นครสวรรค์-อบจ.ห่วงใยพี่น้องปชช. อาสาพากลับบ้านหลังปลอดเชื้อ
ภาพ/ข่าว:ชาติชาย เกียรติพิริยะ
อบจ.ห่วงใยพี่น้องประชาชน อาสาพากลับบ้าน พร้อมตรวจหาเชื้อ คัดกรองแยกกลุ่ม วางแผนทำ CI / HI แยกกักตัวครบ 14 วัน ตรวจอีก ปลอดเชื้อส่งกลับบ้าน
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 19 กรกฎาคม 2564 ที่ห้องประชุมศูนย์กำกับและควบคุมการปฏิบัติ องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครสวรรค์ พลตำรวจเอกสมศักดิ์ จันทะพิงค์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครสวรรค์ พร้อมด้วย นายมานพ บุญผสม นายเชิดพันธุ์ มาศรี นางสุดฤทัย เศรษฐนันท์ รองนายกอบจ. พลตำรวจตรีวิฑูรย์ คลังพลอย ที่ปรึกษานายก อบจ. ร้อยตำรวจโทพิทักษ์ พันธ์งิ้ว เลขานายก อบจ. นายไกรสิน ศิลปาจารย์ ปลัด อบจ. นายสันติ จันทร์เผิบ สิบเอกพิทยา นาคกุญชร รองปลัด อบจ. และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุมปรึกษาหารือกับนางสาวบุษกร สุรรังสรรค์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สป.สช.) จังหวัดนครสวรรค์ นางสุชารัตน์ หมายเจริญ นายบัญชา คุ้มคูณ หัวหน้ากลุ่มงาน สป.สช. นครสวรรค์ เพื่อปรึกษาหารือ หาแนวทางในการช่วยเหลือประชาชน ให้ปลอดภัยจากโรคโควิค-19 รวมทั้งเป็นการลดภาระของโรงพยาบาลสนาม ที่กำลังจะไม่มีเตียงมากพอที่จะรองรับผู้ป่วย ซึ่งกำลังมียอดผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มมากขึ้นทุกวัน
โดยจากการศึกษาและตรวจสอบพบว่า มีประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนาจำนวนมาก หลังจากที่มีคำสั่งปิดแคมป์คนงานก่อสร้าง บางส่วนสามารถเดินทางกลับบ้านได้ บางส่วนไม่สามารถเดินทางกลับได้ และผู้ที่กลับมาแล้วไม่ได้มีการตรวจสอบคัดกรองแยกประเภทว่าติดเชื้อหรือไม่ติดเชื้อ หรือไม่ได้มีการกักตัวแยกจากครอบครัว เมื่อมีผู้ติดเชื้อแต่ยังไม่แสดงอาการไปอยู่ร่วมกับผู้อื่น ทำให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อย่างรวดเร็ว จึงเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้มียอดผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มสูงขึ้นมาก เตียงที่โรงพยาบาลสนามจึงเริ่มไม่พอ ต้องเตรียมเปิดโรงพยาบาลสนามเพิ่มขึ้นอีก และคงจะไม่เพียงพอไปเรื่อยๆ ถ้ายังไม่มีระบบคัดกรองคนเดินทางกลับบ้าน ในส่วนนี้ ทาง อบจ.นครสวรรค์ มีการประชุมวางแผนเตรียมอาคารสัมมนาและจัดแสดงนิทรรศการ แหล่งท่องเที่ยวบึงบอระเพ็ด รองรับผู้เดินทางกลับภูมิลำเนาด้วยการตรวจเชื้อ คัดกรองแยกกลุ่ม โดยผู้ที่ติดเชื้อ จะส่งเข้าระบบของสาธารณสุขของ ศบค.