ปทุมธานี-อนุทินตรวจเยี่ยมจุดคัดกรองโควิด สบยช.

ปทุมธานี-อนุทินตรวจเยี่ยมจุดคัดกรองโควิด สบยช.

ภาพ/ข่าว:อนันต์ วิจิตรประชา

อนุทินตรวจเยี่ยมจุดคัดกรองโควิด สบยช.

              เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 25 เมษายน ที่ สถาบันบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดแห่งชาติบรมราชชนนี จังหวัดปทุมธานี ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี นายอนุทิน ชาญวีรกูลรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยม จุดคัดกรองผู้ป่วยโควิด 19 ที่จะนำผู้ป่วยโควิด 19 ที่ตกค้างเข้าสู่กระบวนการรักษา โดยข้อมูลสำหรับการตรวจเยี่ยมสถาบันบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดแห่งชาติบรมราชชนนี

              ตามมติที่ประชุมการบริหารจัดการเตียง เมื่อวันที่ 24 เมษายน 2564 ที่ กรมการแพทย์ โดยมีหน่วยงานภาคีเครือข่ายเข้าร่วมประชุมเกี่ยวกับการบริหารจัดการเตียงผู้ป่วยโควิด 19 ได้มีการเพิ่ม จุดการคัดกรองผู้ป่วยโควิด 19 ในเขตกรุงเทพฯ 3 จุดคือ 1.หอผู้ป่วยโควิดส่วนขยายสถาบันบำบัดรักษาและ ฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดแห่งชาติบรมราชชนนี 2. ospetel ที่ดูแลโดยสถาบันมะเร็งแห่งชาติ 3. โรงพยาบาลสนามบางขุนเทียน เพื่อรองรับผู้ป่วย โควิด19 ที่ยังตกค้างจำนวน 1,980 คน โดยได้มีการดำเนินการร่วมกันกับภาคีเครือข่าย คือ กรมการแพทย์โรงพยาบาลมหาวิทยาลัย UHosNet กรุงเทพมหานคร กลาโหม โรงพยาบาลเอกชน และสถาบันการแพทย์ฉุกเฉิน (สพ.) เฉพาะคนไข้ที่ตกค้างและทางเครือข่ายจะโทรไปแจ้งผู้ป่วย และส่งรถไปรับมาที่จุดคัดกรอง ทั้ง 3 จุดแบ่งตามโซนพื้นที่ เพื่อที่จะกระจายผู้ป่วยเข้ารับการรักษาต่อไป สำหรับหอผู้ป่วยโควิดส่วนขยายของสถาบันบำบัตรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดแห่งชาติบรมราชชนนี สามารถรองรับผู้ป่วยได้ 200 เตียง โดยได้รับผู้ป่วยเข้ามาการรักษาได้แล้วจำนวน 102 ราย และเตรียมจะเข้า รับการรักษาอีก จำนวน 47 ราย

