ประจวบคีรีขันธ์-ชาวบ้านดีใจโฉนดที่ดินนิคมสร้างตนเองใกล้เป็นจริง
ภาพ/ข่าว:พันธุ์พงษ์ โพธิ์จินดา
ชาวบ้านดีใจโฉนดที่ดินนิคมสร้างตนเองประจวบคีรีขันธ์ใกล้เป็นจริง
เป็นเวลากว่า 24 ปี นับตั้งแต่ปี พ.ศ.2540 ที่สำนักงานที่ดินจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ได้ระงับการออกโฉนดที่ดินให้กับประชาชนที่ถือครองหนังสือแสดงการทำประโยชน์หรือ น.ค.3 เขตนิคมสร้างตนเองจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ที่ก่อตั้งตามพระราชกฤษฎีกานิคมสร้างตนเองมาตั้งแต่ พ.ศ.2512 เพราะกรมป่าไม้มีหนังสือแจ้งว่าเป็นพื้นที่ทับซ้อนกับเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่ากุยบุรี และประกาศไว้เป็นกฎกระทรวง ในปี 2511 จึงเกินอำนาจของกรมที่ดินที่จะดำเนินการได้จนกว่าจะมีการแก้ไขแผนที่แนบท้ายกฎกระทรวงใหม่ และมีหนังสือจากกรมป่าไม้แจ้งให้ดำเนินได้เสียก่อน ด้วยเหตุนี้ ประชาชนอีกหลายพันรายจึงขาดโอกาสที่จะได้ถือครองเอกสารสิทธิ์แบบโฉนดที่ดิน เกิดปัญหาในการสืบทอดมรดกแก่ลูกหลาน เพราะที่ดิน น.ค.3 ไม่สามารถนำมาแบ่งแยกให้ลูกหลานได้มากว่า 1 ราย หมดโอกาสแปลงสินทรัพย์เป็นทุนในการเลี้ยงชีพเพราะกฎหมายห้ามไว้ ความคืบหน้าล่าสุด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 1 กรกฎาคม 2564 นายมนตรี ปาน้อยนนท์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จ.ประจวบคีรีขันธ์ เขต 1 อ.สามร้อยยอด อ.กุยบุรี และอ.เมืองประจวบฯ ได้นำคณะกรรมการสภาองค์กรชุมชนตำบลอ่าวน้อย นำโดยนายรวบ เปรมประสิทธิ์ เดินทางเข้าพบผู้บริหารกรมป่าไม้ เพื่อขอหารือและสอบถามความคืบหน้าการดำเนินงานต่อกรณีดังกล่าว มีนายชีวะภาพ ชีวะธรรม รองอธิบดีกรมป่าไม้ และคณะให้การต้อนรับ
นายชีวะภาพ กล่าวว่า อธิบดีกรมป่าไม้ ได้สั่งการให้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาพิจารณาศึกษาเพื่อแก้ปัญหาเรื่องที่ดินทับซ้อนซึ่งมีอยู่ในหลายจังหวัดทั่วประเทศ โดยมอบหมายให้ตนทำหน้าที่ประธานคณะทำงาน ที่ดินทับซ้อนเขตนิคมสร้างตนเองประจวบคีรีขันธ์ เกิดมากว่า 50 ปี มีรายละเอียดซับซ้อนทั้งในเชิงกฎหมายและยังเกี่ยวข้องกับหน่วยราชการหลายกรมหลายกระทรวง เท่าที่ตนได้ดูรายละเอียดและข้อมูลที่เกี่ยวข้องพบว่าแนวทางในการแก้ปัญหานี้หลายเรื่องได้ดำเนินการไปมากแล้ว อย่างไรก็ตามตนจะเร่งนัดหมายจัดการประชุมโดยเชิญทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้เข้ามาร่วมเป็นคณะทำงานอย่างบูรณาการ ให้มีประสิทธิภาพ เกิดความรวดเร็ว และสมบูรณ์ถูกต้องตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป ทั้งนี้อาจต้องเชิญตัวแทนหรือผู้ประสานงานจากสภาองค์กรชุมชนตำบลอ่าวน้อย เข้าร่วมการประชุมด้วย
“ต้องขอบคุณนายมนตรี เป็นอย่างสูงที่เข้ามาช่วยเหลือผลักดันการแก้ปัญหาอย่างต่อเนื่องจริงจัง โดยเฉพาะการพาคณะเข้าพบเพื่อรายงานปัญหาต่อท่านปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2564 ขอบคุณส่วนราชการหลายหน่วยงานที่ให้ความอนุเคราะห์ ได้แก่ นิคมสร้างตนเองจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 10 สาขาเพชรบุรี สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ” นายรวบกล่าว