ราชบุรี – หนุ่มใหญ่บุกต่อยพระอ้างรักษาโรคได้ หลังมีชาวบ้านถูกหลอก
ภาพ/ข่าว:สุจินต์ นฤภัย
หนุ่มใหญ่บุกต่อยพระอ้างรักษาโรคได้ หลังมีชาวบ้านถูกหลอกหลายราย
เมื่อเวลา 20.30 น. วันที่ 11 ก.พ.64 พ.ต.ท.บุญเอก สรรพคง สว.(สอบสวน) สภ.ปากท่อ จ.ราชบุรี รับแจ้งเหตุมีพระสงฆ์ ถูกทำร้ายได้รับบาดเจ็บภายในกุฏิ วัดหินสีสุวรรณาราม หมู่ 4 ต.ยางหัก อ.ปากท่อ จึงนำกำลังตำรวจจำนวนหนึ่งเดินทางไปตรวจสอบ พบ พระมานิตย์ นาควโร อายุ 37 ปี พระลูกวัดหินสีฯ มีบาดแผลถูกของมีคมบาดที่บริเวณข้อศอกแขนซ้าย เย็บแผลแล้ว จำนวน 9 เข็ม พร้อมกับพาเจ้าหน้าที่ตำรวจไปดูกุฏิที่พัก มีร่องรอยการต่อสู้ รอยเลือดหยดหลายแห่ง และมีขวานยาวประมาณ 1 ศอก เปื้อนเลือดตกอยู่ 1 ด้าม พระมานิตย์ ให้การว่าจู่ๆ ได้มีชายทราบชื่อภายหลัง นายเอกรินทร์ คงมิยา อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 133 หมู่ 4 ต.ยางหัก มีอาการเมาสุรา บุกเข้ามาในกุฏิขณะตนกำลังพักผ่อน แล้วพูดว่ารักษา ๆ ใคร พร้อมกับตรงเข้าชกใบหน้าและลำตัวตนเองหลายครั้ง ตนพยายามต่อสู้ และนายเอกรินทร์ คว้าขวานที่อยู่ใต้ที่นอนของตนมาขู่ว่าฟันซะดีมั้ย จนเกิดการยื้อแย่งกัน ทำให้ตนถูกคมของขวานบาดที่ศอกซ้าย ขณะต่อสู้กันได้มีชาวบ้าน และพระสงฆ์ในวัดมาห้ามปราม ตนจึงไปทำแผลที่รพ.สต.ใกล้เคียง ต่อมาจนท.ตำรวจสามารถจับกุมตัวนายเอกรินทร์ไว้ได้ ขณะเดียวกันได้มีชาวบ้านเกือบ 10 คน ทั้งชาย และหญิง เดินทางมาที่วัด พร้อมกับกล่าวว่า พระมานิตย์ นั้นหลอกลวงญาติโยม อ้างว่าสามารถรักษาโรคสะเก็ดเงินได้ แต่มีชาวบ้านมารักษาและถูกเรียกเงินหลายพันบาทแล้วไม่หาย จนท.ตำรวจจึงนำตัว พระมานิตย์ และนายเอกรินทร์ ไปสอบสวนที่สภ.ปากท่อ โดยมีชาวบ้านส่วนหนึ่ง และนายบุญมา สาโนนสูง อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 17 หมู่ 4 ต.ขมิ้น อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งเป็นพ่อเลี้ยงของนายเอกชัย นนทะมาตย์ อายุ 30 ปี ที่เป็นผู้มารักษา แต่ไม่ได้ผล และจ่ายเงินจำนวน 3,500 บาท ให้กับพระมานิตย์ จนเดือดร้อนไม่มีเงินกลับบ้าน ได้เดินทางไปเพื่อแจ้งความเอาผิด พระมานิตย์ ข้อหาหลอกหลวง จากการสอบสวนเบื้องต้น นายเอกรินทร์ ให้การว่า ตนเองไม่พอใจที่ พระมานิตย์ อวดสรรพคุณลงโซเชี่ยลมีเดีย ทางเฟซบุ๊ก อ้างตัวรักษาโรคหลายอย่างได้ มีญาติโยมหลงเชื่อมารักษาต้องสูญเสียเงินแต่ไม่หาย ตนกลัวจะทำให้วัดเสื่อมเสียชื่อเสียง เพราะเป็นการหลอกลวงประชาชน จึงเข้าไปเพื่อพูดคุยกับ พระมานิตย์ ให้หยุดพฤติกรรมดังกล่าว แต่เกิดมีปากเสียงกัน จึงก่อเหตุทะเลาะวิวาทขึ้น จนท.