เชียงใหม่-พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่ม 6 ราย มาจากพื้นที่ควบคุมสูงสุด
ภาพ-ข่าว:สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงใหม่
จังหวัดเชียงใหม่พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มอีก 6 ราย เป็นผู้เดินทางกลับมาจากพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 3 ราย และสัมผัสในครอบครัวอีก 3 ราย ย้ำผู้ที่เดินทางกลับมาจากพื้นที่ควบคุมเข้มงวดและสูงสุดจะต้องกักตัวอย่างเคร่งครัด เพื่อไม่ให้เกิดการระบาดเป็นวงกว้าง
วันนี้ (1 ก.ค. 64) จังหวัดเชียงใหม่ พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่เพิ่มขึ้นอีก 6 ราย ทำให้ขณะนี้ยอดผู้ติดเชื้อสะสมรวมเป็น 4,175 ราย โดยมีผู้ที่รักษาหายแล้ว 4,100 ราย และยังคงมีผู้ติดเชื้อที่รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลทุกประเภท จำนวน 49 ราย แยกเป็นกลุ่มผู้ป่วยที่ไม่มีอาการหรืออาการเล็กน้อย (สีเขียว) 32 ราย อาการปานกลาง (สีเหลือง) 13 ราย อาการค่อนข้างหนัก (สีส้ม) 3 ราย และ มีอาการหนัก (สีแดง) 1 ราย แต่ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่มเติม ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตสะสมของจังหวัดเชียงใหม่ยังอยู่ที่ 26 ราย เท่าเดิม สำหรับการตรวจคัดกรองโรคโควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ได้มีการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ทั้งในกลุ่มผู้สัมผัสเสี่ยงสูงและผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ รวมทั้งหมด 962 ราย พบติดเชื้อ 6 ราย ส่วนปัจจัยเสี่ยงในการติดเชื้อยังเป็นเช่นเดิม คือ การมีผู้สัมผัสโรคในจังหวัดเสี่ยง ซึ่งเป็นจังหวัดพื้นที่เสี่ยงสูงและเข้มงวด (สีแดงเข้ม) แล้วเดินทางเข้ามาในจังหวัดเชียงใหม่ ทำให้มีโอกาสเสี่ยงที่จะนำเชื้อมาแพร่กระจายเชื้อไปสู่ครอบครัวและพื้นที่อื่นๆ โดยรายละเอียดของผู้ติดเชื้อทั้ง 6 ราย มีดังนี้
ผู้ติดเชื้อรายแรก รหัส CM 4253 เป็นเพศชาย อายุ 28 ปี ภูมิลำเนาอยู่ในอำเภอสันทราย อาชีพพนักงานต้อนรับภาคพื้นดิน มีประวัติสัมผัสกับผู้ติดเชื้อรหัส CM 4228 ซึ่งเป็นพี่สาวเดินทางกลับมาจากกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน ต่อมาวันที่ 25 มิถุนายนทราบผลว่าพี่สาวติดเชื้อโควิด-19 จึงได้ทำการกักตัวอยู่บ้าน วันที่ 29 มิถุนายน เริ่มมีอา การไข้ และเจ็บคอ วันที่ 30 มิถุนายนจึงเข้ารับการตรวจหาเชื้อที่โรงพยาบาลเอกชน ผลเป็นบวกจึงได้เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล สำหรับผู้ป่วยรายนี้ไม่มีผู้สัมผัสเสี่ยงสูง เนื่องจากอยู่ระหว่างการกักตัว