จังหวัด ส่วนผู้ที่ตรวจแล้วยังไม่พบเชื้อจะถูกส่งเข้าระบบ Community Isolation หรือ CI ของ อบจ.ที่จะจัดดำเนินการร่วมกับบุคลากรทางการแพทย์ ด้วยการจัดสถานที่แยกกักตัวครบ 14 วัน และตรวจหาเชื้อก่อนส่งกลับบ้าน ซึ่งในเบื้องต้นนางสาวบุษกร สุรรังสรรค์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สป.สช.นครสวรรค์ กล่าวว่า “ขณะนี้ มีการแบ่งระดับอาการผู้ป่วย ออกเป็น 3 กลุ่มคือ สีเขียว สีเหลือง สีแดง โดยกลุ่มผู้ป่วยสีเขียว คือ ผู้ป่วยอาการไม่มาก หรือไม่มีอาการ หรืออาการน้อยๆ ไม่มีโรคร่วม อาการดีหมด ซึ่งกลุ่มสีเขียวเราอาจจะให้กักตัวอยู่ที่บ้าน (Home Isolation หรือ HI) ดูแลตัวเองไปก่อน หากกลุ่มสีเหลือง-กลุ่มสีแดง จะทำการส่งเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลสนามหรือโรงพยาบาลศูนย์”
นายกอบจ.กล่าวว่า “ที่ผ่านมา คนที่กลับบ้านไม่ได้มีการจัดเข้าระบบ และไม่ได้แจ้งหน่วยงานของรัฐ ทำให้เมื่อกลับไปยังภูมิลำเนาแล้วจึงเกิดการแพร่ระบาด ทางอบจ.จึงเห็นควรให้ผู้ที่กลับภูมิลำเนาได้เข้ามารายงานตัวและกักตัวก่อนเพื่อความมั่นใจว่าปลอดภัยไม่ติดเชื้อ ทั้งนี้หากประชาชนประสงค์จะกลับบ้าน ทั้งผู้ปกติและผู้ป่วยที่ต้องการกลับภูมิลำเนา อบจ.พร้อมอาสาพากลับบ้าน ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนในประเทศไทย อบจ.พร้อมที่จะนำรถเข้าไปรับ โดยมีการบริหารจัดการเป็นระบบปิด แยกผู้ปกติกับผู้ป่วย และหลังจากนั้นจะนำผู้เดินทางที่มีอาการปกติจะถูกนำส่งตัวไปยังอาคารสัมมนาและจัดแสดงนิทรรศการ แหล่งท่องเที่ยวบึงบอระเพ็ด (สถานที่กักตัวที่รัฐจัดให้ หรือ Local Quarantine) หากไม่พบเชื้อกักตัวจนครบ 14 วัน ก็สามารถกลับบ้านได้โดยปลอดเชื้อโควิด-19 ซึ่งในระหว่างการกักตัว จะมีการตรวจหาเชื้อโควิด-19 อีกครั้งประมาณ 7 วัน และในกรณีที่ตรวจพบเชื้อโรงพยาบาลจะมารับนำตัวไปรับการรักษาทันที และสำหรับผู้เดินทางที่มีอาการป่วยจะนำส่งเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล” หลังจากการประชุม นายกอบจ.และคณะเจ้าหน้าที่จาก สปสช.ได้เดินทางไปยังอาคารสัมมนาและจัดแสดงนิทรรศการ แหล่งท่องเที่ยวบึงบอระเพ็ด เพื่อตรวจดูสถานที่ เตรียมความพร้อมรับประชาชนที่มีความประสงค์จะกลับภูมิลำเนา และกักตัวก่อนส่งถึงบ้าน ซึ่งทาง อบจ.พร้อมที่จะให้การช่วยเหลือดูแลทุกอย่าง ทั้งนี้อยู่ในระหว่างการประชุมหารือถึงขั้นตอน วิธีการ และระเบียบของ ศบค. ที่จะต้องดำเนินการให่้เป็นไปตามระบบที่ถูกต้อง และได้รับความเห็นชอบจาก ศบค. ที่จะต้องดำเนินการอย่างละเอียด รอบคอบ สามารถตรวจสอบได้ทั้งระบบ