิพัฒน์ เบญญศรี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เปิดกรวยกระทงดอกไม้ ธูปเทียนแพและเข้าเฝ้าฯทูลเกล้าฯ ถวายดอกไม้ธูปเทียนแพบนพลับพลาที่ประทับ จากนั้นกราบบังคมทูลถวายรายงานความเป็นมาของวันกองทัพไทย และนำกล่าวถวายสัตย์ กล่าวคำถวายพระพรชัยมงคล
หลังการกล่าวคำถวายปฏิญาณเสร็จสิ้น วงดุริยางค์บรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี ทหาร 3 เหล่าทัพยิงสลุตเฉลิมพระเกียรติ เหล่าทัพละ 21 นัด พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงยืนรับการถวายความเคารพ การนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชดำรัสเนื่องในวันกองทัพไทย ประจำปี 2563 ความว่า “ข้าพเจ้าและพระราชินีมีความชื่นชมยิ่งนักที่ได้มาอยู่ในท่ามกลางเหล่าทหารและตำรวจ ในพิธีสวนสนามถวายสัตย์ปฏิญาณครั้งนี้ ขอขอบใจในคำอำนวยพรและไมตรีจิตของทุกๆคน และขอสนองพรทั้งน้ำใจไมตรีนั้นด้วยใจจริงเช่นกัน ประเทศ ชาติจะเป็นปึกแผ่นมั่นคงได้ก็ด้วยคนไทยทุกหมู่เหล่า พร้อมเพรียงกันปฏิบัติหน้าที่ของตน โดยมีอุดมคติและจุดมุ่งหมายอย่างเดียวกันคือ ประโยชน์สุขของทุกคนในชาติ ข้าพเจ้าจึงยินดีมากที่ได้เห็นความพร้อมเพรียงของทหารและตำรวจในวันนี้ ทั้งได้ฟังคำปฏิญาณแสงความจงรักภักดีและเจตนาอันแน่วแน่ที่จะปฏิบัติหน้าที่เพื่อประเทศชาติและประชาชน ขอให้นายทหาร นายตำรวจทุกคน รักษาคำปฏิญาณที่ได้ให้ไว้อย่างเคร่งครัด และตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเที่ยงตรง เข้มแข็งและเสียสละ พร้อมทั้งหมั่นศึกษาและฝึกฝนตนเองให้มีความจัดเจนคล่องแคล่วในหน้าที่และในการปฏิบัติงานร่วมกับผู้อื่น ฝ่ายอื่นอยู่เสมอ ทุกคน ทุกฝ่ายจะได้สามารถร่วมมือร่วมใจกันสร้างสรรค์ความวัฒนาผาสุกให้แก่ประชาชนและประเทศชาติได้ตามอุดมคติที่ตั้งมั่นไว้ตลอดไป ขออานุภาพแห่งคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ พร้อมทั้งอำนาจแห่งความภักดีโดยบริสุทธิ์ใจต่อบ้านเมือง จงบันดาลให้ท่านทั้งหลายประสบแต่ความสุข ความเจริญและความสามัคคี สวัสดีมีชัยโดยทั่วกัน”
จากนั้นประทับพระราชอาสน์ทอดพระเนตรกองกำลังสวนสนามถวายสัตย์ปฏิญาณของทหารและตำรวจ จาก 39 กองพัน จำนวน 6,812 นาย ประกอบด้วย กรมเดินเท้าสวนสนาม จำนวน 7 กรม กรมละ 4 กองพัน รวม 28 กองพัน, กรมวิ่งสวนสนาม จำนวน 1กรม 4 กองพัน, กองพันทหารม้ารักษาพระองค์ จำนวน 1 กองพัน, กรมยานยนต์ จำนวน 2 กรม กรมละ 3 กองพัน รวม 6 กองพัน นอกจากนี้ ยังได้จัดกำลังทางอากาศ จำนวน 37 เครื่อง ประกอบด้วยหมู่บิน AU-23 จำนวน 3 เครื่อง ทำการบินปล่อยควันสีรูปธงชาติ ตามด้วยหมู่บินเฮลิคอปเตอร์ 4 เหล่าทัพ ทำการบินแบบหมู่ 6 และหมู่ 9 พร้อมด้วยหมู่เครื่องบินรบ ทำการบินแบบหมู่ 9 และหมู่ 10 สำหรับยุทโธปกรณ์ที่นำมาสวนสนามในส่วนของกองทัพบก เช่น ยานเกราะล้อยาง stryker BTR-3E1 รถถัง M60A3 ปืนใหญ่ 105มม., 155มม. ปตอ. 35 มม. รถบรรทุกจรวด จรวดหลายลำกล้อง