ปทุมธานี-เตือนภัย..!!ร้านค้าระวังถูกหลอกขายบุหรี่หนีภาษี 

ปทุมธานี-เตือนภัย..!!ร้านค้าระวังถูกหลอกขายบุหรี่หนีภาษี 

ภาพ-ข่าว:ที่มข่าวเฉพาะกิจ

          สาวใหญ่เจ้าของร้านขายของชำถูกสาวใหญ่อ้างมาจากร้านค้าส่ง ถูกโควิด-19 ทำพิษต้องปิดกิจการ เลยนำบุหรี่ออกมาเร่ขาย ก่อนหลงเชื่อด้วยความสงสารช่วยซื้อไว้ เป็นบุหรี่ไทย มีแสตมป์อากรเสียภาษีปิดไว้ที่บุหรี่ถูกต้อง แต่ภายหลังถูกเจ้าหน้าที่สรรพสามิตเข้าตรวจค้น แจ้งว่าเป็นบุหรี่มิได้ผ่านการชำระภาษี ถูกนำตัวไปสอบนานกว่า 10 ชั่วโมง พร้อมเรียกค่าปรับเป็นเงินกว่า 3.2 แสนบาท แต่เจ้าของร้านไม่มีจ่าย จึงถูกจับส่งดำเนินคดี
          เมื่อเวลา 15.30 น.วันนี้(18 เม.ย.64) ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจาก  นายวาที แขวงนอก และนางมาลัย แขวงนอก เจ้าของร้านค้าเลขที่ 38 ม.12 ต.คูบางหลวง อ.ลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี ว่า ได้มีถูกสาวใหญ่รายหนึ่งอ้างว่าเป็นเจ้าของร้านค้าส่งที่ได้ปิดตัวลงเนื่องจากถูกพิษเศรษฐกิจจากสถานการณ์โควิด-19 ทำให้ขาดสภาพคล่องทางการเงิน จึงได้นำบุหรี่ไทยยี่ห้อกรองทิพย์ 90 และเอสเอ็มเอส มาจำหน่ายให้ในราคาต่ำกว่าท้องตลาดเล็กน้อย โดยสาวใหญ่คนดังกล่าว ได้แจ้งว่าเป็นบุหรี่ถูกต้องตามกฎหมายมีการติดอากรแสตมป์เรียบร้อย จึงได้หลงเชื่อซื้อไว้ทั้งหมด จำนวน 48 แถว หรือ 480 ซอง โดยบุหรี่กรองทิพย์ ซื้อไว้ในราคา แถวละ 830 บาท และ เอสเอ็มเอส ราคาแถวละ 520 บาท และต่อมาได้มีเจ้าหน้าที่สรรพสามิต ได้นำกำลังเข้ามาตรวจที่ร้านแล้วแจ้งข้อหาว่า จำหน่ายบุหรี่ที่มิได้ชำระภาษีอากร ผิดกฎหมาย
          นายวาที แขวงนอก เล่าว่า สาวใหญ่ที่นำบุหรี่มาจำหน่ายให้กับภรรยาตนนั้น ตนไม่ได้ตั้งใจซื้อ แต่ภรรยาตนทนรบเร้าไม่ไหว เนื่องจากสาวใหญ่คนดังกล่าว ได้ขอความเห็นใจเพราะอ้างว่าเดิมขายอยู่ร้านค้าส่งที่ตลาดบางใหญ่ แต่ตลาดถูกปิดไปเพราะสถานการณ์โควิด-19 ทำให้เดือดร้อนมาก สามีก็เลิกรา ลูกก็ไม่มีค่าเทอม รถก็ไม่มีเงินผ่อน ภรรยาตนเลยรู้สึกสงสารจึงช่วยซื้อไว้ ซึ่งสาวใหญ่คนดังกล่าวได้บอกว่าให้สบายใจได้เพราะบุหรี่เป็นของถูกกฎหมายพร้อมกับแสดงความบริสุทธิ์ใจด้วยการยิงบาร์โค้ดที่บุหรี่ให้ดูและหยิบบัตรประจำตัวประชาชนให้ภรรยาของตนถ่ายไว้เป็นหลักฐานด้วย
           นางมาลัย แขวงนอก บอกว่า ตอนที่เจ้าหน้าที่สรรพสามิตเข้ามาจับกุมนั้น ตนก็ได้เล่ารายละเอียดให้ฟัง แต่ทางเจ้าหน้าที่สรรพสามิตไม่สนใจ นำตนไปกักไว้ที่สำนักงานสรรพสามิตตั้งแต่ช่วงประมาณ 13.00 น.ไปจนถึงเวลา 22.00 น.โดยในระหว่างนั้นเจ้าหน้าที่คนหนึ่งได้แจ้งให้ตนนำเงินมาชำระเป็นค่าปรับจำนวน 320,000 บาท ภายในเวลา 12 ชั่วโมง ตนกับสามีไม่มีปัญหาหาเงินมาให้ตามที่เรียกร้อง ทางเจ้าหน้าที่จึงลดให้เหลือ 260,000 บาท โดยให้เวลาหาเงิน 24 ชั่วโมง แล้วจะไม่ดำเนินคดี แต่ตนก็ไม่มีเงินให้ จึงได้ถูกส่งตัวดำเนินคดีดังกล่าว