               ทางด้าน นายอนุทิน กล่าวว่า ได้ประสานกับรัฐมนตรีกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ขอใช้สนามกีฬาอินดอร์สเตเดียมหัวหมาก ใช้เป็น “ศูนย์แรกรับและส่งต่อ” ของกระทรวงสาธารณสุข ช่วยสนับสนุนและแบ่งเบาภาระของ กทม.ในการรับส่งและเตียงผู้ป่วย โดยจะรับผู้ติดเชื้อโควิด 19 ระหว่างรอเตียงมาดูแลโดยทีมแพทย์ พยาบาล พร้อม ยา เวชภัณฑ์อุปกรณ์การแพทย์ ในลักษณะหอผู้ป่วยโควิดรวม ให้ผู้ติดเชื้อได้รับการดูแลเหมาะสมตามอาการ นอกจากนี้ ศูนย์แห่งนี้จะทำหน้าที่ส่งผู้ติดเชื้อไปโรงพยาบาลในสังกัดในเขตปริมณฑลกรณีเตียงใน กทม.เต็ม โดยบ่ายวันนี้ ทีมจากกรมการแพทย์และกรมสนับสนุนบริการสุขภาพจะรีบเข้าไปดำเนินการให้เร็วที่สุด และในอนาคตอาจถูกปรับเป็นศูนย์ฉีดวัคซีนโควิด 19 อีกด้วย และอยากให้ทุกโรงพยาบาลรับทุกคนที่มีเชื้อหรือผู้ที่เป็นโควิด 19 เพราะทางรัฐบาลมีงบประมาณเพื่อที่จะช่วยรักษาทุกคน ถ้าทางโรงพยาบาบเอกชนไม่รับ ให้เดินทางมาที่โรงพยาบาลรัฐบาลได้เลย เดี๋ยวจะนำเรื่องนี้เข้าประชุมให้ช่วยเหลือและรักษาผู้ที่ติดโควิด 19 ให้ได้รับการรักษาทุกคน การเพิ่มขึ้นของผู้ติดเชื้ออย่างรวดเร็วหลังเทศกาลสงกรานต์ ทำให้การจัดการเตียงใน กทม.ค่อนข้างยาก และล่าช้า ทำให้มีผู้ติดเชื้อบางส่วนต้องรอเตียง ซึ่งศูนย์แรกรับนี้จะช่วยให้ผู้ติดเชื้อไม่ต้องรอเตียงที่บ้าน หากมีอาการป่วยจะได้รับการดูแลทันทีด้วยทีมแพทย์ พยาบาลที่จัดเตรียมไว้ และหาก กทม.ยังหาเตียงไม่ได้ก็จะถูกส่งไปโรงพยาบาลในสังกัดรอบๆ กทม.ได้ทันที ผู้ป่วยถึงมือหมอเร็ว ได้รับการรักษาที่เหมาะสมกับอาการ ไม่ปล่อยให้เกิดความสูญเสียขึ้น และที่มีการล่ารายชื่อให้ตนล่าออกจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขนั้นซึ่งตนคิดว่าตนเองก็ยังทำงานและยังมีแพทย์ยังอยากให้ตนเองทำงานตรงนี้อยู่เช่นกันและตนก็ต้องขอบคุณทุกคนที่มาให้กำลังใจผม ส่วนคนที่เข้ามาต่อว่าผมตนเองก็รับฟังไว้ทั้งหมดซึ่งบางครั้งก็มีส่วนที่ตนเองต้องนำไปปรับปรุงและต้องขอบคุณตนเองที่ยังยืนอยู่ได้ถึงทุกวันนี้ซึ่งตำแหน่งนี้ตนเป็นคนขอมาทำหน้าที่ด้วยตนเองตนก็จะทำให้เต็มความสามารถซึ่งตนคิดว่าถ้าถึงเวลาตนจะเดินออกไปเอง ส่วนที่มีข่าวว่าประชาชนประเทศอินเดียจะเดินทางเข้ามาในประเทศไทยซึ่งขณะทางรัฐบาลจะยายการกักตัวของคนกลุ่มนี้เป็นเวลา3 อาทิตย์ไม่ใช่แค่14 ซึ่งขณะนี้ทางงรัฐบาลไทยมีแผนรองรับไว้อยู่แล้วและเราก็ต้องสั่งยาจากประเทศอินเดียอยู่อย่างต่อเนื่องซึ่งประเทศไทยได้มีการสั่งยาจาก 3 ประเทศ 1.ประเทศอินเดีย 2.ประเทศจีน 3.ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งทางเราก็มาตรการเข้มงวดทุกมิติแต่ถ้าเชื้อโรคยังมีความรุนแรงอยู่เราก็ต้องกลับมาประชุมหาทางออกกันอีกครั้งหนึ่ง

สามารถติดตามข่าวสารอื่นๆได้ก่อนใครที่ https://www.siameagle.com
หรือ https://www.facebook.com/siameaglenews/

CATEGORIES
Share This

COMMENTS

error: Content is protected !!