ราชบุรี-พ่อแม่วอนช่วยเหลือลูกสาว6ขวบ หลังพลุระเบิดใส่

ราชบุรี-พ่อแม่วอนช่วยเหลือลูกสาว6ขวบ หลังพลุระเบิดใส่

ภาพ/ข่าว:สุจินต์ นฤภัย(เต้)

             พ่อแม่สุดสงสารลูกสาววัย 6 ขวบ ถูกพลุจัดงานฉลองศาลเจ้าตกระเบิดใส่ตัว ทำกลายเป็นเด็กเกือบพิการ ปัจจุบันมือขวาหงิกงอขาทั้งสองข้างตึงยืนเดินลำบาก ซ้ำเพื่อนล้อเป็นมือผี หมอชี้รักษาได้แต่ใช้เงินเยอะ พ่อแม่พยายามติดต่อ บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ เข้าช่วยเหลือมาเกือบ 2 ปี สุดท้ายถูกคนแอบอ้างหลอกจนสิ้นหวัง

             วันที่ 1 มิ.ย.63 ผู้สื่อข่าวได้รับรู้เรื่องราวของ ด.ญ.ชลิดา เสาร์เกิด หรือน้องออมสิน อายุ 6 ขวบ ที่ได้รับอุบัติเหตุเมื่อ 2 ปีก่อน จากการไปเที่ยวงานฉลองศาลเจ้าที่ จ.สมุทรสาคร กับ คุณแม่จันทิมา เจริญสุข อายุ 33 ปี และคุณพ่อนพพล เสาร์เกิด อายุ 34 ปี แล้วถูกพลุที่จุดฉลองในงานตกระเบิดใส่ตัว ขณะน้องออมสินยืนดูการแสดงอยู่ในเต็นท์จัดงาน หลังประสบอุบัติเหตุทำให้น้องออมสิน ต้องเข้ารักษาตัว รพ.ราชบุรี กว่า 2 เดือน ในสภาพทั้งตัวถูกพันด้วยผ้าพันแผลจนกลายเป็นมัมมี่ เพราะเนื้อตัวของน้องออมสิน เต็มไปด้วยบาดแผลไหม้เกือบทั้งตัว จนถูกส่งตัวไปรักษาต่อที่ รพ.ศิริราช ผ่าตัดมาแล้ว 4 ครั้ง แพทย์เตรียมผ่าตัดครั้งที่ 5 ระบุต้องเข้ารับการผ่าตัดหลายครั้งอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้น้องออมสินกลับมามีสภาพให้เหมือนเดิมมากที่สุด แต่ติดด้วยค่ารักษาการผ่าตัดและค่าทำกายภาพบําบัดในแต่ละครั้งใช้เงินเป็นจำนวนมาก ประกอบกับครอบครัวมีฐานะยากจน จึงทำให้น้องออมสิน ยังไม่ได้รับการรักษาอย่างจริงจังต่อเนื่อง จนมีสภาพร่างกายเกือบพิการข้อมือขวาหงิกงอ ขาทั้งสองข้างตึงยืนเดินลำบาก
              นางจันทิมา เจริญสุข มารดาน้องออมสิน เล่าว่า ตนกับสามี มีอาชีพรับจ้างเข็ดผักในตลาดศรีเมือง จ.ราชบุรี และมีลูกสาวด้วยกัน 1 คน ชื่อน้องออมสิน เมื่อวันที่ 8 เม.ย.61 สองปีก่อน ตนได้พาลูกสาวไปงานสักการะศาลเจ้าแห่งหนึ่งที่ จ.สมุทรสาคร ในงานมีการจุดพลุเฉลิมฉลอง จนมีพลุลูกหนึ่งตกลงมาระเบิดใส่ลูกสาวด้านล่าง โดยตัวเองไม่เห็นช่วงที่ตกใส่ แต่มีชาวบ้านเห็นพลุหล่นลงมาบนเต๊นท์ และกลิ้งลงไปแตกที่ลูกยืนอยู่ พอพลุระเบิดมีกลุ่มควันขาวลอยไปทั่วและได้ยินเสียงเด็ก ตนตกใจจึงรีบวิ่งหาลูกและพบว่า ลูกสาวร้องกระโดดด้วยความเจ็บวดทรมาน เพราะไฟลุกไหม้ทั่วตัว