ปราจีนบุรี-เปิดใจ!! นพ.นำพล เข้าใจวิธีคิดคนที่เป็นโควิด

ปราจีนบุรี-เปิดใจ!! นพ.นำพล เข้าใจวิธีคิดคนที่เป็นโควิด

ภาพ/ข่าว:มานิตย์ สนับบุญ

        แชร์ไลน์กระหึ่มปราจีนฯ เปิดใจ!! นพ.นำพล อดีต ผอ.รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร “ผมเข้าใจวิธีคิดคนที่เป็นโควิดมากขึ้น”

           วันนี้ 5 เม.ย.63 ผู้สื่อข่าวประจำ จ.ปราจีนบุรี รายงานว่า ได้มีการแชร์ในกลุ่มไลน์ต่าง ๆ เปิดใจ นพ.นำพล แดนพิพัฒน์ ผอ.รพ.สมุทรปราการ อดีตผอ.รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร หลังจาก ล่าสุดเมื่อวันที่ 3 เมษายน 2563 ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา หัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการวิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ยืนยันว่าผลการตรวจด้วย PCR จากห้องแล็บของกาชาด ถือว่าไม่ได้มีการติดเชื้อไวรสโควิด-19 แต่อย่างใด

            โดยได้ระบุว่า หลังจากตกเป็นข่าว นพ.นำพล แดนพิพัฒน์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสมุทรปราการ ติดเชื้อโควิด-19 ในช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ล่าสุดเมื่อวันที่ 3 เมษายน 2563 ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา หัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการวิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ยืนยันว่าผลการตรวจด้วย PCR จากห้องแล็บของกาชาด ถือว่าไม่ได้มีการติดเชื้อแต่อย่างใดนพ.นำพล เปิดเผยถึงบทเรียนจากการตกเป็นข่าวในครั้งนี้ว่า มีความรู้สึกบอกไม่ถูก เพราะสิ่งที่ตนทำงานมาตลอดชีวิตข้าราชการนั้น มีผลงานอยู่พอสมควร และเชื่อในความดีที่ได้ทำมา แต่เหตุการณ์นี้ทำให้ชีวิตตัวเองยากลำบาก รู้สึกว่าเป็น “กรรมเก่า” ระคนไปกับความรู้สึกว่า “สิ่งใดที่เกิดขึ้นแล้ว สิ่งนั้นดีเสมอ” และจากประสบการณ์ครั้งนี้ทำให้เข้าใจวิธีคิดคนที่เป็นโรคโควิด-19 มากขึ้น พร้อมทั้งจะขอลำดับเหตุการณ์อีกครั้งหนึ่ง ดังนี้

            ในช่วงวันที่ 11-13 มีนาคม มีอาการไอ มีน้ำมูก คิดว่ามีโอกาสจะติดเชื้อจึงได้ตรวจว่าติดเชื้อโควิด-19 หรือไม่ ในวันที่ 12 มีนาคม ได้ไปขอตรวจที่โรงพยาบาลบางพลี จ.สมุทรปราการ ตอนแรกเจ้าหน้าที่ไม่ให้ตรวจเพราะเห็นว่าไม่มีภาวะเสี่ยง ต่อมาในตอนบ่ายจึงได้รับการตรวจ ผลตรวจด้วย PCR realtime (พีซีอาร์ เรียลไทม์) ออกมาเป็นเนกาทีฟ ซึ่งการตรวจแบบนี้มีความผิดพลาดน้อยมาก ต่อมาในวันที่ 16 มีนาคมเดินทางมารับตำแหน่งผู้อำนวยการโรงพยาบาลสมุทรปราการ โดยความตั้งใจแรกต้องการมาแบบหิ้วกระเป๋าใบเดียวมารับตำแหน่ง แต่ก็มีบุคลากรจากโรงพยาบาลเดิมบางส่วนมาส่งและมีการต้อนรับที่โรงพยาบาลสมุทรปราการ จากนั้นรับประทานอาหารกลางวันร่วมกันกับเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล ช่วงบ่ายเริ่มประชุมทีมบริหาร ตกเย็นจึงตรวจเยี่ยมให้กำลังใจแพทย์และพยาบาลที่ดูแลผู้ป่วย โควิด-19 ที่อยู่ในรพ.สมุทรปราการ 5 รายระหว่างวันที่ 17-22 มีนาคม ได้ประชุมและทำงานที่โรงพยาบาลสมุทรปราการ ตรวจเยี่ยมวอร์ดโควิด-19 และเตรียมทำ โคฮอร์ท วอร์ด เพื่อรองรับผู้ป่วยโควิด-19 บางวันไปร่วมประชุมกับผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข และที่ศาลากลางจังหวัดสมุทรปราการ

