ราชบุรี – ฮือฮา พบกำแพงโบราณอายุกว่า 1,200 ปี ที่ต.คุ้งกระถิน
ภาพ/ข่าว:สุจินต์ นฤภัย
กรมศิลปากรลงพื้นที่ตรวจสอบกำแพงโบราณอายุกว่า 1,200 ปี หลังชาวบ้านมีการปรับพื้นดินแล้วเจอเศษอิฐจำนวนมากบริเวณพื้นที่ป่า เป็นไปได้ว่าสร้างสมัยทวารวดี
วันที่ 9 มี.ค.64 ที่บริเวณหมู่ 4 ตำบลคุ้งกระถิน นางสาวกุลวลี นพอมรบดี สส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ และ สุวัฒน์ อมรธีระกุล นายกองค์การบริหารส่วนตำบลคุ้งกระถินพร้อมด้วย กลุ่มโบราณคดี สำนักศิลปากรที่ 1 ราชบุรี นำโดย นางจิรนันท์ คอนเซพซิออน นักโบราณคดีชำนาญการ (หัวหน้ากลุ่มโบราณคดี) สำนักศิลปากรที่ 1 ราชบุรี พร้อมคณะ ลงพื้นที่ตรวจสอบอิฐโบราณ หลังจากมีชาวบ้านเข้ามาทำการปรับพื้นที่ดินแล้วพบอิฐและเศษอิฐจำนวนมากบริเวณ หมู่ 4 ต.คุ้งกระถิน อ.เมืองราชบุรี และจากการลงพื้นที่ตรวจสอบพบอิฐและเศษอิฐจำนวนมากปนขึ้นมากับดินที่ถูกไถ และบางส่วนยังปรากฏแนวอิฐเรียงปูเป็นพื้นให้เห็นอยู่บ้างเล็กน้อย และจากการตรวจสอบพบว่าแนวโบราณสถานที่พบน่าจะเป็นส่วนหนึ่งของแนวกำแพงยาว กว่า 5 เมตร ยังไม่สิ้นสุดกำแพง เนื่องจากแนวโบราณสถานที่พบเป็นหลักฐานประจักษ์สำคัญที่แสดงถึงร่องรอยหลักฐานที่เป็นต่อตำบลข้างเคียงคือโคกพริก และอาจจะเป็นโบราณสถานที่มีความเกี่ยวเนื่องกับเมืองโบราณสถานบ้านคูบัวซึ่งอยู่ไม่ไกลจากตรงนี้ เป็นแหล่งโบราณคดีสมัยก่อนประวัติศาสตร์ ที่เมื่อหลายปีก่อนก็เคยขุดพบกระดูกโบราณ 1,200 ปี
นางจิรนันท์ คอนเซพซิออน นักโบราณคดีชำนาญการ (หัวหน้ากลุ่มโบราณคดี) สำนักศิลปากรที่ 1 ราชบุรี เปิดเผยว่า หลังได้รับแจ้งจากทาง อบต.คุ้งกระถิน ว่ามีการขุดพบซากอิฐในพื้นที่ ซึ่งจากการปรับพื้นที่ทำให้พบร่องรอยของแนวอิฐโบราณ สมัยทวารวดี ซึ่งยังไม่ทราบว่าแนวที่พบเป็นป้อมหรือฐานของแนวกำแพง โดยทางสำนักศิลปากรที่ 1 ราชบุรี จะส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบอีกครั้ง แต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นของสมัยใด ซึ่งอาจจะเป็นของใช้ร่วมสมัยก็เป็นได้ โดยทางเจ้าหน้าที่จะต้องทำการตรวจสอบในพื้นที่ดังกล่าวเป็นเวลา 1 เดือน เพื่อหาร่องรอยและหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญ ด้านนายนิกร แสงพยุง อายุ 64 ปี อดีตผู้ใหญ่บ้าน ม.4 เปิดเผยว่า เนื่องจากวันที่ 5 ธ.ค. ตนเองได้มาทำการตัดต้นไม้เพื่อปรับพื้นที่พัฒนาให้สะอาดตาและปรากฏว่าไปเจอศาลเก่าแก่มีชื่อเขียนศาลเจ้าพ่อประดับอิฐ ซึ่งที่พื้นที่ก็มีอิฐเยอะแยะโผล่ขึ้นมา ตนเองจึงทำการปรับพื้นที่ดิน สำหรับการพบซากโบราณสถานในครั้งนี้สืบทราบว่าที่แห่งนี้เป็นป่ารก ชาวบ้านบอกที่พบอิฐตรงนั้น คือเมืองลับแล ตอนกลางคืนจะมีเสียงดนตรีไทย บางวันมีกลิ่นการทำอาหาร มีคนพูดคุยกัน กลางคืน บรรยากาศตรงนั้นสุดยอด เพื่อให้ความกระจ่างเจ้าหน้าที่กรมศิลปากรจะลงพื้นที่สำรวจและศึกษาวัตถุ เป็นไปตามขั้นตอนอีกครั้ง ขณะที่ น.ส.กุลวลี นพอมรบดี ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า จะประสานไปยังทางกรมศิลปากร เพื่อจะทำการตั้งงบประมาณ ในการที่จะศึกษาขุดค้นหาว่าตรงบริเวณนี้เป็นพื้นที่ที่บงบอกถึงอารยะ วิถีความเป็นอยู่อะไรบ้างเมื่อครั้งสมัยก่อน และพื้นที่บริเวณนี้คล้ายๆสถูปใกล้กับโบราณสถานเมืองคูบัว ของราชบุรี ซึ่งเป็นสมัยทารวดีเหมือนกัน แต่ขณะนี้ยังดูไม่ออกว่าเป็นอะไร และต้องใช้งบประมาณในการค้นคว้าขุดและศึกษา ลงไปลึกอีกและขยายพื้นที่ไปว่าพื้นที่ดังกล่าวนั้นคืออะไร ที่บ่งชี้ถึงบรรพบุรุษเรา โดยเบื้องต้นต้องให้หน่วยงานที่มีความชำนาญในเรื่องโบราณวัตถุมาศึกษาวิจัย ซึ่งใช้เวลาพอสมควร และจะนำเรื่องไปหารือ กับทางกับรัฐมนตรีว่าการกระทวงวัฒนธรรม และอธิบดีกรมศิลปากร อีกทางหนึ่ง
สามารถติดตามข่าวสารอื่นๆได้ก่อนใครที่ https://www.siameagle.com
หรือ https://www.facebook.com/siameaglenews/