ประจวบคีรีขันธ์-จับชายอ้างเป็นสายข่าวซุ่มดูพม่าลักลอบข้ามแดน

ภาพ/ข่าว:เอกภพ วงษ์ประเสริฐ
เครดิตภาพ: ผู้ใหญ่ ผู้ช่วย ตำบลอ่าวน้อย

จับกันเอง ระแวงกันเอง!ผู้ใหญ่ผู้ช่วยอ่าวน้อยจับชายอ้างเป็นสายข่าว อส.จังหวัดซุ่มดูพม่าลักลอบข้ามแดน

         เมื่อเวลา 05.00 น.วันที่ 12 ม.ค.64 นายคณพศ สายสกล ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 5 บ้านเนินแก้ว เปิดเผยว่า สามารถจับกุมตัวชายต้องสงสัยพร้อมอาวุธปืนได้ที่บริเวณป่าสวนยางหุบตาย้อย หมู่ 5 ตำบลอ่าวน้อย และได้นำตัวมาส่งให้สถานีตำรวจภูธรอ่าวน้อยดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยผู้ต้องหาอ้างว่าเป็นสายข่าวให้กับทหาร และ อส.จังหวัด มาคอยเฝ้าซุ่มดูพม่าลักลอบข้ามแดน
         โดยนายคณพศ สายสกล ผู้ใหญ่บ้าน เล่าว่า ในขณะที่ผู้ใหญ่บ้านและผู้ช่วย ตำบลอ่าวน้อย ได้ร่วมกันปฏิบัติหน้าที่เฝ้าระวังพม่าลักลอบข้ามแดนป้องกันการนำเชื้อ covid-19 เข้ามาแพร่ในประเทศได้ และในระหว่างนั้นเวลาประมาณ 20.00 น.ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า พบรถยนต์ต้องสงสัย จำนวน 2 คัน ขับเข้าไปในป่าสวนยางหุบตาย้อย หมู่ 5 บ้านเนินแก้ว ตำบลอ่าวน้อย อำเภอเมือง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งอยู่ติดกับภูเขาชายแดนไทย-เมียนมาร์ และเป็นบริเวณที่มีการลักลอบกระทำผิดกฎหมายอยู่บ่อยครั้ง อาทิ ลักลอบขนแรงงานเถื่อน และยาเสพติด(พืชกระท่อม) เป็นประจำ จึงได้สนธิกำลังนำผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านเข้าไปตรวจสอบ ว่าใช่รถบุคคลที่มาแอบขนแรงงานพม่า หรือสิ่งของผิดกฎหมายหรือไม่
         เมื่อไปถึงพบชาวบ้าน จำนวน 4 คน และ อส.จังหวัด จำนวน 1 คน ยืนกระจายอยู่บริเวณชายป่า มีเสบียง และ สัมภาระ และพบรถยนต์ต้องสงสัย จำนวน 2 คัน 1.ยี่ห้อ Isuzu สีบรอนซ์-เงิน หมายเลขทะเบียน 709 ประจวบ ส่วนอีก 1 คันเป็นของ อส.จังหวัด ชื่อเล่น เชิด จอดอยู่ไม่ห่างกันนัก ซึ่งจากการตรวจสอบรถยนต์ ยี่ห้อ Isuzu เป็นของนายสมโภชน์ วอนยิน อายุ 56 ปี ชาวบ้านหมู่ 5 บ้านเนินแก้ว และที่บริเวณท้ายรถพบอาวุธปืนยาวไทยประดิษฐ์(ปืนอัดลม)จำนวน 1 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุนอีกจำนวน 85 ลูก จึงได้ตรวจยึดของกลางไว้เป็นหลักฐาน ประกอบด้วย อาวุธปืนยาวไทยประดิษฐ์ (ปืนอัดลม) 1 กระบอก ลูกตะกั่วทรงกลม(ใช้เป็นเครื่องกระสุน) จำนวน 85 ลูก และกระเป๋าสะพายคาดเอวสีน้ำตาล โดยนายสมโภชน์ อ้างว่าตนเองเป็นสายข่าวให้กับทหาร และอส.จังหวัด มาเฝ้าดูความเคลื่อนไหวการลักลอบขนแรงงานเถื่อนพม่าในพื้นที่ จึงได้ควบคุมตัว นายสมโภชน์ วอนยิน ส่ง สภ.อ่าวน้อย ดำเนินคดีในข้อหาพาอาวุธปืนเข้าไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันควร และมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ส่วนคนอื่นๆและ อส.จังหวัด ได้ปล่อยตัวไปเนื่องจากความผิดยังไม่ปรากฏ และ อส.จังหวัด อ้างว่ามาปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งของป้องกันจังหวัดประจวบฯ
         ซึ่งนายคณพศ ผู้ใหญ่บ้านกล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ผ่านมาไม่เคยได้รับการประสานจากฝ่ายป้องกันจังหวัดว่าจะมีการเข้ามาปฏิบัติงานในป่าพื้นที่เขตที่ตนเองรับผิดชอบจนเกือบเคยเข้าใจผิดคิดว่าเป็นขบวนการลักลอบค้าแรงงานเถื่อน และเกือบเคยจะมีการยิงปะทะกันมาแล้วเพราะความเข้าใจผิด และที่ผ่านมาเคยทราบข่าวมาว่ามีคนมีสีเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย
        ด้าน อส.เชิด ระบุว่า ตนเองเข้าไปทำงานในพื้นที่เพื่อหาข่าวตามคำสั่งผู้บังคับบัญชา โดยอาศัยชาวบ้านในหมู่บ้านเป็นแหล่งข่าวในพื้นที่ ซึ่งชาวบ้านที่ไปร่วม 3-4 คน ในครั้งนี้ส่วนใหญ่เป็นเจ้าหน้าที่ ชรบ.หมู่บ้านด้วย
         ด้านนายแก้ว คงวงศ์ ป้องกันจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า ตนเองได้มีการสั่งการให้ อส.ชุดเวรแต่ละวันเข้าไปปฏิบัติหน้าที่สืบหาข่าวการลักลอบขนแรงงานเถื่อน และค้าสิ่งของผิดกฎหมายจริง แต่ไม่เคยสั่งให้ไปทำงานคนเดียว ซึ่งจะให้ไปอย่างน้อย 2-3 นาย เนื่องจากเกรงอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้น โดยที่ผ่านมาเคยได้รับทราบจากแหล่งข่าวว่ามีกลุ่มบุคคลมีสีในพื้นที่เข้าไปมีผลประโยชน์กับขบวนการค้ามนุษย์ และค้าสิ่งของผิดกฎหมาย จึงได้มอบหมายให้อาสารักษาดินแดนจังหวัด (อส.) เข้าไปสืบหาข่าว ซึ่งหลังจากนี้ต่อไปจะได้สั่งการมอบหมายให้ อส.จังหวัด จำนวน 2 นาย ผลัดกำลังกันเข้าไปร่วมตั้งจุดตรวจชายแดนเพื่อคัดกรองโควิด และป้องกันพม่าลักลอบหลบหนีเข้าเมือง ร่วมกับ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และผู้ช่วยทุกวัน นายแก้ว คงวงศ์ กล่าว