ตำรวจจึงตั้งข้อกล่าวหากับ นายเอกรินทร์ ที่บุกเข้ากุฏิ ในข้อกล่าว บุกรุกเคหสถาน และทำร้ายร่างกาย ขณะเดียวกันคดีที่ นายบุญมา แจ้งความพระมานิตย์ ข้อหาหลอกลวงด้วย แต่ต่อมาช่วงสายวันที่ 12 ก.พ. 64 ได้มีการเจรจาไกล่เกลี่ย โดยนายเอกรินทร์ ชดใช้จ่ายค่ารักษาพยาบาลให้พระมานิตย์ จำนวน 5,000 บาท แต่เป็นคดีอาญา จึงต้องดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมาย ส่วนคดีที่นายบุญมา แจ้งพระมานิตย์ว่าหลอกหลวงนั้น พระมานิตย์ชดใช้เงินคืนให้ 2,000 บาท อีก 1,500 บาท อ้างว่าเป็นค่ายาที่ทำไปแล้ว ล่าสุด พระมานิตย์ ได้ออกมาเผยเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นว่า อาตมารักษาโรคพวก ตาฟาง ต้อทุกชนิด แขนขาอ่อนแรง นิ้วล๊อค มะเร็ง ความดัน เบาหวาน และโรคสะเก็ดเงิน และโรคที่รับรักษาไปมีคนหายเยอะมาก ซึ่งรักษาด้วยวิธีสมุนไพร คนที่เอายาสมุนไพรไปทาก็ดีขึ้น ส่วนวิธีการรักษา อาตมาได้มาจากลุงที่เป็นหมอโบราณ หมอตำบลมีชื่อเสียง และรักษาคนเรื่อยมา ค่ารักษาอย่างเช่น เบาหวาน จะเป็นค่ายาอยู่ที่ประมาณ 600 บาท ยาจะสั่งที่ร้านสมุนไพร สมุนไพรผสมน้ำผึ้งปั้นเป็นลูกกร โรคสะเก็ดเงินก็รักษาหาย ใช้ว่านหลายตัวรักษา หายมาหลายคนแล้ว คนที่เพชรบุรีเป็นมา 20 ปี อาตมาก็รักษาหายมาแล้ว ในกรณีที่มีการโพสต์ในเพจเฟสบุ๊ค คนที่รักษาหายเขาโพสต์เพื่อเป็นวิทยาทานให้คนอื่นๆทราบ เป็นทางเลือกในการรักษา พระมานิตย์ กล่าวต่อว่า บางคนเชื่อสั่งยาไปทานมีหายบ้างไม่หายบ้าง ส่วนมากหายเยอะ อาตมาเปิดรักษามาปีกว่าๆ โดยเปิดรักษาอยู่ 2 วัด คือวัดท่าเคย และวัดหินสี มีญาติโยมมารักษาหลายโรค มาจากต่างจังหวัดที่ไกลๆก็มี จากการบอกต่อกัน ส่วนมากจะเป็นโรคเบาหวาน ความดัน ไทรอยด์ พอได้ทานยาไปไม่กี่วันก็ดีขึ้นเลยบอกต่อกันไปทั่ว
ส่วนกรณีที่ นายเอกรินทร์ มาทำร้ายอาตมา และมีชาวบ้านส่วนหนึ่งมาขับไล่อาตมานั้น คิดว่าอาจจะไม่พอใจอะไรบางอย่าง ซึ่งอาตมาขอรักษาแผลให้หายก่อน แล้วอาจจะต้องย้ายไปอยู่ที่ วัดท่าเคย ที่นิมนต์ให้ไปอยู่ก่อนหน้านี้ อาตมาขอยืนยัน อาตมาไม่เคยรักษาให้กับ นายเอกรินทร์ จึงไม่รู้ว่าไม่พอใจเรื่องอะไร ส่วนช่วงตอนที่ตนถูกทำร้ายเมื่อคืนนั้น จู่ๆนายเอกรินทร์ ก็เข้ามาในกุฏิและจ้วงต่อยและเตะ แล้วเดินไปหยิบขวานที่หัวนอนของอาตมา จังหวะหลบไม่รู้ว่าไปโดนขวานตอนไหน พอดีออกมาข้างนอกได้ แล้วน้องชายออกมาห้าม อาตมาจึงเพิ่งรู้ตัวว่าถูกขวานบริเวณข้อศอกขวา อย่างไรก็ตามทีมข่าวได้เดินทางไปตรวจสอบที่บ้านของนางสำลี ทองหวี อายุ 68 ปี บ้านเลขที่ 70 หมู่ 4 ต.ยางหัก มารดาของพระอธิการปรีดา อภิปุญโณ เจ้าอาวาสวัดหินสีสุวรรณาราม ซึ่งสงสารชาวบ้านที่มารักษาและสูญเสียเงินจนหมดตัว แต่การรักษาไม่เป็นผล ทำให้ไม่มีเงินเดินทางกลับบ้าน จึงให้คนที่ถูกหลอกทั้งหมด พักอาศัยอยู่บริเวณคอกวัวเป็นการชั่วคราว นายธเนศ ประติสา อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 66/1 หมู่ 26 ต.