พล.อ.ประยุทธ์นำทัพประชุม ครม. สัญจร พัฒนาเศรษฐกิจและสังคม
ภาพ/ข่าว:คัคเนศวร์ พรอัศวโยธิน
พลเอกประยุทธ์ นำทัพประชุม ครม. สัญจร พัฒนาเศรษฐกิจและสังคมกลุ่มจังหวัดอันดามัน หนุนผลิตภัณฑ์ OTOP ภูเก็ต สร้างอาชีพสร้างรายได้ พลิกฟื้นวิกฤติโควิด-19 ยกระดับเศรษฐกิจฐานราก สู่ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน
วันที่ 3 พฤศจิกายน 2563 พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นำคณะรัฐมนตรีลงพื้นที่เพื่อตรวจราชการจังหวัดภูเก็ต พร้อมเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งที่ 3/2563 เพื่อติดตามความก้าวหน้าการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมกลุ่มจังหวัดอันดามัน สร้างความเชื่อมั่นภาคเอกชนและผู้ประกอบการในพื้นที่ ยกระดับการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพจังหวัดภูเก็ตสู่เมืองท่องเที่ยวเชิงสุขภาพระดับโลก พร้อมด้วย คณะรัฐมนตรี หัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ เข้าร่วมประชุมโดยพร้อมเพรียงกัน ณ หอประชุมสแปลช โรงแรมสแปลช บีช รีสอร์ท ไม้ขาว อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต
โดยก่อนเริ่มการประชุม ครม. พล.อ.ประยุทธ์และคณะ ได้เข้าเยี่ยมชมบูธนิทรรศการผลิตภัณฑ์ OTOP จังหวัดภูเก็ต โดยกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย ซึ่งได้มีบทบาทเข้าไปส่งเสริมอาชีพให้ชุมชนในพื้นที่ ส่งเสริมภูมิปัญญาที่เป็นเอกลักษณ์ของแต่ละท้องถิ่นเพื่อสืบสานต่อยอดภูมิปัญญาท้องถิ่น รวมทั้งเพื่อเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์สร้างรายได้ให้สามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน โดยมีผลิตภัณฑ์ อาทิ สะพายสายแนวชุมชนบาติก น้ำพริกกุ้งเสียบคุณแม่จู้ เม็ดมะม่วงหิมพานต์เมธี ส้มควายพร้อมชงบางหวานพัฒนา น้ำสัปรดภูเก็ต(ย่าหนัด) ชัยบาติก ผ้ามัดย้อมเปลือกมังคุด ผู้ประกอบการPrimapearl มงคลทิพย์ซูวีเนียร์ สมุนไพรจากพืชธรรมชาติ ว่านหางจระเข้ กระเจี๊ยบเขียว เป็นต้น
ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวชื่นชมสินค้าโอทอปจังหวัดภูเก็ต ที่ได้สืบสานภูมิปัญญาท้องถิ่นมาแปรรูป สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น พร้อมเสนอแนะให้นำทักษะต่างๆ เหล่านี้ถ่ายทอดมาเป็นองค์ความรู้ เพื่อให้เยาวชนและบุคคลที่สนใจได้เรียนรู้ สืบสานภูมิปัญญาท้องถิ่น สร้างอาชีพ สร้างรายได้ ฝ่าสถานการณ์วิกฤติ COVID-19 ไปด้วยกัน โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง โดยรัฐบาลยินดีจะส่งเสริมสนับสนุนทุกกิจกรรม ของทุกกระทรวง แต่เรื่องสำคัญคือทุกคนต้องช่วยกัน ร่วมใจกัน ตามแนวทางรวมไทยสร้างชาติ ฉะนั้นขอยืนยันว่ารัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ รัฐบาลพยายามทำงานแก้ปัญหาเต็มที่ พร้อมทั้งได้ให้กำลังใจผู้ผลิตผู้ประกอบการพร้อมทั้งอุดหนุนผลิตภัณฑ์ชุมชน สร้างขวัญและกำลังใจให้กับผู้ประกอบการสินค้า OTOP เป็นอย่างยิ่ง โดยระหว่างการเยี่ยมชมนิทรรศการนี้ นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน เจ้าหน้าที่กรมการพัฒนาชุมชน พร้อมด้วยผู้ประกอบการสินค้า OTOP ให้การต้อนรับ นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน เปิดเผยว่า การขับเคลื่อนโครงการหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ หรือ OTOP กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย เป็นหนึ่งในการเสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชนและเศรษฐกิจฐานรากให้มีความมั่นคงและยั่งยืน ซึ่งเป็นหนึ่งในพันธกิจหลักที่กระทรวงมหาดไทยยึดมั่นในการดำเนินงานมาโดยตลอด มีการวางแนวทางการพัฒนาผลิตภัณฑ์ OTOP เพื่อยกระดับสินค้าภูมิปัญญาไทยให้ก้าวไกลสู่สากลมากขึ้น โดยดำเนินการขับเคลื่อน 3 แนวทาง คือ การเพิ่มศักยภาพผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP การพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชนด้วยองค์ความรู้และนวัตกรรม และการส่งเสริมช่องทางการตลาด เพื่อสร้างความแข็งแกร่งและยกระดับสินค้าOTOP ของไทยให้มาตรฐานและสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้ ทั้งนี้ สถานการณ์วิกฤติ COVID-19 ที่ผ่านมานั้นต้องยอมรับว่าเกิดผลกระทบกับผู้ประกอบการ OTOP จำนวนมาก สินค้าผลิตแล้วไม่สามารถนำมาจำหน่ายได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจังหวัดภูเก็ตซึ่งถือว่าเป็นเมืองเศรษฐกิจด้านท่องเที่ยวหลักของภาคใต้ฝั่งอันดามันที่สำคัญ ในการสร้างรายได้ให้กับผู้ประกอบการ OTOP ดังนั้น กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย จึงได้เร่งเครื่องเดินหน้าขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากในภารกิจงานกรมในทุกๆมิติ เพื่อให้เกิดการขยายตัวด้านเศรษฐกิจและให้ชุมชนมีเกิดความเข้มแข็งและพึ่งตนเองได้ สร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้กับประชาชน สู่ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน ต่อประเทศชาติต่อไป อธิบดี พช.กล่าวจากนั้น นายกรัฐมนตรีเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจร การประชุมการขับเคลื่อนการพัฒนากลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามันร่วมกับผู้ว่าราชการ 6 จังหวัดอันดามัน ได้แก่ กระบี่ ตรัง ภูเก็ต ระนอง และสตูล เร่งรัดโครงสร้างพื้นฐานเชื่อมโยงอ่าวไทยกับอันดามันแล้ว นายกรัฐมนตรีจะประชุมร่วมกับผู้ประกอบการท่องเที่ยวในพื้นที่ เพื่อหาแนวทางการฟื้นฟูเศรษฐกิจภาคท่องเที่ยว โดยมีวาระสำคัญ เช่น โครงการยกระดับการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพจังหวัดภูเก็ตสู่เมืองท่องเที่ยวเชิงสุขภาพระดับโลก มาตรการส่งเสริมการจัดแพ็คเกจท่องเที่ยวสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติและการจัดสัมมนาของภาครัฐในจังหวัดที่ได้รับผลกระทบรุนแรงอีกด้วย
สามารถติดตามข่าวสารอื่นๆได้ก่อนใครที่ https://www.siameagle.com
หรือ https://www.facebook.com/siameaglenews/