กาญจนบุรี-สองตายายยากจนไร้เงินส่งหลานเรียนต่อวอนผู้ใจบุญช่วยเหลือ
ภาพ-ข่าว:ต๊ะ เมืองกาญจน์
เมื่อวันนี้ 27 มิถุนายน 2564 เวลาประมาณ 13.40 น.ผู้สื่อข่าวเฉพาะกิจอินทรียสยามได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่า มีครอบครัวสองตายายเลี้ยงหลาน 2 คน มีความลำบากยากแค้นมาก ต้องการความช่วยเหลือ จึงได้เดินทางมายังบ้านหลังดังกล่าว ซึ่งอยู่ริมคลองชลประทานรางจิก ไม่มีเลขที่ หมู่ 13 ตำบลหนองขาว อำเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจน บุรี เพื่อมาเยี่ยมสองตา-ยาย ไร้ที่พักพิง ได้แต่อาศัยยุ้งข้าวต่อเติมเป็นที่พักมากว่าสิบปี โดยมีหลานที่ต้องเลี้ยงดูอีก 2 คนเป็นชาย 1 หญิง 1 โดยฝายตาจะเป็นเสาหลักในบ้านหารับจ้างทั่วไป สวนยายและหลานสองคนจะรับจ้างคัดต้นหอมอยู่ภายในบ้านที่ทรุดโทรม แต่ถ้าวันใดไม่มีใครนำต้นหอมมาให้คัดก็จะไม่มีรายได้เสริม ก็จะหนักภาระจากตาเพียงคนเดียวซึ่งต้องออกรับจ้างทำงานทั่วไปมีรายได้เพียงวันละ 300-400 บาท แต่ถ้าวันไหนไม่มีงานก็จะไม่มีรายได้ สุดท้ายหลานชายก็ไม่ได้เรียนต่อ ส่วนหลานสาวก็ยังไม่รู้ว่าจะมีปัญญาส่งเสียเรียนต่อได้หรือไม่ ส่วนเสื้อผ้าที่สวมใส่ก็มีเพียงไม่กี่ชุด มีความขาดแคลนเป็นอย่างมาก กระทั่งชุดชั้นในที่ใส่กันยังมีเพียงแค่คนละ 2-3 ตัวเท่านั้น
ผู้สื่อข่าวได้เดินทางเข้าเยี่ยมโดยไม่ได้นัดหมาย พบว่าบ้านหลังดังกล่าว เป็นยุ้งข้าวที่ถูกดัดแปลงให้เป็นที่พักอาศัยอยู่เรียบริมคลองแถวๆเขตรางจิก ซึ่งผู้สื่อข่าวได้พูดคุยซักถามความเป็นอยู่ของคนในครอบครัวนี้ จนได้รับการเปิดเผยจากผู้เป็นยายชื่อ น.ส.เพียบ สมบูรณ์ อายุ 54 ปี ซึ่งป่วยเป็นโรคหอบ ว่า ได้อยู่กินกับสามีคือนายสมชาติ สุขวิไลรักน์ อายุ 50 ปี ประกอบอาชีพรับจ้างทั่วไป โดยแต่ละวันจะออกหางานรับจ้างนอกบ้านไปเช้าเย็นกลับ บางวันก็กลับดึก โดยใช้ชีวิตร่วมกันมา 10 กว่าปี โดยไม่มีญาติพี่น้องเหลียวแล ทำมาหากินกัน 2 ตา ยาย และตนเองเคยมีบุตรสาวติดมา 1 คน ก็อยู่กันมาได้ไม่นาน เนื่องจากสามีของบุตรสาวได้เสียชีวิตลงแล้วบุตรสาวก็ได้ไปมีสามีใหม่แล้วก็หายไปโดยไม่ติดต่อกลับมา และยังได้ทิ้งลูกไว้ให้ตนเองเลี้ยงอีก 2 คน ซึงตนก็ได้เลี้ยงดูตามกำลังจนหลานชายชื่อนายทรนงค์ ดีนา ปัจจุบันอายุได้ 16 ปี เรียนจบแค่ชั้นมัธยมปีที่ 3 ของโรงเรียนหนองขาวโกวิท แต่ก็ไม่ได้เรียนต่อเพราะไม่มีเงินเพียงพอที่จะส่งเสีย เลยต้องเลิกเรียนมาช่วยรับจ้างหาเงินดูแลครอบครัว ส่วนหลานสาวชื่อ ด.ญ.วรันธร ดีนา ปัจจุบันอายุ 12 ปี เรียนอยู่โรงเรียนรางจิก ซึ่งเพิ่งสมัครเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 แต่เนื่องจากเป็นช่วงโควิด โรเรียนจึงยังไม่เปิด ซึ่งเมื่อถึงเวลโรงเรียนเปิดแล้ว ก็อาจจะไม่ได้ไปเรียน เพราะสภาพการเงินแย่มาก กลัวจะส่งเรียนไม่ไหว