หนองแสง อ.วาปีปทุม จ.มหาสารคาม ให้รายละเอียดว่า ตนเองเป็นโรคสะเก็ดเงินรักษาไม่หาย แต่ได้พบข้อมูลทางเฟซบุ๊กว่า พระมานิตย์ สามารถรักษาโรคนี้ได้ จึงนั่งรถเมล์จากบ้านมหาสารคาม เพื่อรักษาตัว โดยมาถึงที่วัดเมื่อวันที่ 4 ก.พ.ที่ผ่านมา จนได้พบ พระมานิตย์ และรับรักษาให้ โดยการให้อาบน้ำมนต์ก่อน แล้วให้ยาลักษณะเป็นใบไม้ตำมาให้ตนเองทา ซึ่งทาง พระมานิตย์ ขอเงินค่ายาจำนวน 3,000 บาท จากนั้นอีก 2 วัน มาขอเก็บเงินค่ารักษาอีก 3,000 บาท รวมจ่ายค่ารักษาไปแล้ว 6,000 บาท จนตนเองไม่มีเงินเหลือแล้ว แต่จำเป็นต้องให้ไป เพราะทรมานกับโรคที่เป็นอยู่และคิดว่าสามารถรักษาตนให้หายได้จริง
จนวันที่ 8 ก.พ.อาการของตนไม่ดีขึ้น แถมตนถูกปล่อยทิ้ง ไม่มีเงินกินข้าว กระทั่งมาเจอนางสำลี ให้มาอาศัยอยู่ที่นี่ชั่วคราว ต่อมานายบุญมา พาลูกเลี้ยงมารักษา และเจอกับตนที่นี่ พร้อมเล่าให้ตนฟัง ว่าลูกเลี้ยงทายาแล้วมีอาการเจ็บปวด จนตัวบวม เสียเงินไปแล้ว จนเงินหมด ไม่มีที่อาศัยจนนางสำลี มาให้อาศัยอยู่ที่นี่เหมือนกัน ตนจึงบอกไปว่า อย่าหลงเชื่อ เพราะพระมานิตย์หลอกลวง ซึ่งตนเองเงินหมดแล้ว กลับบ้านไม่ได้ ตั้งใจว่าจะขอบวชที่วัดหินสีสุวรรณารามไปก่อน จากนั้นค่อยคิดต่อไป ว่าจะเอายังไงต่อ ส่วนนายเอกชัย นนทะมาตย์ อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 17 หมู่ 4 4 ต.ขมิ้น อ.เมืองกาฬสินธุ์ ที่เป็นโรคสะเก็ดเงิน แต่รักษาไม่หาย และมาอาศัยอยู่บริเวณคอกวัวของนางสำลี ให้รายละเอียดว่า ตนเป็นโรคสะเก็ดเงินมาประมาณเกือบ 2 ปี แต่ไม่เป็นเยอะขนาดนี้ อาการเริ่มแรกจะเป็นตุ่มน้ำเหลืองพองขึ้น ตามหลัง ตามมือ และหน้าอกแค่ 7-8 ตุ่ม ตนอยากหายจึงงดใช้ยาสเตียรอยด์ แล้วสั่งยารักษาสะเก็ดเงินโดยตรงมากิน จนอาการหนักขึ้น กลายเป็นตุ่มน้ำเต็มตัว แถมเน่าเปื่อย น้ำเหลืองไหลทั้งตัว จนมาเจอเพจของ พระมานิตย์ อ้างว่ารักษาหายได้ภายใน 15 วัน ตนอยากหายจึงรีบตีรถขึ้นมา จนมาได้พบกับ พระมานิตย์ ที่วัดหินสี ซึ่งเมื่อมาถึงในตอนเช้า พระมานิตย์ ก็เริ่มรักษาทันที โดยให้อาบน้ำมนต์ แล้วตำยาอะไรไม่รู้ให้ทา เมื่อทาเสร็จตนเริ่มบวม แสบ แต่ตนก็ทนเพราะอยากหาย แต่เมื่อตนถามถึงค่ารักษา พระมานิตย์ ได้บอกว่า 3,500 บาท เพื่อเอามาซื้อยาก่อน หลังตนจ่ายเงินไปให้ 1 วัน พระมานิตย์ ก็เงียบหายไป 1 วัน จนเช้าอีกวัน ตนคิดว่าเขาจะเข้ามาดูแลอย่างใกล้ชิด แต่กลับตนนั่งรอ 10 โมง จนมาพบ นายธเนศ ซึ่งเคยมารักษาและถูกหลอกไป ได้มาเตือนว่าถูกหลอกแล้ว ทำให้ตนถอดใจ เพราะตนไม่มีเงินจะกลับบ้าน จนนายธเนศ จึงแนะนำให้ไปพักที่บ้าน นางสำลี ซึ่งเป็นแม่ของเจ้าอาวาสวัดหินสี พร้อมได้หายามารักษาให้จนอาการค่อยยังชั่วขึ้น