รถถัง OPLOT รถถัง VT-4 กองทัพเรือ เช่น รถสะเทินน้ำสะเทินบก AAVP ยานเกราะล้อยาง BTR-3E1 จรวด TOW ปืนใหญ่ 155มม. กองทัพอากาศ เช่น เครื่องบิน F-5, F – 16, T-50, Gripen JAS-39 และเฮลิคอปเตอร์ แบบ EC 725 กระทั่งเวลาประมาณ 18.10 น. พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี พร้อมด้วยสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหา วัชรราชธิดา ทรงประทับรถยนต์พระที่นั่งเปิดประทุน เสด็จพระราชดำเนินกลับ
การสวนสนามถวายสัตย์ปฏิญาณของทหารและตำรวจครั้งนี้ ถือเป็นการสวนสนามครั้งยิ่งใหญ่ครั้งแรกในรัชสมัยนี้ โดยเหล่าทัพได้นำยุทโธปกรณ์เกือบทุกแบบที่มีประจำการเข้าร่วมในพิธีสวนสนามถวายสัตย์ปฏิญาณของทหารและตำรวจ เนื่องในพระราชพิธีพระบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 และวันกองทัพไทย ประจำปีพุทธศักราช 2563 ซึ่งพิธีกระทำสัตย์ปฏิญาณตนต่อธงชัยเฉลิมพล เป็นประเพณีอันเก่าแก่ของทหาร ที่ได้ยึดถือปฏิบัติสืบมาแต่โบราณกาลอย่างเคร่งครัดว่า ชายไทยที่เข้ามารับใช้ชาติด้วยการเป็นทหารนั้น จะเป็นทหารที่สมบูรณ์ได้ก็ต่อเมื่อ ได้กระทำสัตย์ปฏิญาณตนต่อธงชัยเฉลิมพล เรียกอย่างสามัญว่า “พิธีสาบานธง” สันนิษฐานว่ามีขึ้นเป็นครั้งแรกเท่าที่ปรากฏหลักฐาน เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม พุทธศักราช 2470 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 โดยจัดที่ลานพระราชวังดุสิต ในครั้งนั้นเป็นการประกอบพิธีของหน่วยทหารบก ทหารรักษาวัง และทหารเรือที่ประจำอยู่ในกรุงเทพมหานคร ซึ่งพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จพระราชดำเนินเป็นองค์ประธานในพิธีสวนสนามธงชัยเฉลิมพลมีส่วนสำคัญอยู่ 3 ประการคือ ผืนธง หมายถึง ชาติ บนยอดธงจะบรรจุพระพุทธรูป หมายถึง พระพุทธศาสนา และเส้นพระเจ้าของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร หมายถึง องค์พระมหากษัตริย์ ธงชัยเฉลิมพลเป็นสีต่าง ๆ ตามแต่จะเห็นสมควร แต่ที่มุมบนมีแพรแดงเป็นรูปธง โตหนึ่งในหกส่วน มีรูปช้างเผือกทรงเครื่องยืนแท่นที่พื้นธง นอกจากธงช้างที่มุมมีตราสำหรับกองทหารนั้น เป็นธงสำหรับใช้เมื่อมีการรับเสด็จในเวลาพระราชพิธีใหญ่และเกียรติยศตามซึ่งจะโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมและเมื่อกองทหารจะไปปราบศัตรู ก็ใช้ธงนี้ไปในกองทัพด้วย ธงชัยเฉลิมพล ย่อมนับว่าเป็นยอด เป็นจอมแห่งกองทหารทั้งหลายสืบมาแต่โบราณ เป็นหน้าที่ของทหารกองนั้น ๆ เมื่อเวลาเข้าสู่สงคราม ทหารทั้งปวงจำเป็นจะต้องพิทักษ์รักษาธงชัยเฉลิมพลสำหรับกองทหารของตัวเอง ยิ่งกว่าชีวิต เมื่อเป็นดังนั้น ธงชัยเฉลิมพลจึงเป็นเครื่องชักนำให้ถึงที่ มีชัยชนะ โดยความกล้าหาญ เพราะฉะนั้นธงชัยเฉลิมพล จึงเป็นสิ่งสำคัญยิ่งของกองทหารสืบมาแต่โบราณ จนถึงปัจจุบัน
สามารถติดตามข่าวสารอื่นๆได้ก่อนใครที่ https://www.siameagle.com
หรือ https://www.facebook.com/siameaglenews/