สมุทรปราการ-ศาลอุทธรณ์พิพากษาประหารชีวิตทีมสังหาร ประธานบริษัท โซลาร์เซลล์
ภาพ/ข่าว:สุรศักดิ์ -อัญมณี คงสินธ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาประหารชีวิตทีมสังหาร ประธานบริษัท โซลาร์เซลล์ พ่อผู้พิพากษา
จากกรณี ดร.อัครนันท์ มงคลชลสวัสดิ์ อายุ 56 ปี ประธานบริษัท ฟินิกซ์ เวิลด์ เอนเนอจี จำกัด ซึ่งให้บริการระบบ โซลาร์เซลล์แบบครบวงจร และยังเป็นบิดาของผู้พิพากษา ถูกกลุ่มคนร้ายกระหน่ำ ยิงจนเสียชีวิต บริเวณทางเข้าหมู่บ้านลัลลี่วิลล์ ซอยมังกรนาคดี ต.แพรกษา อ.เมือง จ.สมุทรปราการ เหตุเกิดเมื่อคืนวันที่ 17 พฤศจิกายน 2560
ล่าสุดเมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 3 มีนาคม 2564 ที่ บัลลังค์ 22 ศาลจังหวัดสมุทรปราการ ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 อ่านคำพิพากษาผ่านระบบคอนเฟอเรนซ์ เลขคดีดำ 7471/61 คดีแดง 57/63 ในคดี 1 นายโชติทิวัตถ์ จิรภัทรพุฒิธนา 2 นายสมศักดิ์ มุ่ยแฟง 3 วิฑูรย์ กรีธาธร 4 นายวรวุฒิ ผาสุก 5 วัชรพงษ์ พราหมณี 5 จำเลยซึ่งได้ยืนอุทธรณ์ใน คดีร่วมกันใช้จ้างวารด้วยวิธีการอื่นใดให้ผู้อื่นกระทำผิดฐาน ร่วมกันฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ร่วมกันมีอาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืน ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพกพาอาวุธไปในเมืองหมูบ้าน โดยไม่มีเหตุอันควร
สำหรับคดีนี้ สืบเนื่องจาก คืนวันที่ 17 พ.ย.60 ตำรวจ สภ.เมืองสมุทรปราการ รับแจ้งเหตุชายถูกยิงซึ่งผู้เสียชีวิต คือ ดร.อัครนันท์ มงคลชลสวัสดิ์ อายุ 56 ปี ประธานบริษัท ฟินิกซ์ เวิลด์ เอนเนอจี จำกัด ซึ่งให้บริการระบบ โซลาร์เซลล์แบบครบวงจร และยังเป็นบิดาของผู้พิพากษา เหตุเกิดทางเข้าหมู่บ้านลัลลี่วิลล์ ซอยมังกรนาคดี ต.แพรกษา อ.เมืองสมุทรปราการ สอบสวนเบื้องต้นทราบว่าก่อนเกิดเหตุมีคนเห็นทั้งสองฝ่ายเปิดประตูลงจากรถก่อนจะโต้เถียงกันอย่างรุนแรงและมีการชกต่อยกัน ก่อนที่คนร้ายจะวิ่งกลับไปที่รถแล้วหยิบเอาปืนขนาด 11 มม. มากระหน่ำยิงผู้ตายจนเสียชีวิต ต่อมาจากสืบสวนเจ้าหน้าที่เชื่อว่าน่าจะไม่ใช่เรื่องขับรถปาดหน้ากัน และพบว่าผู้ตายเคยขัดแย้งกับบริษัทเก่าที่เคยร่วมลงทุนด้วยจึงได้ให้น้ำหนักประเด็นเรื่องความขัดแย้งเรื่องธุรกิจ และเชื่องโยมไปยัง นายโชติทิวัตถ์ จิรภัทรพุฒิธนา จำเลยที่ 1 พ.อ.สมศักดิ์ มุ่ยแฟง หรือเสธ.มุ่ย จำเลยที่ 2 เนื่องจากทั้งสามได้ร่วมกันเปิดบริษัทโซลาร์เซลล์ ก่อนที่ผู้ตายจะแยกตัวไปเปิดบริษัทของตัวเองเพื่อรับงานจากลูกค้าจากต่างประเทศ รวมทั้งได้ลูกค้าเก่าจากบริษัทเดิมเนื่องจากลูกค้ามีความเชื่อมั่นในตัวของ ดร.อัครนันท์ ทำให้บริษัทที่ทั้งสามเคยร่วมกันเปิดขาดรายได้จำนวนมากและมีทีท่าว่าจะล้มละลาย ต่อมาทั้งสอง จึงได้ติดต่อไปยังนายวิฑูรย์ กรีธาธร หรือ ส.จ.เก่ง อดีต สจ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี ให้หามือปืนจากเมืองเพชรมารับงานในราคา 4 แสนบาท จากนั้น ส.จ.เก่งได้นำทีมมือปืนมา 3 คน ประกอบด้วย นาย วรวุฒิ ผาสุก จำเลยที่ 4 นายวัชรพงษ์ พราหมณี จำเลยที่ 5 และนายโก้ ซึ่งเสียชีวิตไปโดยปริศนาจากอุบัติเหตุ ซึ่งเชื่อว่าน่าจะถูกฆ่าตัดตอน นั่งรถมาจากเพชรบุรีมาเฝ้าดูความเคลื่อนไหวที่หน้าบ้านของ ดร.อัครนันท์ เมื่อเจอผู้ตายขับรถยนต์ออกจากบ้านพักจึงขับรถตามประกบก่อนทำทีจัดฉากว่ารถเฉี่ยวชนกัน จากนั้นร้ายจึงใช้อาวุธปืนยิง ดร.อัครนันท์ จนเสียชีวิตดังกล่าว กระทั้งเจ้าหน้าที่ติดตามตัวทีมสังหารได้ ชั้นสอบสวนทั้งหมดยังให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าววหา
ต่อมาเมื่อวันที่ 20 ม.ค.63 ศาลชั้นต้นได้พิพากษาประหารชีวิต นายโชติทิวัตถ์ จิรภัทรพุฒิธนา จำเลยที 1 นายสมศักดิ์ มุ่ยแฟง จำเลยที่ 2 และ นายวรวุฒิ ผาสุก จำเลยที่ 4 โทษประหารชีวิต ส่วน จำเลยที่ 3 นายวิฑูรย์ กรีธาธร และ จำเลยที่ 5 วัชรพงษ์ พราหมณี ตัดสินจำคุกตลอดชีวิต ก่อนที่ทั้งหมดจะต่อสู้คดีในชั้นอุทธรณ์ กระทั่งล่าสุดศาลอุทธรณ์ภาค 1 ได้ยืนตามคำตัดสินของศาลชั้นต้นของจำเลยที่ 1, 2, 3, 4 แต่เพิ่มโทษจำเลยที่ 5 คือ นายวัชรพงษ์ พราหมณี มือปืนที่ลั่นไกสังหาร เพราะคำให้การของจำเลยฟังไม่ขึ้นและหลักฐานการพิสูจน์ยังปราศจากข้อสงสัย จึงได้เพิ่มโทษจากจำคุกตลอดชีวิตเป็นประหารชีวิตสถานเดียว
สามารถติดตามข่าวสารอื่นๆได้ก่อนใครที่ https://www.siameagle.com
หรือ https://www.facebook.com/siameaglenews/