ปราจีนบุรี-นำ 3 คนร้ายทำแผนใช้แก๊สตัด ตู้ATM.ธนาคารไทยพาณิชย์

ปราจีนบุรี-นำ 3 คนร้ายทำแผนใช้แก๊สตัด ตู้ATM.ธนาคารไทยพาณิชย์

ภาพ/ข่าว:มานิตย์ สนับบุญ

นำ 3 คนร้ายทำแผนใช้แก๊สตัด ตู้ ATM. ธนาคารไทยพาณิชย์ หน้าร้านสะดวกซื้อ CJ

                   เมื่อเวลา 13.30 น.วันนี้ 7 ก.พ.64 ที่หน้า สภ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี พล.ต.ท.รอย อิงคไพโรจน์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. รรก.ภ.2 ร่วมกับ พล.ต.ต.นันทวุฒิ สุวรรณละออง ผบ. ภ.จวปราจีนบุรี , พ.ต.อ.มาโนช กันเกลา ผกก.สภ.สภกบินทร์บุรี ร่วมกัน แถลงข่าว จับผู้ต้องหาใช้แก็สตัดด้านลังตู้ATM.ของธนาคารไทยพาณิชย์ก่อนจะเอาธนบัตรที่บรรจุด้านใน เหตุเกิดเมื่อกลางดึก เมื่อวันที่ 4 ก.พ. 63 เวลาประมาณ 03.00 น. สถานที่เกิดเหตุหน้าตลาดไทยประคอง ต.กบินทร์บุรี อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี ริมถนนสาย 304 นครราชสีมา – ฉะเชิงเทรา พบตู่ATM.ถูกถอดปลั๊กและถูกรถชน เกิดความเสียหาย จากการตรวจสอบที่เกิดขงเจ้าหน้าที่ตำรวจ ร่วมกับพิสูจน์หลักฐาน พบร่องรอยของคนร้ายถอดปลั๊กไฟของตู้ ATM ธนาคารไทยพาณิชย์ออก มีการงัดวิธีการใช้แก๊สตัดเหล็กตู้ ATM ด้านหน้าของตู้ ATM. ถูกตัดบริเวณที่เสียบกุญแจแล้วทางด้านหลังถูกตัดออกเป็นสี่เหลี่ยม แล้วคนร้ายได้เรื่องเอาเงินได้ 758.900 บาท แต่ยังมีเงินเหลือติดอยู่ในตู้ที่คนร้ายเอาออกไม่ทันอีก 2,218.60บาท หลังการแถลงข่าว ได้นำคนร้ายทั้ง 3 พร้อมรถกระบะไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ แสดงขั้นตอนการตัดตู้เอทีเอ็ม.ในที่เกิดเหตุท่ามกลางความสนใจของไทยมุงเกือบ 50 ราย
                    ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ ได้นำ 3 คนรายที่ก่อเหตุ รับสารภาพตามที่ได้จากการตรวจสอบ และคำรับสารภาพของผุ้ต้องหา โดยดูกล้องวงจรปิดที่อยู่ที่เกิดเหตุ เมื่อเวลา 01.00 น. พบรถยนต์กระบะ toyota สีขาวรุ่น Z-EDlTlON มีผ้าใบสีดำปิดกระบะหลัง ขับมาจอดใกล้ตู้ ATM ของธนาคารไทยพาณิชย์ มีคนร้ายเป็นชาย 3 คน ชายคนที่ 1 รูปร่างอ้วน ศรีษะล้าน สวมเสื้อผ้าคล้ายชุดพนักงานโรงงาน มีแถบสะท้อนแสงบริเวณด้านหน้าและด้านหลังของเสื้อ ปิดบังใบหน้าด้วยหน้ากากอนามัย (ทราบชื่อภายหลังนายสมนึก จันทร์โฉม) ชายคนที่ 2 และคนที่ 3 รูปร่างผอม สวมเสื้อแขนยาว กางเกงขายาว ปิดบังใบหน้าด้วยหน้ากากอนามัยเช่นกัน (ทราบชื่อภายหลังคือนายธนจิตต์ โพธิลา และ นายนพรัตน์ ทองชื่น)

                  โดยนายสมนึก จันทร์โฉม กล่าวหลังทำแผนประกอบคำรับสารภาพว่า “ ก่อนเกิดเหตุทำงานเป็นช่างแอร์ วางระบบแอร์ตามห้างสะดวกซื้อต่าง ๆ และทำงานที่เกิดเหตุ ช่วงสถานการณ์แพร่ระบาดโรคโควิด -19 เกิดว่างงาน ประกอบกับเป็นหนี้นอกระบบกว่า 360,000 บาท หาเงินมาใช้หนี้ไม่ได้ ทำเรื่องขอกู้เงินธนาคารต่าง ๆ ไม่ได้เช่นกัน จึงมองหาลู่ทาง งัดตู้ATM. ที่เปลี่ยวจากผู้คน โดยเฉพาะด้านหลังไม่มีเครื่องเหล็กป้องกัน  ได้นำญาติ ๆ มางัดตู้เอทีเอ็ม.หน้าห้าง CJ โดยตนเองเป็นคนขับรถ และลงมาจากรถคนแรก เมื่อลงจากรถแล้วเดินไปที่ตู้ ATMของธนาคารธนชาติ ซึ่งตั้งอยู่บริเวณหน้าร้านสะดวกซื้อ CJ ใกล้ที่เกิดเหตุ พร้อมกับได้สำรวจดูพื้นที่โดยรอบ
                 หลังจากนั้นได้เดินกลับมาที่รถ จากนั้นคนราย คนที่ 2 นายธนจิตต์ และ นายนพรัตน์ คนร้ายคนที่ 3 จึงได้ลงจากรถ จะได้ช่วยกันยกอุปกรณ์ที่อยู่ท้ายรถกระบะลง  จากนั้นนายสมนึก เป็นผู้ลงมือใช้แก๊สตัดตู้ ATM โดยมีนายธนจิตต์และนายนพรัตน์ คอยดูต้นทางและช่วยหยิบอุปกรณ์ในการตัด ใช้เวลาตัดด้านหน้าประมาณ 20 นาที หลังจากนั้นได้ไปตัดด้านหลังอีก 20 นาทีและ ล้วงยิบเงินด้านในไป จนกระทั่งเวลาประมาณ 03.00 น.นายสมนึกกับพวกได้เก็บอุปกรณ์ขึ้นรถแล้วขับรถไปตาม ถนนสาย 304 ถึงหน้าไปทางอ. ศรีมหาโพธิ์ ใช้เวลาก่อเหตุ 1 ชั่วโมง 17 นาที