ผู้สื่อข่าวได้สำรวจสภาพภายในบ้านเพื่อดูความเป็นอยู่รวมถึงการทำอาหารการกินของทั้ง 4 คน พบว่า ครัวที่ใช้ทำอาหารก็เป็นเตาถ่านที่ตั้งวางเรียงรายอยู่บนพื้นดิน ใช้ฟืนหุงหาอาหารแต่โชคยังดีมีไฟฟ้าใช้ ซึ่งเป็นไฟของเกษตร ซึ่งภสยในบ้านพบว่ามีเพียงหลอดไฟส่องสว่างเพียง 2 หลอดเท่านั้น ส่วนน้ำที่ใช้ก็เป็นน้ำในลำคลอง ส่วนฝาบ้านก็ทำไว้อย่างรวกๆ ซึ่งทราบว่าตายายว่าถ้าวันใดฝนตกลงมาแถบจะไม่ได้นอนกันทั้ง 4 คนเลย เพราะหลังคาบ้านเกิดรอยรั่วเป็นส่วนมาก ต้องทนจนกว่าฝนจะหยุดตกจึงจะได้นอน
นายสมชาติ สุขวิไลรักน์ อายุ 50 ปี บอกว่า ที่พักอาศัยนี้มีผู้ใจบุญให้พักอาศัยเพราะเป็นโรงยุ้งข้าวเก่าๆที่ไม่ได้ใช้ เลยได้อาศัยแล้วต่อเติมเล็กๆน้อยเพื่อให้อยู่กันได้โดยหลังคาตนไม่มีปัญญาซื้อมาเปลี่ยนใหม่ รายได้ที่ได้มาก็จะเก็บไว้กินเล็กน้อย ส่วนหนึ่งก็เอาไว้ให้หลานได้ร่ำเรียน
ด.ญ.วรันธร อายุ 12 ปี เปิดเผยว่า ในขณะนี้นายทนงค์ผู้เป็นพี่ชายได้หยุดเรียนแล้วเพราะไม่มีเงินที่จะเรียนต่อ หวังเพียงแต่ให้ตนได้มีโอกาสได้เรียนผู้เดียวเพราะตนกำลังขึ้นชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ของโรงเรียนหนองขาวโกวิท ตำบลหนองขาว และที่นายทนงค์ พี่ชายต้องเลิกเรียนเพราะตากับยายส่งไม่ไหวจึงพยายามส่งเสียตนให้ได้เรียนต่อเพียงผู้เดียว ซึ่งก็ยังไม่รู้ว่า เมื่อโรงเรียนเปิดจะมีเงินไปเรียนได้หรือไม่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เด็กทั้ง 2 คน เป็นเด็กเรียนเก่งมุมานะเต็มกำลังที่จะรับการศึกษา แต่ด้วยสภาวะครอบครับที่แร้นแค้น และอยู่ในช่วงสถานการณ์โรคระบาด ทำให้ขาดทุนทรัพย์ จึงอยากฝากไปถึงทางพัฒนาสังคมจังหวัดกาญจนบุรี และท่านผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรีรวมถึงเหลากาชาดจังหวัดกาญจนบุรี ได้เข้ามาให้ความช่วยเหลือเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับครอบครัวนี้ และ หาวิธีการแก้ปัญหาในเรื่องการศึกษาของเด็กทั้ง 2 คน ให้ได้รับโอกาสที่จะศึกษาต่อ ส่วนผู้้ใจบุญท่านใดที่ต้องการสนับสนุนช่วยเหลือครอบครัวนี้หรือต้องการสนับสนุนทุนการศึกษาให้กับเด็กทั้ง 2 คน สามารถติดต่อผ่านผู้สื่อข่าวในพื้นที่ ได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 098-5255270 “ต๊ะ เมืองกาญจน์” หัวหน้าศูนย์ข่าวอินทรีสยาม จังหวัดกาญจนบุรี