เพชรบุรี-จนท. อช.แก่งกระจาน เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับกลุ่มผู้บุกรุกแผ้วถางป่า
ภาพ/ข่าว:สุรพล นาคนคร
จนท. อช.แก่งกระจาน เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับกลุ่มผู้บุกรุกแผ้วถางป่า ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ขณะที่ประธานองค์กรอนาคตเพชรบุรี และชาวบ้านก็รอ้งทุกข์กล่าวโทษ กลุ่มกะหร่างที่ขึ้นไปบุกรุก เผยนักกฎหมายหลอกนอแอ๊ะไปฟ้องคดีเพื่อเอาค่าสินไหมทดแทนเสียเอง ขณะนี่ไม่เชื่อบิลลี่ตาย เพราะอยู่ๆ มึนอมีลูกอีกได้อย่างไร ไม่มีหลักฐานยืนยันบิลลี่เสียชีวิต และอัยการสั่งไม่ฟ้องตามที่ดีเอสไอยื่นฟ้องเพราะไม่เชื่อหลักฐานว่าบิลลี่ตาย รวมทั้ง พงส.ทั้งสภ.แก่งกระจานและของดีเอสไอ ไม่เคยลงพื้นที่เกิดเหตุจริง โมเมชี้มูลชัยวัฒน์ได้อย่างไร
วันที่26ก.พ.2564 นายพนัชกร โพธิบัณฑิต ผู้อำนวยการป้องกันและปราบปรามกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช นส.เนตรนภา งามเนตร ผู้ช่วยหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน พร้อมเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน พญาเสือ เข้าแจ้งความรัองทุกข์กล่าวโทษกับ ร.ต.อ.วรพงษ์ ดีเวียง พนักงานสอบสวน สภ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี เพื่อให้ติดตามกลุ่มบุคล ที่ บุกรุกแผ้วถางป่าและเผาป่า ในพื้นที่ป่าบางกลอยบน หมู่ 1 ตำบลห้วยแม่เพียง อำเภอแก่งกระจาน และให้ สืบสวนหาตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฏหมาย
น.ส.เนตรนภา งามเนตร ผู้ช่วยหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน เปิดเผยว่า เมื่อวันที่22ก.พ.ที่ผ่านมา ตนเองพร้อมกำลังเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ได้ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ตรวจสอบสภาพป่าบางกลอยบน หมู่ที่1 ต.ห้วยแม่เพรียง อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี พบพื้นที่ป่าเบญจพรรณผสมป่าไผ่ ถูกบุกรุกแผ้วถางกลายเป็นที่โล่งอย่างเห็นได้ชัด เมื่อจับค่าพิกัดด้วยสัญญาณดาวเทียม (gps)พบว่าพื้นที่เสียหายจำนวน18 แปลง จึงเดินทางมาแจ้งความรัองทุกกล่าวโทษข้อหาฐานยึดถือหรือครอบครองที่ดิน ก่อสร้าง แผ้วถาง เผาป่า ให้เสื่อมสภาพ ตามมาตรา19 ตาม พรบ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2562
ต่อมา ที่สถานีตำรวจภูธรแก่งกระจาน นายอำนาจ เนียมเปีย อายุ 47 ปี ชาวบ้าน ม.3 ต.ท่าเสา อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี พร้อมคณะจาก กทม.และจ.กาญนบุรี ประมาณ10คน ได้เดินทางมาแจ้งความรัองทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดีกับกลุ่มผู้บุกรุกป่าต้นน้ำ ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ที่ปรากฏภาพถ่ายจากสื่อต่างๆด้วยเช่นกัน พร้อมร่วมกัน ถือป้ายมีข้อความว่า”พวกเราเซฟป่าแก่งกระจาน” และร่วมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติงาน นายยุทธการพิทักษ์ป่าต้นน้ำเพชรบุรี ในครั้งนี้
ขณะที่ นายสุรพล นาคนคร ประธานองค์กรอนาคตเพชรบุรี ภาคีเครือข่าย#SAVE แก่งกระจานป่าของโลก ชาวเพชรบุรี ได้เดินทางมาเพิ่มเติมเอกสารและให้ปากคำต่อพงส.สภ.แก่งกระจาน สืบเนื่องจากเมื่อวานนี้ช่วงบ่าย ได้มาร้องทุกข์กล่าวโทษ นายน่อแอะ หรือหน่อเอะ มีมิ ดังนี้