                   จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดตามเส้นทางที่คนร้ายใช้หลบหนี คนร้ายใช้ถนน 304 (กบินทร์บุรี –ศรีมาโพธิ) มุ่งหน้าเขาหินซ้อน อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา จากนั้นใช้เส้นทางถนน 331 เลี้ยวขวาที่แยกหนองปรือ ขึ้นมอเตอร์เวย์ถนนหมายเลข 7มุ่งหน้า จ.สมุทรปราการ  ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ใช้เทคโนโลยีในการสืบสวนจนทราบว่าคนร้ายก่อเหตุ คือนายสมนึก จันทรโฉม จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานขอหมายจับนายสมนึกจันทร์โฉม ศาลกบินทร์บุรีออกหมายจับที่ 7 /2564 ลงวันที่ 5 ก.พ. 64 ข้อหา ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยกระทำการอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์สิน โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิด เพื่อหลบหนี หรือเพื่อให้พ้นจากการจับกุม โดยได้กระทำผิดตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป และร่วมกันทำให้เสียทรัพย์  และทราบโดยใช้เทคโนโลยีทางการสืบสวนจนทราบว่า นายสมนึกจันทร์โฉม ได้เดินทางไปที่ จ.ลำปาง จึงเดินทางไปจับกุมได้ที่ห้างสรรพสินค้าที่จังหวัดลำปาง
                   จากการสอบปากคำนายสมนึกให้การรับสารภาพว่า ตนเองกับนายฑนจิตต์ และนายนพรตน์ ใช้แก๊สตัดตู้ ATM ของธนาคารไทยพาณิชย์ที่บริเวณหน้าตลาดไทยประคอง จริง ได้เงินสดไปประมาณ 70,000 บาท จากนั้นเดินทางไปที่ จ. สมุทรปราการ เพื่อจะนำอุปกรณ์ไปเก็บที่บ้านแม่ แล้วเดินทางไปดูงานที่จะรับทำบริเวณใกล้กับวัดด่านสำโรง จ.สมุทรปราการ

                   ส่วนนายนพรัตน์ จะเดินทางกลับบ้านที่ อ.พยุหะคีรี จ.นครสวรรค์จึงได้ขอแยกทางใช้รถประจำทาง ส่วนนายสมนึกและนายนพรัตน์ได้เดินทางไปที่ จ. ลำปาง   เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รวบรวมพยานหลักฐานและขออนุมัติหมายจับนายสมจิตต์ โพลา และนายนพรัตน์ ทองชื่น ต่อมาศาลจังหวัดกบินทร์บุรี ซึ่งศาลได้อนุมัติหมายจับบุคคลทั้งสองในข้อหาเช่นเดียวกันกับนายสมนึก  หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ออกสืบสวนหาตัวนายธนจิตต์ จนพบจึงได้จับกุมตัวที่จ. ลำปาง และสืบสวนหาตัวนายนพรัตน์ จนพบจึงได้จับกุมตัวที่ จ.นครสวรรค์   ก่อนจะควบคุมตัวนายสมนึก นายธนนจิตต์ และนายนพรัตน์ มายัง สภ. กบินทร์บุรี และได้นำตัวส่งพนักงานสอบสวนสภกบินทร์บุรี เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

                    พล.ต.ท.รอย อิงคไพโรจน์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. รรก.ภ.2 กล่าวว่า “คดีดังกล่าวเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมคนร้ายแก๊งค์นี้ ใช้เวลาเพียง 2 วัน ส่วนนึ่งจากการมีกล้องวงจรปิด และการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ จนสามารถติดตามได้ โดยเงินหลังคนร้ายโจรกรรมเหลือในบัญชี คนร้ายกว่า 500,000 บาท และอีกส่วนหนึ่งอายัดในแอป อยากเตือนภัยถึงตู้เอทีเอ็มต่าง ๆ ในการติดตั้งควรมีเล็กราวกั้น และระบบรักษาความปลอดภัยที่ดีด้วย”พล.ต.ท.รอย

                      ขณะที่นาย สุชิน มีกระจิต อายุ62ปี เจ้าของตลาดไทยประคอง กล่าวว่า “ขอบคุณที่ทางเจ้าหน้าที่สามารถติดตามคนร้ายแก๊งค์นี้ได้รวดเร็ว แต่ส่วนหนึ่งคือ การที่ทางตลาดได้ติดตั้งกล้องวงจรปิดไว้โดยรอบรวมกว่า 20 ตัว จนเป้นเบาะแสสำคัญในการสามารถตามจับคนร้ายได้ยกแก๊งค์ได้รวดเร็ว”

สามารถติดตามข่าวสารอื่นๆได้ก่อนใครที่ https://www.siameagle.com
หรือ https://www.facebook.com/siameaglenews/

CATEGORIES
TAGS
Share This

COMMENTS

error: Content is protected !!