รายที่ 2 ผู้ป่วยรหัส CM 4254 เพศหญิง อายุ 28 ปี อาชีพนักแสดงอิสระ ภูมิลำเนาอยู่ในอำเภอเมืองเชียงใหม่ มีประวัติเดินทางกลับมาจากกรุงเทพฯ วันที่ 26 มิถุนายน ด้วยสายการบินไทยสมายล์ เที่ยวบินที่ WE102 เวลา 7.55 น. เมื่อถึงสนามบินเชียงใหม่พ่อมารับด้วยรถยนต์ส่วนตัว ไปรับประทานอาหารที่ร้านเนื้อวัวรสเยื่ยมย่านคูเมือง ไปร้านกาแฟ the baristo ย่านวัดอุโมงค์ และไปรับประทานอาหารเย็นที่ร้านครัวอาจารย์สายหยุด วันที่ 27 มิถุนายนเดินทางไปร้าน ฮ้านถึงเจียงใหม่ ร้านกาแฟ Brewging coffee ย่านช้างม่อย วัดพระธาตุหริภุญชัย จังหวัดลำพูน ร้าน black to basic และรับประทานอาหารเย็นที่ร้าน inbox coffee bar วันที่ 28 มิถุนายน ไปรับประทานอาหารที่ร้านสุกี้ช้างเผือก สาขาหลังมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ร้านกาแฟ GRAPH ย่านศิริมังคลาจารย์ และร้านขนม ซีดู คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และคืนวันเดียวกันเริ่มมีอาการไข้ หนาวสั่น วันที่ 30 มิถุนายน จึงเข้ารับการตรวจหาเชื้อที่โรงพยาบาลเอกชน ผลเป็นบวกจึงได้เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล จากการสอบสวนพบผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 4 ราย เป็นผู้สัมผัสในครอบครัว และผู้ที่ร่วมเดินทางโดยสายการบินไทยสมายล์ เที่ยวบินที่ WE102 วันที่ 26 มิถุนายน เวลา 07.55 – 09.00 น. ส่วนผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำตามร้านต่างๆ ให้เฝ้าสังเกตอาการจนครบ 14 วัน
รายที่ 3 ผู้ป่วยรหัส CM 4255 เพศชาย อายุ 25 ปี อาชีพ product specialist มีประวัติเดินทางกลับมาจากกรุงเทพฯ วันที่ 28 มิถุนายน ด้วยสายการบินไทยสมายล์ เที่ยวบินที่ WE102 ที่นั่ง 51B พร้อมกับเพื่อนอีก 4 คน เมื่อถึงสนามบินเชียงใหม่เดินทางไปคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ด้วยรถตู้สนามบิน และเข้าพักที่ โรงแรม the y boutique hotel วันที่ 29 มิถุนายน เดินทางไปทำงานที่คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ โดยทำงานอยู่ในห้องคนเดียว ต่อมาวันที่ 30 มิถุนายน เริ่มมีอาการไข้ จมูกไม่ได้กลิ่น ลิ้นไม่รับรส จึงเข้ารับการตรวจหาเชื้อและเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลสันทราย จากการสอบสวนโรคพบผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 9 ราย เป็นผู้สัมผัสในที่ทำงาน 8 ราย และสัมผัสในขุมชนอีก 1 ราย ส่วนผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำอยู่ระหว่างการสอบสวนโรค