1) ฐานยึดถือหรือครอบครองที่ดิน ก่อสร้าง แผ้วถาง เผาป่าหรือกระทำด้วยประการใดๆ ให้เสื่อมสภาพหรือเปลี่ยนแปลงสภำพพื้นที่ไปจากเดิม ตามมาตรา 19 (1) แห่งพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 ประกอบมาตรา 41 ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สี่ปีถึงยี่สิบปีหรือปรับตั้งแต่สี่แสนบาทถึงสองล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
2) ฐานเก็บหำ นำออกไป กระทำด้วยประการใดๆ ให้เป็นอันตราย หรือทำให้เสื่อมสภาพซึ่งไม้ ดิน หิน กรวด ทราย แร่ ปิโตรเลียม หรือทรัพยากรธรรมชาติอื่น หรือกระทำกำรอื่นใด อันส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศ ความหลากหลายทางชีวภาพ และทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตามมาตรา 19 (1) แห่งพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 ประกอบมาตรา 42 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินห้าแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
3) ฐานกระทำการหรืองดเว้นกระทำการไม่ว่าจงใจหรือประมาทเลินเล่อโดยมิชอบด้วยกฎหมาย และก่อให้เกิดความเสียหายแก่ทรัพยากรธรรมชาติในอุทยานแห่งชาติ วนอุทยาน สวนพฤกษศาสตร์ หรือสวนรุกขชาติ ผู้นั้นต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้แก่รัฐตามมูลค่าทั้งหมดของทรัพยากรธรรมชาติที่ถูกทำลายสูญหาย หรือเสียหายไปนั้น ตามมาตรา 40 แห่งพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562
4) ตามมาตรา 54 แห่งพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 ในการดำนินคดีอาญา แก่ผู้ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้ เมื่อพนักงานอัยการยื่นฟ้องคดีอาญาให้เรียกค่าเสียหายตามมาตรา 40 ไปในคราวเดียวกัน
ขณะเดียวกัน ประธานองค์กรอนาคตเพชรบุรี กล่าวเพิ่มเติมว่า ทุกวันนี้ผมไม่เชื่อว่าบิลลี่ตาย เพราะไม่มีหลักฐานการแจ้งตายมาแสดง บิลลี่อยู่ในสถานะบุคคลสูญหาย ซึ่งมีลักษณะ สูญหายโดยไม่ทราบสาเหตุ ตั้งใจหลบไม่ให้คนพบเห็นหรือไม่ก็ไม่ทราบ กับเป็นบุคคลสูญหายแบบถูกบังคับสูญหาย ก็ไม่มีหลักฐานมายืนยัน ดีเอสไอไปฟ้องศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง อัยการไม่สั่งฟ้องแม้แต่ข้อหาเดียว เพราะดีเอสไอไม่มีหลักฐานสนับสนุนว่า ตายหรือพบหลักฐานที่น่าเชื่อถือ ไมโทรคอนเดรีย ที่ดีเอสไอเอามาอ้าง อัยการก็ไม่เชื่อ จึงสั่งไม่ฟ้องนายชัยวัฒน์ ทุกข้อหาในคดีนี้
ผมจะเชื่อได้อย่างไรว่าบิลลี่ตาย เพราะหลังจากบิลลี่หายตัวไป นางพิณนภา หรือมึนอ มีลูกเพิ่มมาอีกสองคน ผมจึงไม่เชื่อ อัยการยังไม่เชื่อเลยแต่มีความพยายามไปกดดันให้บอร์ดปปท.ชี้มูลเอาความผิดนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ทราบเบื้องต้นว่า นายชัยวัฒน์เองก็ไม่ยอมรับ โดยเรื่องที่กล่าวหาว่า ชัยวัฒน์ไปเผาบ้านปู่คออี้ ผมขณะนั้นเป็นอนุกรรมาธิการ ทรัพยากรธรรมชาติ สัตว์ป่าและพันธ์พืช ระหว่างนั้นและเป็นกรรมการที่ปรึกษาอุทยานแก่งกระจาน ยืนยันได้ว่า ไม่เคยมีพนักงานสอบสวนของสภ.แก่งกระจาน หรือของดีเอสไอ ไปตรวจสอบที่เกิดเหตุเลย เพราะผมอยู่ในเหตุการณ์ขณะนั้นและได้รายงานต่อคณะกรรมาธิการสิ่งแวดล้อม วุฒิสภาตลอดระยะเวลาว่าขณะนั้นเกิดอะไรขึ้น