ขณะที่ น.ส.สิริลักษณ์ ไชยภูมิ อายุ 29 ปี ภรรยานายเอกชัย เล่าว่า ก่อนหน้าที่จะมารักษา ตนได้เห็นเพจของ พระมานิตย์ อวดอ้างว่ารักษาโรคได้จริงด้วยสมุนไพร จึงทดลองติดต่อมา โดยเขาบอกว่า สูตรยาตัวนี้เป็นสูตรจากเบื้องบนมาบอกเขา เหมือนเทวดามาเข้าฝันเขา สั่งเขา ทำแบบนี้ จนเขาจำสูตรยาได้ เขาจึงทำยามารักษาคน ตนเห็นในเพจของเขา ว่าลุงอีกคนที่โดนหลอกซึ่งอ้างว่ารักษาหายแต่จริงๆไม่หาย ตนจึงพาแฟนมารักษา มาถึงเขาดูแผล อาบน้ำมนต์ ตำยามาให้ทา ตนไม่รู้ว่าเป็นใบอะไร เขาไม่ได้บอก ไม่มียากิน ค่ายาทาอย่างเดียว 3,500 บาท จนตนมาเจอลุงที่เขาอ้างว่ารักษาหาย แต่จริงๆกับถูกหลอก และได้บอกกกับตนว่าถูกหลอก ตนจึงไปแจ้งความ จนเขานำเงินมาคืน 2,000 บาท ตอนแรกที่เรียกเก็บเงินไปคือเงินทั้งหมดที่มีอยู่ในตัว จนไม่มีค่ารถกลับบ้าน จึงมาขออาศัยกับป้าสำลี อยากฝากถึงคนที่เป็นโรคแล้วอยากหาย ให้ตรวจสอบให้ดีๆก่อนรักษา จะได้ไม่โดนหลอก ตนขอยืนยัน พระมานิตย์ ไม่สามารถรักษาโรคให้หายได้จริง ด้านนางสำลี ทองหวี ป้าใจดีที่ให้ที่พักกับผู้ป่วยที่ถูกหลอกลวง เปิดเผยว่า ตอนแรกตนคิดว่า พระมานิตย์ เป็นพระที่ดี ไม่คิดว่าจะอวดอุตริทำแบบนี้ หลอกลวงชาวบ้านรักษาโรคนู้นโรคนี้หาย ชาวบ้านที่อยากหาย ก็โดนหลอกลวง จนได้รับความลำบากเดือดร้อน ซึ่งจากที่ตนดู พระมานิตย์ ไม่มีความรู้ในการรักษาโรคอะไรเลย บวชแค่พรรษากว่าๆ ลงเฟช ลงไลน์ อ้างว่าตนรักษาโรคได้ จนมีคนเชื่อถือก็เลยอยากมารักษา จนถูกเรียกเก็บเงินหมดตัวมาหลายรายแล้ว อยากให้หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบเกี่ยวกับเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด เพราะคณะกรรมการของทางวัด ได้ขอเชิญให้ พระมานิตย์ ออกไปจากวัดแล้ว แต่เขายังดื้อมากไม่ยอมไป แล้วก็มาหลอกลวงชาวบ้านที่หลอกเชื่ออยู่แบบนี้ อยากให้หน่วยงานมาดูมาตรวจสอบ ว่ามีการรักษาแบบนี้ได้ไหม แค่นำใบไม้มาตำแล้วนำไปให้ชาวบ้านทา บอกรักษาโรคได้ แถมเรียกเก็บค่ารักษาคนละหมื่น คนละพัน โดยตนแรกที่ตนรู้มามีชาวบ้านถูกหลอกไป 2 หมื่นบาท เป็นคนเมืองกาญจน์ จนต่อมามีคนจะไปรักษาตนยังบอกอย่าไปรักษาเลย มันหลอกมันลวงใช้ไม่ได้ พระลูกชายที่เป็นเจ้าอาวาส ขอให้ออกไปเขาก็ไม่ไป ชาวบ้านก็ไม่เอา เขายังดื้ออยู่ต่อ เช้ามาขับรถออกไปไหนไม่รู้ เย็นเข้ามานอน ไม่เคยทำกิจของสงฆ์จนชาวบ้านอดทนไม่ไหวแล้ว จึงอยากให้หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องเร่งเข้ามาตรวจสอบโดยด่วน
สามารถติดตามข่าวสารอื่นๆได้ก่อนใครที่ https://www.siameagle.com
หรือ https://www.facebook.com/siameaglenews/