นครปฐม-จับซื้อขายเสียงทันควันจ่ายหัวละ300 สารภาพรับเงินจากหัวคะแนนมาซื้อเสียงให้พรรคการเมือง

ภาพ/ข่าว:ทีมข่าวเฉพาะกิจ

จับซื้อขายเสียงทันควันจ่ายหัวละ300 สารภาพรับจากหัวคะแนนมาซื้อเสียงให้เลือกเบอร์ของพรรคการเมืองพรรคหนึ่ง

          เมื่อเวลา 09.00 น.วันนี้(24 มีนาคม62) ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่า มีการจับผู้กระทำความผิดซื้อสิทธิ์ขายเสียงได้ 1 ราย เหตุเกิดภายในปั้มน้ำมันแห่งหนึ่ง ภายในชุมชน หมู่ที่ 9 ต.ดอนยายหอม อ.เมือง จ.นครปฐม จึงได้เดินทางไปยังที่เกิดเหตุ พบว่ามีเจ้าหน้าที่ชุดเคลื่อนที่เร็วจากอำเภอสามพราน นำโดยปลัดอำเภอฯนำผู้ต้องหาจำนวน 2 คน มาขึ้นรถจอดรออยู่บริเวณริมถนนปากทางเข้าโรงแรมสโนว์ไวท์ โดยทราบต่อมาว่า ผู้ต้องหามีด้วยกัน 2 คน คือ นายสมจิตต์  อายุ 55 ปี อยู่ หมู่ที่ 9 ต.ดอนยายหอม อ.เมือง จ.นครปฐม ซึ่งเจ้าหน้าที่แจ้งว่ามีความผิดฐานนำเงินมาจ่ายเพื่อซื้อเสียง ส่วนผู้ต้องหาอีกรายคือ นางสมลักษณ์  อายุ 33 ปี อยู่ หมู่ 9 ต.ดอนยายหอม จ.นครปฐม ซึ่งเป็นผู้รับเงิน โดยผู้ต้องหาทั้งสองคนให้การรับสารภาพ

         ต่อมาทางเจ้าหน้าที่ชุดเคลื่อนที่เร็วอำเภอสามพราน ได้ประสานงานไปยัง สภ.เมืองนครปฐม ให้มารับตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 คน เนื่องจากพื้นที่จุดเกิดเหตุเป็นช่วงรอยต่อสองพื้นที่ จึงได้ทำการตรวจสอบพบว่า อยู่ในความรับผิดชอบของ สภ.เมืองนครปฐม โดยต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองนครปฐม ได้เดินทางมารับตัวผู้ต้องหาทั้งสองราย พร้อมยึดของกลางเงินสดที่ใช้ในการกระทำความผิดและโทรศัพท์มือถือมาทำการสอบสวน

        พ.ต.อ.พีระเดช เจริญเดช  ผกก.สภ.เมืองนครปฐม ได้เดินทางมาทำการสอบสวน พร้อม พ.ต.ท.ปิยะพงษ์ กล้วยไม้ หัวหน้าพนักงานสอบสวน ซึ่งเบื้องต้น ผู้ต้องหาทั้งสองคนได้ให้การรับสารภาพ ว่าได้กระทำความผิดจริง


        นางสมลักษณ์ บอกว่า ตนยอมรับว่าได้รับเงินจำนวน 300 บาท จากนายสมจิตต์ เพื่อที่ให้ตนไปลงคะแนนเลือกผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคการเมือง จริง แต่ไม่คิดว่าจะมาถูกเจ้าหน้าที่มาเห็นจนถูกจับกุม



        นายสมจิตต์  ยอมรับว่า ตนได้รับเงินมาจากหัวคะแนนชื่อนายวัฒน์ ไม่ทราบนามสกุล เพื่อนำมาซื้อเสียงในหมู่บ้าน โดยตนรับเงินมาหัวละ 400 บาท แต่ซื้อเสียงเพียงหัวละ 300 บาท โดยผู้รับเงินจะต้องไปลงคะแนนเลือกผู้สมัคร ส.ส.หมายเลขที่ได้ตกลงกันไว้

        ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ พบว่ามีการกระทำความผิดซื้อเสียงในหลายพื้นที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจยังอยู่ระหว่างการสอบสวน เพราะบางแห่งมีการร้องเรียน แต่ยังไม่มีหลักฐานที่ชัดเจน บางรายก็ไม่มีผู้กล่าวโทษ แต่รายนี้มีความชัดเจน มีพร้อมทั้งพยานและหลักฐาน  ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ดำเนินการตามกฏหมายต่อไป