อีกทั้งคดีที่ฟ้องในศาลปกครอง มี 2 คดี คดีแรกคือนายน่อแอะ หรือหน่อเอะ มีมิ ฟ้องกรมอุทยานฯและกระทรวงทรัพย์ ศาลปกครองกลางวินิจฉัยคดีและมีคำพิพากษาแล้ว คดีที่สองคือนายคออี้พร้อมพวกหกคนฟ้องกรมอุทยานฯและกระทรวงทรัพย์ฯ ศาลปกครองสูงสุด วินิจฉัยและมีคำพิพากษาแล้ว คำพิพากษาในสองคดีบรรยายฟ้องโดยผู้ฟ้องว่า นายนอแอ๊ะ และนายคออี้ อาศัยอยู่ที่พักหลังเดียวกัน ซึ่งไม่ใช่ที่พักที่มีการพิพาท และศาลวินิจฉัยว่า ที่พักที่พิพาททั้งสองคดีอยู่ในพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน อันเป็นการละเมิดมาตรา 16 (1)ในขณะนั้น ศาลจึงไม่สามารถบังคับให้กลับไปอยู่ที่เดิมได้ ส่วนการจ่ายเงินเยียวยานั้น ศาลวินิจฉัยว่า ผู้ฟ้องทั้งสองคดี บุกรุกที่ดินของอุทยานแก่งกระจานจริงตามมาตรา 16(1) เจ้าหน้าที่สามารถปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 22 แห่งพรบ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2504 ในขณะนั้นได้ แต่ต้องปฏิบัติตามคู่มือปฏิบัติที่บัญญัติไว้ตามมาตรา 22 ซึ่งศาลมองว่า เสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่ม เป็นสิ่งที่ต้องมีในการดำรงชีพ เครืองใช้ เป็นสิ่งที่ต้องมีในการดำรงชีพ และไม่ใช่เครื่องมืออุปกรณ์ที่ใช้ในการกระทำความผิด เป็นการละเมิดทางแพ่ง ศาลจึงสั่งให้ผู้ถูกฟ้องเยียวยาในคดี นอแอ๊ะ รวม 10,000 บาท และในคดีคออี้พร้อมพวกหกคน รายละประมาณ 50,000 บาท และจะฟ้องเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติตามอำนาจหน้าที่เป็นอาญาไม่ได้ นี่คือคำวินิจฉัยของศาลปกครองกลางและศาลปกครองสูงสุด
ผมจึงมองว่า บอร์ดปปท.ชี้มูลความผิดอาญาต่อนายชัยวัฒน์ ไม่ถูกต้อง และถ้าการชี้มูลดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฏหมายและวิธีการสอบสวนคดี ก็สามารถฟ้อง 157 ต่อบอร์ดปปท.นี้ได้ เพราะปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ทราบว่านายชัยวัฒน์ก็กำลังจะยื่นฟ้องบอร์ดปปท.อยู่เช่นกัน
อีกทั้งทีมทนายความที่รับมอบอำนาจนอแอ๊ะฟ้องคดี ก็แถลงต่อศาลเมื่อศาลถามว่า หากชนะคดี ค่าสินไหมทดแทนเอาไปให้ใคร ทีมทนายเบิกความต่อศาลว่า ไม่ได้ให้นายนอแอ๊ะ แต่เอาเงินเยียวยาสินไหมทดแทนเข้าสภาทนายความ อย่างนี้มันแปลกไหม นอแอ๊ะถูกหลอกให้มาฟ้องหรือเปล่า สินไหมทดแทนที่ฟ้องต่อศาล 2,000,000 บาทเศษ ชนะคดี ไม่ให้เงินผู้ฟ้องคือนอแอ๊ะ นี่มันแสดงว่า มีความผิดปกติในคดีสองคดีที่เกิดขึ้น นายกสภาทนายความคนปัจจุบัน ต้องออกมาชี้แจงการทำงานของทีมทนายความที่นายกสภาทนายความสมัยนั้นคือนายสัก กอแสงเรือง แต่งตั้งคณะทนายที่มีนายสุรพงษ์ กองจันทึก เป็นประธานคณะทำงานชุดนี้ว่า ทำแบบนี้หมายความว่าอย่างไร สภาทนายความ มีเงินตอบแทนคณะทำงานของทนายความชุดนี้อยู่แล้ว แต่ทำไมมาเบียดบังจากค่าสินไหมทดแทนของลูกความแบบนี้ นายกสภาทนายความคนปัจจุบัน ต้องทำความจริงให้ปรากฏด้วยครับ ผมถือโอกาสร้องเรียนด้วย
สามารถติดตามข่าวสารอื่นๆได้ก่อนใครที่ https://www.siameagle.com
หรือ https://www.facebook.com/siameaglenews/