ปราจีนบุรี – เข้ม! Covid -19 หลังวันเดียวติด 17 รายรวด
ภาพ/ข่าว:มานิตย์ สนับบุญ
เข้ม! Covid -19 หลังวันเดียวติด 17 รายรวด สะสม 70 ราย หมอ รพ.ติด 2 ราย ให้ประชาชนในพื้นที่จังหวัดปราจีนบุรี สวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าทุกครั้งตลอดเวลาที่ออกเคหสถาน หรือสถานที่พำนักของตน พร้อมมีประกาศให้ผู้ที่เป็นผู้สัมผัสโรคหรือเป็นพาหะ มารับการตรวจหรือรักษา หรือรับการชันสูตร ทางการแพทย์ หากฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามคำสั่งนี้ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองหมื่นบาท
เมื่อเวลา 19.40 น.วันนี้ 21 เม.ย.64 ผู้สื่อข่าวประจำ จ.ปราจีนบุรีรายงานว่า หลังจากสำนักงานสาธารณสุข จ.ปราจีนบุรีรายงานสถานการณ์ผู้ป่วยติดเชื้อโควิด -19 ซึ่งพบผู้ติดเชื้อรายวันโดยวันนี้ (21เม.ย.) พบมากที่สุด รวม 17 สะสมรวม 70 ราย รักษาอยู่โรงพยาบาล 69 ราย รักษาหายกลับบ้านแล้ว 1 ราย โดยผู้ป่วยระลอกใหม่ มีบุคลากรทางการแพทย์ 2 ราย ( อ.เมืองปราจีนบุรี จำนวน 12 ราย, อ.ประจันตคาม จำนวน 1 ราย , อ.กบินทร์บุรี จำนวน 3 ราย และ อ.ศรีมโหสถ จำนวน 1ราย ) นายวรพันธุ์ สุวัณณุชณ์ ผวจ.ปราจีนบุรี ได้มีคำสั่งจังหวัดปราจีนบุรี ที่ ปจ. 1180/2564 ระบุข้อความว่า เนื่องจากปัจจุบันพบว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ในพื้นที่จังหวัดปราจีนบุรี พบผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้น และมีประชาชนที่ยังไม่สวมหน้ากากอนามัย ขณะออกนอกเคหสถานหรือสถานที่พำนักของตน และเข้าไปในที่สาธารณะ อันเป็นสาเหตุสำคัญของความเสี่ยง ต่อการแพร่เชื้อ
เพื่อให้การป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ในพื้นที่ จังหวัดปราจีนบุรีเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้น อาศัยอำนาจตามความในข้อ 7 (1) แห่งข้อกำหนดออกตาม ความในมาตรา ๙ แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2558 (ฉบับที่ 1) ลงวันที่ 25 มีนาคม 2563 และมาตรา 34 (2) แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 ผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดปราจีนบุรี ตามมติที่ประชุม ครั้งที่ 4/2564 เมื่อวันที่ 14 เมษายน 2564 จึงมีคำสั่งให้ประชาชนในพื้นที่จังหวัดปราจีนบุรีสวมหน้ากากอนามัยหรือ หน้ากากผ้าทุกครั้งตลอดเวลาที่ออกนอกเคหสถานหรือสถานที่พำนักของตน และเข้าไปในพื้นที่สาธารณะ หากฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามคำสั่งนี้ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองหมื่นบาท ตามมาตรา 51 แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2554 กรณีคำสั่งใดขัดหรือแย้งกับคำสั่งนี้ให้ใช้คำสั่งฉบับนี้แทน อนึ่ง เนื่องจากเป็นกรณีที่มีความจำเป็นเร่งด่วน หากปล่อยให้เนิ่นนานไปจะก่อให้เกิดผลเสีย ร้ายแรงแก่สาธารณชนหรือกระทบต่อประโยชน์สาธารณะ จึงไม่อาจให้คู่กรณีใช้สิทธิโต้แย้งตามมาตรา 30 วรรคสอง (1) แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ.2539 ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2564 เป็นต้นไปผู้สื่อข่าวรายงานต่อไปว่า พร้อมกับได้มีประกาศ เรื่อง มาตรการเฝ้าระวังป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID – 19)ข้อความระบุว่า ด้วยปัจจุบันพบการระบาดระลอกใหม่ ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID – 19) ซึ่งผู้ป่วยมีประวัติเชื่อมโยงสถานที่ต่าง ๆ จำนวนมาก จึงมีความจำเป็นที่จะต้องดำเนินการแก้ไขสถานการณ์ มิให้เกิดการระบาดลุกลามเป็นวงกว้างต่อไป เพื่อให้การป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID – 19) รวมถึงการเร่งตรวจหาเชื้อและสอบสวนโรคเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 34 แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2554 ข้อ 7 (1) ของข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราช กำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี โดยความเห็นชอบ ของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดปราจีนบุรี ในคราวการประชุมครั้งที่ 8/2564 เมื่อวันที่ 14 เมษายน 2564 จึงมีคำสั่งในการป้องกันและควบคุมโรคติดต่อ โดยให้เจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อในพื้นที่ ออกคำสั่งเป็นหนังสือตามแบบแนบท้ายประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และ เงื่อนไขในการดำเนินการหรือออกคำสั่งของเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ พ.ศ.2560 เพื่อให้ผู้ใด ดำเนินการดังต่อไปนี้
ข้อ 1 ให้ผู้ที่เป็นผู้สัมผัสโรคหรือเป็นพาหะ มารับการตรวจหรือรักษา หรือรับการชันสูตร ทางการแพทย์ หากได้รับการวิเคราะห์ว่าเป็นผู้สัมผัสโรคที่มีความเสี่ยงสูง ให้เข้ารับการกักกัน ณ สถานที่ ซึ่งเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อกำหนด ในรูปแบบ Local Quarantine (LQ) หรือรูปแบบอื่นตามที่ เจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อกำหนด เพื่อป้องกันมิให้เชื้อโรคแพร่โดยทางตรงหรือทางอ้อมไปยังผู้ซึ่งอาจ ได้รับเชื้อโรคนั้น ๆ ได้จนกว่าจะได้รับการตรวจและการชันสูตรทางการแพทย์ว่าพ้นระยะติดต่อของโรค หรือสิ้นสุดเหตุอันควรสงสัย ตามคำสั่งของเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ จนกว่าจะมีคำสั่งยกเลิก
ข้อ ๒ ให้เจ้าของ ผู้ครอบครอง หรือผู้พักอาศัยในบ้าน โรงเรือน สถานที่ หรือพาหนะที่มี โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID – 19) ระบาดเกิดขึ้น ดำเนินการปรับปรุงแก้ไข กำจัดความติดโรค หรือทำลายสิ่งใด ๆ ที่มีเชื้อโรคหรือมีเหตุอันควรสงสัยว่ามีเชื้อโรค หรือแก้ไขปรับปรุงการสุขาภิบาล ให้ถูกสุขลักษณะ เพื่อการควบคุมและป้องกันการแพร่ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID – 19) ตามคำสั่งของเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ จนกว่าจะมีคำสั่งยกเลิก
หากฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามคำสั่งนี้ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองหมื่นบาท ตามมาตรา 51 หรือ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาทหรือทั้งจำทั้งปรับตามมาตรา 52 แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558 หรือต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามมาตรา 18 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 กรณีคำสั่งใดขัดหรือแย้งกับคำสั่งนี้ให้ใช้คำสั่งฉบับนี้แทน
สามารถติดตามข่าวสารอื่นๆได้ก่อนใครที่ https://www.siameagle.com
หรือ https://www.facebook.com/siameaglenews/