ประจวบคีรีขันธ์-เร่งหาแนวทางการเรียกร้องค่าเยียวยาจากภาครัฐ กรณีช้างป่าทำร้ายคนเสียชีวิต

ประจวบคีรีขันธ์-เร่งหาแนวทางการเรียกร้องค่าเยียวยาจากภาครัฐ กรณีช้างป่าทำร้ายคนเสียชีวิต

ภาพ/ข่าว:พันธุ์พงษ์ โพธิ์จินดา

เร่งหาแนวทางการเรียกร้องค่าเยียวยาจากภาครัฐ กรณีช้างป่าทำร้ายคนเสียชีวิต

        เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา นายวิชิติ ปลั่งศรีสกุล ประธานอนุกรรมาธิการศึกษาและแก้ไขปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร และอดีตสมาชิกสภาจังหวัดประจวบฯ เดินทางมาเป็นประธานในพิธีสวดพระอภิธรรมศพ นายอนุวัฒน์ แสงเดือน ชาวบ้านรวมไทยที่ถูกช้างป่าทำร้ายจนเสียชีวิต ขณะไปเฝ้าไร่สับปะรด โดยพิธีจัดขึ้นที่ วัดรวมไทย ม.7 ต.หาดขาม อ.กุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยมีนายดิเรก จอมทอง คณะทำงานฯ รวมถึงชาวบ้านรวมไทย บ้านย่านซื่อ โดยเฉพาะผู้ที่ได้รับผลกระทบจากช้างป่ามาร่วมงานกันจำนวนมาก

         โดยหลังที่พิธีสวดพระอภิธรรมจบ ทางด้านนายวิชิต ได้มอบทุนช่วยเหลือเบื้องต้นในการจัดงานศพให้กับ นางจันที วังกระธาตุ ภรรยาของผู้ตาย จากนั้นได้กล่าวกับผู้ที่มาร่วมงาน ว่าในที่ประชุมอนุกรรมาธิการฯ ที่ผ่านมาตนได้หยิบยกกรณีการเสียชีวิตของนายอนุวัฒน์ ขึ้นมาให้ที่ประชุมพิจารณาว่าจะมีทางเยียวยาความสูญเสียในครั้งนี้ได้ทางไหนบ้าง โดยได้ให้ทางหน่วยงานของกระทรวงยุติธรรมไปพิจารณาศึกษาข้อกฎหมายดูว่า กรณีช้างเข้ามาเหยียบหรือทำร้ายคนจนถึงแก่ชีวิต ขณะอยู่ในพื้นที่อยู่อาศัยหรือพื้นที่ทำการเกษตรของตัวเองนั้น มีช่องทางการเยียวยาตามกฎหมายอย่างไร ทั้งนี้ส่วนตัวมีความเห็นว่าการเสียชีวิตของนายอนุวัฒน์ ซึ่งมีอาชีพทำไร่ เป็นเสาหลักในการหารายได้เลี้ยงดูครอบครัว ทั้งภรรยาและพ่อแม่ ดังนั้นจึงควรได้รับการช่วยเหลือเยียวยาการสูญเสียอย่างเหมาะสม ส่วนความคืบหน้าจะเป็นอย่างไร ตนจะติดตามให้อย่างใกล้ชิด
          ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่าในช่วงกลางวันก่อนหน้านี้ ทางหน่วยงานราชการหลายฝ่ายอาทิ อุทยานแห่งชาติกุยบุรี กรมป่า ทหาร และฝ่ายปกครอง ได้ร่วมประชุมชี้แจงและรับความคิดเห็นจากหลายฝ่าย เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาช้างป่าลงมารุกที่ทำกินชาวบ้าน ซึ่งชาวบ้านส่วนใหญ่มีความต้องการให้สร้างรั้วกันช้างกึ่งถาวร โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้รับไปและเร่งเดินเรื่องตามที่ชาวบ้านร้องขอ ซึ่งในเรื่องนี้คาดว่าชาวบ้านยังต้องรออีกนานเนื่องจากต้องเป็นไปตามระบบของราชการ
         แต่ก็ยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่มองเป็นรูปธรรมมากขึ้น โดยทางอุทยานได้แจ้งว่าในช่วงเดือนมีนาคม ที่จะถึงนี้ ทางอุทยานจะได้งบในการจัดซื้อปลอกคอสัญญาณดาวเทียม (GPS – collar) จำนวน 1 อัน และเมื่อได้มา จะทำการติดตามช้างป่าตัวที่ทำร้ายคนเฝ้าไร่จนเสียชีวิต และนำปลอกคอดังกล่าวมาติดเอาไว้ เพื่อติดตามพฤติกรรม และการเดินทางหากินของช้างตัวดังกล่าว ซึ่งในช่วงนี้ได้รับงบประมาณมาเพียง 1 อัน เพราะมีราคาสูงถึง สองแสนบาท ซึ่งทางอุทยานจะทำการขอเพิ่มในโอกาสต่อไป โดยเรื่องนี้ทางด้านนายวิชิต กล่าวว่า จำนวนช้างที่ออกมารบกวนพืชไร่ของชาวบ้านนั้น มีจำนวนหลายฝูง ทางอุทยานน่าจะเห็นควรเร่งดำเนินการจัดซื้ออุปกรณ์ดังกล่าว มาให้เพียงพอโดยอาจจะติดปลอกคอติดตามช้างให้กับจ่าฝูงทุกฝูง เพื่อจะได้ทราบการเดินของช้างป่า ว่าจะออกนอกป่าเมื่อใด อีกทั้งมีข้อเสนอแนะว่า หากเป็นไปได้ ควรศึกษาแนวทางว่า หากเปลี่ยนจากปลอกคอเป็นการฝังชิปแทน จะมีข้อดีกว่าการติดปลอกคอหรือไม่ จะประหยัดในด้านราคา และลดความเสียหายจากการถูกช้างทำลายได้ดีกว่าหรือไม่อย่างไร

สามารถติดตามข่าวสารอื่นๆได้ก่อนใครที่ https://www.siameagle.com
หรือ https://www.facebook.com/siameaglenews/

CATEGORIES
Share This

COMMENTS

error: Content is protected !!