             ต่อมาในวันที่ 23 มีนาคม ได้พบแพทย์เพื่อตรวจโควิด-19 เป็นครั้งที่ 2 ทราบผลว่าติดเชื้อ ในวันที่ 25 มีนาคม ได้เข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลราชวิถีด้วยความที่เป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลทำให้ต้องเดินผ่านพื้นที่ต่าง ๆ ของโรงพยาบาลที่มีผู้ป่วยอยู่ เช่น แผนกผู้ป่วยนอก ซึ่งอาจจะแตกต่างจากผู้บริหารที่ทำงานในส่วนที่ไม่เกี่ยวข้องกับผู้ป่วย ในแง่ของการมีโอกาสการติดเชื้อจากการทำงานนพ.นำพล เปิดเผยว่าระหว่างที่เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลราชวิถี นั้น ได้อยู่ในห้องเฉพาะคล้ายกับห้องพิเศษตามโรงพยาบาล แต่มีการปรับสภาพและเจ้าหน้าที่ที่เข้ามาดูแลต้องสวมใส่ชุดป้องกันอย่างเต็มที่“ในขณะที่นอนโรงพยาบาล ผมก็คิดว่าเราต้องแข็งแรงเพื่อต่อสู้กับโรคให้ได้ นอกจากได้รับยาต้านแบคทีเรียเพื่อป้องกันการติดเชื้อซ้ำ ตามที่แพทย์สั่งให้แล้ว ก็พยายามออกกำลังกายเท่าที่ทำได้ภายในห้องพัก แม้จะมีความรู้สึกอึดอัดที่ต้องอยู่ภายในห้องสี่เหลี่ยมที่ไม่สามารถแม้กระทั่งจะเปิดประตูไปรับอากาศภายนอก” เมื่อเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลราชวิถี ได้มีการตรวจเสมหะ ตรวจปอด จนสุดท้ายผลการตรวจออกมาเป็นลบ จึงออกมากักตัวต่อที่โรงพยาบาลสมุทรปราการ ต่อให้ครบ 1 เดือน

              ตลอดระยะเวลาที่มีข่าวที่สร้างความเสื่อมเสียให้กับตนออกมาอย่างมากนั้น ปรากฏว่าผลตรวจของบุคคลที่เคยสัมผัสใกล้ชิด ไม่ว่าจะเป็นบุคคลในครอบครัวและอยู่ร่วมเหตุการณ์ต่าง ๆ ทั้งที่สมุทรปราการและที่ปราจีนบุรีกว่า 100 คน ผลตรวจโควิด ออกมาเป็นลบ จึงเริ่มมีความสงสัยว่าจะเป็นจริงหรือไม่ ประกอบกับมีอาการหวัดเพียงเล็กน้อย บทเรียนจากการป่วยโรคโควิด-19 ครั้งนี้ สามารถสรุปได้ใน 2 ส่วน ส่วนแรกคือกระบวนการตรวจเพื่อวินิจฉัยโรค อีกส่วนหนึ่งคือประสบการณ์ในฐานะผู้ป่วย ในส่วนของการตรวจแล็บเพื่อวินิจฉัยโรคนั้น นพ.นำพล กล่าวว่า เรื่องหลักคือเราต้องสร้างความเชื่อมั่นให้ได้ว่า เมื่อผลตรวจออกมาว่าเป็นโรคต้องเป็นโรคจริง เพราะจากกรณีนี้อาจเกิดข้อสงสัยในวงกว้างและสั่นคลอนความเชื่อมั่น ว่าขนาดบุคลากรทางการแพทย์ ยังเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ขึ้น ก่อนหน้านี้ทางกระทรวงสาธารณสุขตั้งเกณฑ์ว่า ผลการตรวจจากแล็บ 2 แห่งต้องตรงกันก่อนที่จะบอกว่าคนไข้ติดเชื้อโควิด ต่อมาใช้ผลจากแล็บเดียว ในกรณีของตนนั้นได้คุยกับแพทย์ที่ให้การรักษาและ ศ.นพ.ธีระวัฒน์ ได้ชี้แจงผ่านเฟสบุ๊คส่วนตัว จนนำไปสู่ข้อสรุปว่า ตนไม่เป็นโรคโควิด-19

