สมุทรปราการ-ระทึกเรือบรรทุกสินค้าขนาดใหญ่หลุดร่องน้ำพุ่งดิ่งเข้าหาบ้านเรือน
ภาพ/ข่าว:สุรศักดิ์ / อัญมณี คงสินธ์
ระทึกเรือบรรทุกสินค้าขนาดใหญ่หลุดร่องน้ำพุ่งดิ่งเข้าหาบ้านเรือนประชาชนและเสาไฟฟ้าแรงสูง
เมื่อเวลา 12.30 น.วันที่ 3 เมษายน 2564 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งมีเรือบรรทุกสินค้าขนาดใหญ่หลุดร่องน้ำขณะที่กำลังแล่นออกปากน้ำแม่น้ำเจ้าพระยาพุ่งเข้าไปจนชนบ้านเรือนประชาชนที่ปลูกสร้างอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณท้ายชุมชนมอญเดิงฮะโมก หมู่ 6 ต.บางหญ้าแพรก อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ ผู้สื่อข่างได้เดินทางเข้าตรวจสอบ ได้พบว่าเรือสินค้าลำดังกล่าวได้แล่นออกปากอ่าวไปแล้วเหลือเพียงร่องรอยการทิ้งสมอไว้ที่บริเวณดินเลนใกล้ชายฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา เท่านั้นโดยมีกระถางต้นไม้ของชาวบ้านที่วางเอาไว้ข้างเสาไฟฟ้าแรงสูงแตกได้รับความเสียหายจำนวน 3 ใบเท่านั้น ส่วนชาวบ้านอยู่ท้ายชุมชนต่างยังอยู่ในอาการตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และมีชาวบ้านถ่ายคลิปวีดีโอ และถ่ายชื่อเรือบรรทุกสินค้าลำดังกล่าวเอาไว้ได้ ชื่อเรือ ชลาการ
น.ส.น้ำทิพย์ ผึ่งสาย อายุ 50 ปี ซึ่งมีบ้านพักอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาใกล้กับเสาส่งกระแสงไฟฟ้าแรงสูงที่เกิดเหตุ ได้เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุเวลาประมาณเที่ยง ขณะที่ตนกำลังนอนเล่นอยู่ในบ้านก็ได้ยินเสียงดังคล้ายกับเสียงลากเหล็กดังขึ้นที่บริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระยาข้างบ้านพร้อมกับเสียงเอะอะโวยวายของชาวบ้านตนจึงได้รีบเปิดหน้าต่างออกมาดูได้เห็นหัวเรือสินค้าขนาดใหญ่ได้พุ่งดิ่งเข้ามาหาเสาส่งกระแสไฟฟ้าแรงสูงซึ่งตั้งอยู่ด้านหลังบ้านของตน และตนก็คิดว่ายังไงก็ชนเสาไฟยังไงเสาไฟก็โค่นแน่ ๆ ด้วยความตกใจตนจึงรีบสับคัดเอาท์ตัดไฟในบ้านก่อนที่จะวิ่งหนีตายออกมาจากบ้านแต่ตาก็ยังหันไปมองหัวเรือสินค้าลำดังกล่าวซึ่งกำลังเปลี่ยนทิศทางพุ่งเข้ามาหาบ้านตน โดยเรือลำดังกล่าวกำลังแล่นออกไปทางปากอ่าวก็ไม่รู้ว่ามันแล่นมายังไงแต่โชคดีที่เรือลำดังกล่าวยังไม่ทันพุ่งเข้ามาชนอะไรเสียหาย ซึ่งคาดว่าระหว่างที่เรือหลุดร่องน้ำออกมาทางคนคุมเรือน่าจะปล่อยสมอเรือเพื่อชะลอความเร็วของเรือและพยายามเปลี่ยนทิศทางเรือไม่ให้พุ่งเข้าโดยมีเรือทักหลายลำได้พยายามเข้าช่วยดันท้ายเรือให้หมุนเปลี่ยนทิศได้ทัน ตนพักอาศัยอยู่ตรงน้าหลายสิบปีแล้วครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น เพราะส่วนใหญ่เหตุการณ์เรือหลุดร่องน้ำจะพุ่งเข้าไปชนบ้านเรือนประชาชนที่ฝั่งหน้าอำเภอพระประแดง มากกว่า