รายที่ 4 ผู้ป่วยรหัส CM4256 เพศหญิง อายุ 82 ปี เริ่มมีอาการไอ มีเสมหะ เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน และรายที่ 5 ผู้ป่วยรหัส CM4257 เพศหญิง อายุ 63 ปี ไม่มีอาการป่วย ทั้งคู่ภูมิลำเนาอยู่ในจังหวัดลำพูน มีประวัติเดินทางมาตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาลมหาราชฯ เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน ลูกชายซึ่งเดินทางมาจากกรุงเทพฯทราบว่าแม่และพี่สาวมาตรวจที่โรงพยาบาลจึงแวะมาหา ใช้เวลาคุยกันประมาณ 1-2 ชั่วโมง จากนั้นได้เดินทางกลับไปกรุงเทพฯ และพบว่ามีอาการผิดปกติ จึงเข้ารับการตรวจหาเชื้อ ทราบว่าผลเป็นบวก ในวันที่ 30 มิถุนายน จึงได้เดินทางมาตรวจหาเชื้อที่โรงพยาบาลมหาราชฯ และผลปรากฏว่าติดเชื้อโควิด-19 จึงได้เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลมหาราชฯ ในวันที่ 1 กรกฎาคม จากการสอบสวนโรคพบผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 1 ราย เป็นผู้สัมผัสร่วมบ้าน
รายที่ 6 ผู้ป่วยรหัส CM4258 เพศหญิง อายุ 41 ปี สัญชาติเมียนมาร์ มีประวัติเดินทางกลับมาจากกรุงเทพ เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน ทางรถไฟ โดยเดินทางมาพร้อมกับสามีเพื่อมาหางานทำ ถึงจังหวัดเชียงใหม่ วันที่ 29 มิถุนายน เวลา 10.00 น. และมีเพื่อนมารับไปยังหอพักย่านช้างคลาน และเข้ารับการตรวจหาเชื้อที่โรงพยาบาลเอกชน ต่อมาวันที่ 30 มิถุนายนผลจากการตรวจหาเชื้อพบว่าเป็นบวก จากการสอบสวนโรคพบผู้สัมผัสเสี่ยงสูงจำนวน 3 ราย เป็นผู้สัมผัสร่วมบ้าน 1 ราย ผลตรวจในรอบแรกไม่พบเชื้อ ส่วนผู้สัมผัสร่วมยานพาหนะอีก 2 ราย อยู่ระหว่างรอผลการตรวจ
โดยขณะนี้ผู้ติดเชื้อทั้ง 6 ราย ได้เข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลแล้ว และเจ้าหน้าที่ได้เร่งทำการสอบสวนโรคและติดตามเฝ้าระวังกลุ่มเสี่ยงอีกเป็นจำนวนมาก เพื่อไม่ให้เกิดการระบาดเป็นวงกว้าง โดยผลการตรวจจะเป็นอย่างไรจะมีการแจ้งให้ทราบภายหลังต่อไป ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่าทั้ง 6 ราย เป็นผู้ที่ติดเชื้อที่มาจากปัจจัยเสี่ยง คือ การเดินทางกลับมาจากจังหวัดที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยง และเป็นผู้สัมผัสในครอบครัว จึงขอย้ำเตือนให้ทุกท่านที่ไปในพื้นที่เสี่ยง หรือสัมผัสกับผู้ติดเชื้อ เคร่งครัดกับการกักตัว และต้องระมัด ระวังเรื่องความใกล้ชิดในครอบครัว และเพื่อนร่วมงาน ซึ่งอาจเป็นสาเหตุของการเกิดการระบาดที่เป็นกลุ่มก้อน หรือ Cluster ได้ง่าย หากพบว่ามีอาการผิดปกติให้ไปทำการตรวจหาเชื้อโดยด่วน
ส่วนการฉีดวัคซีนจังหวัดเชียงใหม่ ยังคงต้องรณรงค์กันอย่างเร่งด่วน โดยเป้าหมายการเกิดภูมิคุ้มกันหมู่ของประชาชนเชียงใหม่จะต้องฉีดวัคซีน 1.2 ล้านคน ขณะนี้มีผู้ประสงค์ฉีดแล้ว 851,405 คน หรือคิดเป็นร้อยละ 71 ในขณะที่มีผู้ฉีดวัคซีนไปแล้ว 133,186 คน จึงขอเชิญชวนพี่น้องทุกคนมาร่วมใจกันฉีดวัคซีน เพื่อเป็นกำแพงปกป้องโรค COVID-19 ให้กับคนเชียงใหม่ โดยจองคิวผ่านเว็บเบส “ก๋ำแปงเวียง” ที่เดียว ส่วนหน่วยงานหรือองค์กรต่างๆ สามารถส่งรายชื่อเป็นองค์กรเข้ามาจองคิวได้ที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่