หลังเกิดเหตุเจ้าของงานได้จ่ายค่าเสียหายที่สถานีตำรวจให้จำนวน 19,500 บาท โดยบอกว่ามีแค่นี้อยากได้ให้ไปฟ้องศาลเอา จนตนไปฟ้องศาลและศาลได้พิจารณาในชั้นศาลให้เจ้าของงานจ่ายเงินค่าเสียหายมาให้อีกจำนวน 50,000 บาท รวมเงิน 69,500 บาท หลังจากนั้น ไม่เคยได้รับเงินช่วยเหลืออีกเลย และไม่มีหน่วยงานไหนเข้ามาช่วยเหลือครอบครัวด้วย
              ตั้งแต่เกิดเหตุ ตนพาลูกเข้ารักษาที่ รพ.บ้านแพ้ว นาน 10 วัน เพราะใกล้จุดเกิดเหตุ และถูกส่งตัวมารักษาต่อที่ รพ.ราชบุรี อีก 2 เดือนกว่า จนลูกถูกส่งตัวไปรักษาต่อที่ รพ.ศิริราช แพทย์บอกให้ตนทำใจ เพราะลูกต้องเข้ารับการผ่าตัดหลายครั้งอย่างต่อเนื่อง ตอนนี้ตนกังวลมากเพราะการผ่าตัดยังไม่สิ้นสุด จึงไม่รู้ว่าจะหาเงินจากไหนไปจ่ายค่าผ่าตัดให้กับแพทย์ที่ รพ.ศิริราช เวลาผ่าตัดแต่ละจะต้องมีค่าใช้จ่ายอื่นๆด้วย ซึ่งแต่ละครั้งใช้เงินเป็นจำนวนมาก ทุกครั้งที่ผ่าจะเอาเนื้อบริเวณที่ขาของลูกสาวมาทดแทนส่วนอื่น ทำให้เวลาอยู่โรงพยาบาลจะต้องคอยอุ้มดูแลอย่างใกล้ชิด ยังดีช่วงนี้ได้เงินเยียวยาจากรัฐบาลมาใช้จ่ายค่าเช่าบ้าน และลงทุนการทำขนมขาย ชีวิตนี้ตนกับสามีหวังเป็นอย่างเดียว อยากให้ลูกหายป่วยกลับไปเรียนหนังสือได้เหมือนเพื่อนคนอื่นเขา
              มารดาน้องออมสิน เล่าต่อว่า ทุกครั้งที่พาลูกไป รพ.ศิริราช จะมีค่าใช้จ่ายมาก หลังจากผ่าตัดให้ลูกสาวมาแล้ว 4 ครั้ง มาครั้งนี้แพทย์นัดผ่าเป็นครั้งที่ 5 นัดไว้เดือนตุลาคมนี้ เพื่อผ่าตัดแก้ไขบริเวณมือก่อน จากนั้นจึงจะผ่าตัดที่บริเวณขาอีกครั้ง โดยลูกสาวจะต้องนอนรักษาตัวอยู่ประมาณ 7-9 วัน จะมีค่าใช้จ่ายเป็นยานอกรายการ ตนกับสามีจึงต้องทำทุกวิถีทาง เพื่อเตรียมเงินกว่า 3-4 หมื่นบาท ในการเข้ารับการผ่าตัด บางครั้งถึงขั้นต้องยอมเอารถ จยย.ไปจำนำ เพื่อเอาเงินมารักษาลูกสาว โดยช่วงหลังผ่าตัดหมอจะนัดบ่อยให้พาไปล้างแผลที่ รพ.ศิริราช ตั้งแต่ช่วงเกิดโควิด-19 เศรษฐกิจแย่มาก สามีรับจ้างเข็ดผักได้เงินค่าแรงวันละไม่ถึง 300 บาท อีกทั้งยังต้องเช่าบ้านอยู่เดือนละ 3,000 บาท และยังจะต้องเก็บเงินไว้ไปรักษาลูกสาวอีก ทำให้มีปัญหาด้านค่าใช้จ่าย ซึ่งปัจจุบันลูกสาวจะยืนนานๆไม่ได้ เพราะขาเริ่มตึงแล้ว ทำให้ต้องดูแลอย่างใกล้ชิด ตนจึงต้องออกจากงาน มาคอยดูแลลูกอยู่ที่บ้าน จึงพยายามหาขนมมาขายทางเฟซบุ๊ก และทางออนไลน์ เป็นหมี่กรอบ และขนมรูปปลาทู ให้น้องออมสินช่วยขาย หวังให้ทุกคนเห็นใจช่วยซื้อ แต่กลับขายไม่ได้เพราะไม่ค่อยมีคนซื้อ