ด้านนางวรรณา ธงสีแดง อายุ 60 ปี ซึ่งมีบ้านพักอยู่หลังเสาส่งกระแสไฟฟ้าแรงสูงต้นดังกล่าว ได้เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุตนกำลังป้อนข้าวให้แม่ที่เป็นผู้ป่วยติดเตียง ระหว่างนั้นตนได้ยินเสียงดังคล้ายลากเหล็กตนจึงหันไปดูทางหน้าต่างได้เห็นเรือบรรทุกสินค้าลำดังกล่าวหัวเรือกำลังพุ่งเข้ามาหาเสาไฟฟ้า ซึ่งถ้าชนเสาไฟฟ้าล้มบ้านตนก็ไม่รอด ด้วยความตกใจตนจึงทิ้งชามข้าวและพยายามอุ้มแม่ที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้หนีตายออกมาจากบ้านแต่อุ้มไม่ไหวจึงได้พยุงหิ้วปีกลากแม่ออกมาจากบ้านได้สำเร็จ
ด้านนางบุญส่ง ข่อยจินดา อายุ 62 ปี ได้เล่าว่า ขณะเกิดเหตุตนก็นั่งดูทีวีอยู่ในบ้านก็ได้ยินเสียงชาวบ้านเอะอะโวยวายและเสียงดังคล้ายลากเหล็ก จึงได้ออกมาดู ได้เห็นหัวเรือบรรทุกสินค้าลำดังกล่าวพุ่งเข้ามาหาเสาส่งกระแสไฟฟ้าแรงสูงที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาห่างจากบ้านตนประมาณ 100 เมตร ซึ่งหัวเรือบรรทุกสินค้าลำดังกล่าวที่ตนเห็นหัวเรือสูงกว่ายอมต้นมะม่วงอีก ตนถึงกับเข่าอ่อน นั่งพับอยู่กับพื้นถนนทางเดินทำอะไรไม่ถูกทำได้แค่เพียงตะโกนเรียกหลานชายให้รีบหนีออกมาจากบ้านเท่านั้น ตนอาศัยอยู่ในชุมชนนี้มากว่า 50 ปีแล้วเคยมีเหตุการณ์ทำนองเดียวกันนี้เกิดขึ้นมาแล้วแต่ไม่ขนาดนี้ ครั้งที่แล้วก่อนที่จะเกิดเหตุเรือจะเปิดเสียงหวูดยาวเลยให้เรารู้ เราก็จะออกมาดูและก็จะพากันหนี แต่ครั้งนี้ไม่มีเสียงหวูดเตือนเลยมีแต่เสียงลากเหล็กดังเท่านั้น เราก็เห็นมันผิดสังเกตจึงออกมาดู ก็เห็นเรือมันพุ่งเข้ามาจะถึงเสาไฟฟ้าแรงสูงอยู่แล้ว ตนถึงกับเข่าอ่อนทำอะไรไม่ถูกวิ่งไม่ออก เห็นเด็กร้องไห้ ก็นึกถึงหลานตัวเองจึงได้ตะโกนเรียกหลานให้หนีตายออกมาจากบ้าน เหตุการณ์แบบนี้เป็นครั้งแรกที่มันมาแบบเงียบ ๆ แต่ครั้งที่ผ่าน ๆ มามันจะเปิดหวูดก่อน แต่ครั้งนี้หัวใจจะวายเอา มันพุ่งเข้ามาหาเราเลย บอกตรงเรากลัวชนเสาไฟล้ม โชคยังดีช่วงที่เกิดเหตุเป็นช่วงน้ำกำลังลง ดินเลนใต้แม่น้ำช่วยชะลอความเร็วของเรือได้มาก หากเป็นช่วงน้ำขึ้นเต็มที่ตนคิดว่าไม่น่าจะรอด
สามารถติดตามข่าวสารอื่นๆได้ก่อนใครที่ https://www.siameagle.com
หรือ https://www.facebook.com/siameaglenews/