               “เราคุยกันว่าเครื่องมือยังมีความเที่ยงตรงและเชื่อถือได้ แต่อาจมีส่วนที่เกี่ยวกับกระบวนการแปลผล ซึ่งเรื่องนี้ ผมไม่ก้าวล่วงความรู้ของผู้เชี่ยวชาญ แต่มีข้อสังเกตว่าในกรณีนี้ ไม่มีใครผลตรวจเป็นบวกจากผม ข้อต่อมาคือผลเป็นลบเร็วเกินไป และเมื่อตรวจภูมิต้านทาน (แอนตี้บอดี้)ผลตรวจก็ไม่พบ ผมก็มั่นใจว่าน่าจะไม่เป็น” นพ.นำพล กล่าว ในส่วนประสบการณ์ในฐานะผู้ป่วยโรคโควิด-19 นั้น นพ.นำพล เปิดเผยว่า มีความเข้าใจวิธีคิดคนที่เป็นโรคนี้มากขึ้น ที่มีความรู้สึกกลัวว่าเราจะรอดตายจากการป่วยครั้งนี้ไหม แต่เนื่องจากตนมีความรู้ว่าไม่มีความเสี่ยงจากโรคอื่น และเป็นคนที่แข็งแรง ชอบออกกำลังกายสม่ำเสมอ อาการของตนจึงมีเพียงเล็กน้อย จัดอยู่ในกลุ่มผู้ป่วย 80 เปอร์เซ็นต์ที่มีอาการเล็กน้อย จึงไม่ได้มีความวิตกกังวลมากเกินไป แต่การได้พูดคุยกับแพทย์ผู้รักษาจะได้ความมั่นใจในแผนการรักษาและอุ่นใจ

              ระหว่างที่รับการรักษาตัว นพ.นำพลบอกว่า รู้สึกมีความเชื่อว่าตนไม่น่าจะเป็นโรคโควิด-19 ยังคุยกับแพทย์ที่รักษาว่าตนเป็นจริงหรือเปล่า เพราะบุคคลในครอบครัวรวมตลอดถึงคุณพ่อของตนที่สูงอายุ มีการสัมผัสที่ใกล้ชิด ก็ยังไม่เป็น ในฐานะผู้อำนวยการโรงพยาบาลที่กลายเป็นคนไข้โรคโควิด-19 จนต้องรักษาตัวในโรงพยาบาล นพ.นำพล มีข้อสังเกตว่า สำหรับคนไข้ที่ไม่ได้มีอาการอะไรมาก อาจจะต้องพิจารณาเรื่องการใช้ทรัพยากรให้คุ้มค่าและสมเหตุสมผลที่สุด คนไข้ที่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ อาจให้เขาวัดไข้ วัดความดันโลหิต ได้เอง เพื่อลดการสัมผัสระหว่างเจ้าหน้าที่กับคนไข้ และมีการใช้กล้องวงจรปิดเพื่อดูแลผู้ป่วย ก็จะช่วยลดทรัพยากรในการใช้ชุดป้องกันอย่างเต็มที่ไปได้มาก สุดท้ายอยากฝากไปยังการทำงานของสื่อมวลชนที่ควรตรวจสอบข้อเท็จจริงในการทำงาน เพราะจากข่าวที่ออกมาในช่วงแรกนั้นส่งผลกระทบต่อหลายส่วน ไม่เพียงต่อชีวิตของตน ลูก ๆ และภรรยา แต่ยังรวมไปถึงชื่อเสียงของโรงพยาบาลที่ตนทำงานและเคยทำงานด้วย

สามารถติดตามข่าวสารอื่นๆได้ก่อนใครที่ https://www.siameagle.com
หรือ https://www.facebook.com/siameaglenews/

CATEGORIES
Share This

COMMENTS

error: Content is protected !!