ชุมพร-ช้างป่าลงจากเขามากินทำลายพืชสวน เกษตรกรเสียหายแล้วกว่า 50 ไร่

ภาพ/ข่าว:ทนงศักดิ์ ศุภการ

ช้างป่าลงจากเขามากินทำลายพืชสวน เกษตรกรเสียหายแล้วกว่า 50 ไร่

            วันนี้(6 เมย.64) เวลา 15.00 น. ณ บ้านเขาประ ม.15 ต.นาสัก อ.สวี จ.ชุมพร ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากเกษตรกรว่า มีโขลงช้างป่า 7 ตัวบุกสวนปาล์มที่มีอายุ 2 ปีเศษ และสวนมะละกอที่กำลังรับผล และถูกทำลายจนเสียหายกว่า 50 ไร่ ทั้งนี้มีแต่เจ้าหน้าอนุรักษ์เข้ามาดูแล แต่ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับเกษตรกรต้องรับเล่ะ นายพินิจ โกสิทธิ์ หรือที่รู้จักกันว่า “ลุงไข่” อายุ 66 ปี อยู่บ้านเลขที่ 195 ม.15 ต.นาสัก อ.สวี จ.ชุมพร เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า ช้างป่าเท่าที่ตนทราบจากเพื่อนเกษตรกร เล่าให้ฟังต่อๆกันมาว่ามีช้างป่าช่วงฤดูแล้ง จะมีฝูงช้างป่าลงมาหากินพื้นที่ราบที่ติดตามแนวเขาตั้งแต่ พะโต๊ะ บังหวานและพื้นที่เขาของนาสักแห่งนี้ เพราะที่นี่มีทั้งแหล่งน้ำและแหล่งอาหารที่มีพี่น้องเกษตรกรได้สร้างไว้ ประกอบกับ ช่วงนี้อาหารบนเขาของช้างที่อาศัยอยู่ ก็เริ่มหายากมากขึ้น เนื่องจากเข้าสู่หน้าร้อน ทำให้อาหารบนเขามีน้อยลง

               ฝูงช้างป่าจึงลงมาหากินในพื้นที่ราบติดเชิงเขา ที่พี่น้องเกษตรกรปลูกพืชหลายอย่างไว้เป็นจำนวนมาก เช่น ปาล์ม มะละกอ และพืชเศรษฐกิจอื่นๆ ฝูงช้างก็ได้สร้างความเสียหาย อย่างเช่น ต้นปาล์มที่ตนปลูกเอาไว้มีอายุประมาณ 2 ปีเศษ ช้างป่าก็จะกัดกินยอด แล้วทำลายจนเสียหาย ส่วนสวนมะละกอของญาติตนก็โดนช้างป่าบุกเช่นกัน โดยจะเลือกกินมะละกอต้ยที่มีผลสุก หากต้นไหนไม่มีมันก็จะหักโค่นทำลายจนเสียหาย มีพื้นที่เสียหายรวมกว่า 50 ไร่แล้ว
ซึ่งที่ผ่านมาก็มีเจ้าหน้าที่อนุรักษ์ฯ เฝ้าติดตามช้างฝูงดังกล่าว แล้ว โดยช่วยกันไล่ต้อนให้กลับขึ้นบนเขา เพื่อไม่ใช้ช้างทำลายพืชเกษตรที่ปลูกไว้ ที่สำคัญเงินที่ใช้ลงทุนก็ต้องกู้มาสร้างสวน เรียกว่าเสียหายแทบทุกราย โดยยังไม่มีหน่วยงานใดเข้ามาให้ความช่วยเหลือเกษตรกรเลย ทั้งนี้ตนจึงได้นำปัญหาดังกล่าวเข้าปรึกษา “นายกเปี้ยว” นางสุจิตรา อุสิทธิ์ นายกฯ อบต.นาสัก จึงได้ประสานผู้สื่อข่าวเพื่อมารายงานข่าวในครั้งนี้ได้ และตนจึงอยากร้องขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานภาครัฐฯ ว่ามีหน่วยงานใดจะเข้ามาให้ความช่วยเหลือตนได้บ้าง เพราะความเสียหายได้เกิดขึ้นกับตนแล้ว แถมยังมีภาระหนี้สินที่ลงทุนไปแล้ว ตนก็ยังไม่รู้ว่าจะไปร้องขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานใด เพราะความเสียหายได้เกินขึ้นกับตนแล้ว

สามารถติดตามข่าวสารอื่นๆได้ก่อนใครที่ https://www.siameagle.com
หรือ https://www.facebook.com/siameaglenews/