เชียงใหม่-สถานการณ์ไฟป่าบนดอยสุเทพ-ปุยเริ่มคลี่คลาย
ศูนย์ข่าวเฉพาะกิจจังหวัดเชียงใหม่
สถานการณ์ไฟป่าบนดอยสุเทพ-ปุยเริ่มคลี่คลาย แต่ยังเหลือจุดที่เกิดซ้ำซากที่เป็นภูเขาสูง โดยได้นำ ฮ.ปภ.และ MI17 บินโปรยน้ำควบคู่กับระดมกำลังภาคพื้นดินจากทุกภาคส่วนเข้าดับไฟ
เช้าวันนี้ (28 มี.ค.63) เวลา 09.00 น. นายคมสัน สุวรรณอัมพา รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ได้มีการประชุมศูนย์บัญชาการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อเร่งปรับแผนการดำเนินงาน ซึ่งมีผู้แทนจากมณฑลทหารบกที่ 33 ฝ่ายปกครอง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กรมป่าไม้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนภาคประชาชนจิตอาสา ร่วมหารือปรับแผนในการดับไฟป่า รวมทั้งการนำอากาศยานขึ้นบินโปรยน้ำเพื่อดับไฟในพื้นที่สูงชันให้เกิดผลอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด ซึ่งในวันนี้พบว่าสถานการณ์ไฟป่าในพื้นที่อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย เริ่มคลี่คลาย โดยภารกิจช่วงบ่ายวันนี้เฮลิคอปเตอร์ ปภ. (KA-32) จะปฏิบัติการบินโปรยน้ำดับไฟจุดแหลมสน (ดอยผาดำ) ใกล้บ้านม้งดอยปุย และขุนช่างเคี่ยน ตำบลสุเทพ มีจุดไฟไหม้เกิดขึ้นใหม่และปะทุจากเดิมเมื่อคืนนี้ ซึ่งมีกำลังเจ้าหน้าที่เสือไฟ เหยี่ยวไฟ และอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพปุยได้ทำแนวกันไฟและนำรถดับเพลิงเฝ้าระวังไว้ตลอดทั้งคืนเพื่อป้องกันการลุกลาม โดยในเช้าวันนี้ได้สนธิกำลังกับหน่วยงานทุกภาคส่วนรวมกว่า 200 นาย เร่งดับไฟอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่ทีมโดรนจิตอาสาได้บินขึ้นสำรวจบริเวณใกล้กับพระธาตุดอยคำ ตำบลแม่เหียะ และจุดบ้างปง อำเภอหางดง ซึ่งเป็นพื้นที่ใกล้เคียงบริเวณเดิมที่เกิดไฟป่าขึ้นในช่วงกลางดึก หากพบจุดที่เกิดไฟจะแจ้งพิกัดมายังศูนย์บัญชาการฯ จังหวัด เพื่อนำเฮลิคอปเตอร์ MI 17 ของกองทัพบก บินขึ้นโปรยน้ำในจุดนั้น ในส่วนของเฮลิคอปเตอร์ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวะล้อมจำนวน 3 ลำ ปฏิบัติการบินโปรยน้ำดับไฟบนพื้นที่สูงชันตั้งแต่ช่วงเช้า ถูกส่งไปปฏิบัติภารกิจบินที่อำเภอเชียงดาวอย่างเร่งด่วน เนื่องจากตรวจพบจุดความร้อน 65 จุด โดยเฉพาะพื้นที่บ้านนาเลา ตำบลเชียงดาวที่มีจุดความร้อนพุ่ง 15 จุด ในพื้นที่เขาสูงชันและเหวลุก และเป็นจุดเดิมที่ลุกลามจากเมื่อวานนี้ 5 จุด ที่หน่วยดับไฟภาคพื้นดินเข้าไม่ถึง
ในส่วนของสถานการณ์หมอกควันไฟป่าล่าสุดในเช้าวันนี้ มีรายงานการตรวจพบจุดความร้อนจากดาวเทียมเวียร์ในจังหวัดเชียงใหมจำนวน 518 จุด เกิดขึ้นในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ 294 จุด และป่าสงวนแห่งชาติมากถึง 212 จุด ซึ่งส่วนใหญ่เป็นภูเขาสูง ลาดชัน บางจุดเป็นเหวลึก ยากต่อการที่หน่วยดับไฟภาคพื้นดินเข้าถึง ทำให้ต้องใช้เวลานานกว่าเพื่อควบคุมไฟไม่ให้ลุกลามเป็นวงกว้างได้ แต่ประกอบกับในช่วง 2 – 3 วันที่ผ่านมา มีลมแรงทำให้สะเก็ดไฟถูกลมพัดปลิวข้ามแนวกันไฟที่ทำเพื่อสกัดไฟไว้ ลุกลามไปยังพื้นที่ข้างเคียงอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งบางจุดเกิดการปะทุขึ้นใหม่ แม้ว่าเจ้าหน้าที่จะร่วมกันดับไฟไปแล้วตาม
ด้าน นายคมสัน สุวรรณอัมพา รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า ขณะนี้ได้ส่งกำลังทหาร ตำรวจ เจ้าหน้าที่อุทยาน สนธิกำลังร่วมกับฝ่ายปกครอง อปท. ผู้นำชุมชน และชาวบ้านในพื้นที่ออกลาดตระเวน ตรวจสอบจุดความร้อนและเฝ้าระวังการเกิดไฟป่า ซึ่งเป็นการดำเนินการตามนโยบายของจังหวัดเชียงใหม่ ที่ให้เพิ่มการลาดตะเวนในพื้นที่เสี่ยงให้มากขึ้น ถือเป็นปฏิบัติการทางจิตวิทยา และกลยุทธ์สำคัญที่ต้องทำควบคู่กันไป เพื่อป้องปรามการลักลอบเผาป่าเพิ่ม โดยกำชับเจ้าหน้าที่หากพบผู้ที่เข้าไปในป่าโดยไม่ได้รับอนุญาติตอนนี้ สามารถจับได้เลย เพราะได้ประกาศมาตรการปิดป่า 100% ไปแล้ว หากฝ่าฝืนจะดำเนินการลงโทษตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเฉียบขาดต่อไป ซึ่งสำหรับผู้ชี้เบาะแสเพื่อนำไปสู่การจับกุมผู้กระทำผิดได้เพิ่มรางวัลนำจับจากรายละ 5,000 บาท เป็น 10,000 บาทแล้ว โดยสามารถแจ้งเหตุได้ที่ศูนย์บัญชาการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 จังหวัดเชียงใหม่ หมายเลขโทรศัพท์ 053-112-808 หรือหมายเลขโทรศัพท์ 191 ตลอด 24 ชั่วโมง