          ตามรายงานบันทึกการจับกุม ทราบว่า เมื่อเวลา 13.00 น.17 เม.ย.2564 นางนภาพร  นิโครจานนท์ เจ้าพนักงานสรรพสามิตชำนาญการ พร้อมด้วยนายวีระพันธ์  วิจารณกรณ์ และสายตรวจที่ 2  ได้ทำการจับกุมตัวนางมาลัย แขวงนอก อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 38 ม. 12 ต.คูบางงหลวง .อ.ลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี พร้อมด้วยของกลาง โดยกล่าวหาว่า มีไว้เพื่อขายซึ่งสินค้าที่มิได้เสียภาษี เหตุเกิดบริเวณร้านค้าเลขที่ดังกล่าว

           สืบเนื่องจาก  เจ้าหน้าที่สรรพสามิตที่ปทุมธานี 1 ได้รับแจ้งความจากสายลับ ว่าร้านค้าเลขที่ 38 ม.12 ต.คูบางหลวง อ.ลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี ได้จำหน่ายบุหรี่ซิกกาแรต ที่มิได้ชำระภาษี เจ้าหน้าที่สรรพสามิตนำโดย นางนภาพร  นิโครจานนท์ เจ้าพนักงานสรรพสามิตชำนาญการ จึงได้เดินทางไปยังร้านค้าดังกล่าว เพื่อทำการตรวจสอบและสืบสวนหาข้อเท็จจริง พบนางมาลัย แขวงนอก เจ้าของร้าน

       จากการตรวจสอบเจ้าหน้าที่พบบุหรี่ซิกกาแร็ต ยี่ห้อ sms และยี่ห้อกรองทิพย์ 90 วางอยู่ในร้าน เป็นบุหรี่ที่มิได้ชำระภาษี จึงได้แจ้งให้นางมาลัย ทราบว่า  ได้กระทำผิดตาม พ.ร.บ. ภาษีสรรพสามิต พ.ศ. 2560 มาตรา 204 มีไว้เพื่อขายซึ่งสินค้าที่มิได้เสียภาษี ซึ่งเบื้องต้นนางมาลัย ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา จึงได้ควบคุมตัวส่ง สภ.คูบางหลวง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

         นางมาลัย เล่าว่า บุหรี่ดังกล่าว ฯ ตนได้ซื้อมาจากผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ที่บางใหญ่ มาเสนอขาย sms ในราคาแถวละ 520 บาทและ ยี่ห้อกรองทิพย์ 90 ในราคา แถวละ 800 บาท โดยตนไม่ทราบว่าบุหรี่ดังกล่าวเป็นบุหรี่ที่ไม่ได้เสียภาษี

       เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ ทำให้นางมาลัย แขวงนอก ได้ตกเป็นผู้ต้องหา และต้องประกันตัวออกมา โดยมีทนายความดำเนินการติดต่อเช่าหลักทรัพย์จำนวน 200,000 บาท
         ทางด้าน ทนายความผู้ต้องหา ได้ตั้งข้อสังเกตุว่า ปกติร้านค้าหรือบุคคลทั่วไปจะรู้ได้อย่างไรว่าบุหรี่นั้นเสียภาษีหรือไม่ ในเมื่อมีตราอากรแสตมป์ปิดอยู่ที่บุหรี่นั้นๆ และยิ่งเป็นบุหรี่ไทยมิใช่บุหรี่นอกด้วยแล้ว คนที่จะรู้ได้ก็คือเจ้าหน้าที่เท่านั้น และการซื้อบุหรี่ครั้งนี้ ผู้ต้องหามิได้ออกไปเที่ยวหาสั่งซื้อแต่อย่างใด แต่มีผู้นำมาจำหน่ายให้แล้วผู้ขายยังได้แสดงตัวโดยมอบบัตรประจำตัวประชาชนไว้ให้ถ่ายบันทึกเป็นหลักฐานและมีการแสกนบาร์โค้ดของบุหรี่ให้กับผู้ต้องหาได้ดูว่าเป็นของถูกกฎหมาย แล้วจึงหลงเชื่อโดยสำคัญว่าเป็นสินค้าถูกกฎหมาย ด้วยเห็นว่าที่ซองบุหรี่มีอากรแสตมป์ปิดอยู่เช่นเดียวกับที่จำหน่ายปกติทั่วไป

ทนายความผู้ต้องหา ได้กล่าวต่อว่า คดีนี้ดูแล้วมีเงื่อนงำน่าสงสัยมาก ในเบื้องต้นได้ให้ผู้ต้องหาแจ้งความดำเนินคดีกับสาวใหญ่ผู้ที่นำบุหรี่มาจำหน่าย เพราะมีทั้งหลักฐานภาพจากกล้องวงจรปิดและภาพถ่ายบัตรประชาชน ในข้อหาหลอกลวง ทำให้ผู้อื่นได้รับความเสียหายและทำให้ผู้อื่นได้รับโทษทางอาญา แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่รับแจ้งความ อ้างว่าใครเป็นผู้ครอบครองคนนั้นคือผู้กระทำความผิด ซึ่งเรื่องนี้ตนคงไม่ยอม ต้องมีการดำเนินคดีกันอย่างถึงที่สุดแน่นอน

 

CATEGORIES
Share This

COMMENTS

error: Content is protected !!