               ช่วงลูกป่วยใหม่ๆ ตนพยายามติดต่อหาพี่บิณฑ์ บันลือฤทธิ์ หลายครั้ง ติดต่อเกือบ 2 ปี โดยนำรูปของลูกสาวไปโพสต์ทุกเฟซที่พี่บิณฑ์ไปช่วยเหลือ หวังให้พี่บิณฑ์ เห็นและมาช่วยเหลือลูกสาว แต่ไม่ได้รับการติดต่อกลับมา จนถูกคนมาแอบอ้างว่า สามารถติดต่อทำให้พี่บิณฑ์ มาช่วยเหลือได้ สุดท้ายถูกหลอก เพราะเขาขอทะเบียนบ้าน บัตประชาชน สำเนาสมุดบัญชีและรหัสบัตร ตนอยากจะให้พี่บิณฑ์ มาช่วยน้องออมสินเท่านั้นไม่ได้ต้องการอย่างอื่น เพราะทุกวันนี้ตนกับสามีต้องโกหกลูกสาวไปวันๆ ว่าเดียวก็หายแล้วลูก เพื่อเป็นการปลอบใจ ตนเคยถามแพทย์ว่าจะต้องผ่าตัดรักษาลูกไปอีกกี่ครั้ง แต่หมอให้คำตอบไม่ได้ เนื่องจากลักษณะของแผลของลูกสาวคล้ายพังผืด ถ้ามีการยึดก็จะต้องผ่าตัดต่อไปอีกเรื่อยๆ จนทุกวันนี้ตนสิ้นหวังแล้ว จนเมื่อเร็วๆนี้ ตนเห็นพี่บิณฑ์ มาช่วยอดีตนักร้องดัง เพชร โพธาราม จึงเข้าทักโพสต์ของพี่นักข่าว เพื่อหวังอยากให้เรื่องราวของลูกสาวถึงพี่บิณฑ์ ให้เขามาช่วยลูกสาวบ้าง จึงทำให้ตนมีความหวังขึ้นมาหน่อย
“น้องออมสิน ต้องไปเรียนหนังสือที่ รร.วัดเขาวัง พอหลังกลับจากเรียน ตนถามลูกสาวทุกครั้งว่าเป็นยังไงบ้างลูก น้องออมสิน ตอบว่า ไม่มีคนไหนอยากเล่นเพื่อนกับหนูหรอกแม่ เพราะเพื่อนบอกว่า หนูเป็นมือผี ตนจึงได้แต่ปลอบใจและให้กำลังใจลูกสาวทั้งน้ำตา มีอยู่วันหนึ่ง น้องออมสิน กำลังเรียนออนไลน์วิชาคณิต และครูได้บอกว่า ให้เอามือขึ้นมาชูนิ้วแล้วนับเลขตามครูหนึ่งถึงสิบ น้องออมสิน นับได้หนึ่งถึงห้า และหันมาถามตนว่า แม่แล้วมือข้างนี้มันกระดิกไม่ได้ แล้วหนูจะนับหนึ่งถึงสิบได้หรือแม่ ตนจึงรีบตอบเพื่อปลอบใจลูก นับได้สิลูกเดียวเอามือแม่ไปยืมก็นับได้ถึงสิบแล้ว น้องออมสิน ตอบกลับมาเหมือนท้อใจว่า แม่หนูไม่อยากเรียนเลย” มารดาน้องออมสิน เล่าด้วยเสียงสั่นเครือ
                 สำหรับผู้ใจบุญสงสารน้องออมสิน สามารโทรศัพท์สอบถามความเป็นอยู่ของน้องออมสิน ได้ที่เบอร์ 08-8452-8447 หรือร่วมบริจาคค่ารักษาพยาบาลได้กับน้องออมสิน ที่จะเข้ารับการผ่าตัดในเดือนตุลาคมนี้ ได้ที่ธนาคารกรุงเทพฯ สาขาตลาดศรีเมือง ชื่อบัญชี ด.ญ.ชลิดา เสาร์เกิด เลขที่บัญชี 422-713141-6

สามารถติดตามข่าวสารอื่นๆได้ก่อนใครที่ https://www.siameagle.com หรือ https://www.facebook.com/siameaglenews/

CATEGORIES
Share This

COMMENTS

error: Content is protected !!