ราชบุรี-สุดเศร้า ครอบครัวรดน้ำศพพยาบาลสาวเครียดงานลาโลก

ราชบุรี-สุดเศร้า ครอบครัวรดน้ำศพพยาบาลสาวเครียดงานลาโลก

ภาพ/ข่าว:สุจินต์ นฤภัย(เต้)

สุดเศร้าครอบครัว รดน้ำศพนางพยาบาลสาวเครียดงานลาโลก โต้ไม่ได้ติดโควิด

          จากกรณีเมื่อเวลา 05.00 น. วันที่ 19 ก.ค.64 ที่ผ่านมา เกิดเรื่องน่าเศร้าเมื่อ น.ส.ปวีณา สุกรีฑา อายุ 34 ปี เจ้าหน้าที่พยาบาลวิชาชีพ ที่ปฏิบัติหน้าที่ดูแลผู้ป่วยที่ติดเชื้อโควิด-19 ที่ชั้น 4 ของโรงพยาบาลเมตตาประชารักษ์ (วัดไร่ขิง) อ.สามพราน จ.นครปฐม ได้กระโดดตึกเสียชีวิต ร่างถูกพบอยู่ข้างล่างอาคารตึก 9 ชั้น พบศพนอนเสียชีวิตอยู่ในชุดสวมชุดป้องกันเชื้อ พีพีอี นอนหงายเสียชีวิต มีกองเลือดและรองเท้าสีขาวหลุดอยู่ใกล้ศพ จากการสอบถามจนท.ภายในโรงพยาบาล ทราบเพียงว่า ได้ยินเสียงดังตุ๊บ เหมือนวัตถุตกกระแทกพื้น จึงรีบวิ่งไปดูเห็นพยาบาล ตอนนั้นยังไม่เสียชีวิต หายใจรวยริน จึงช่วยกันพยายามปั๊มหัวใจแต่พยาบาลไม่มีความรู้สึกตอบสนองไม่ถึง 5 นาทีก็เสียชีวิต โดยยังไม่มีใครทราบสาเหตุ คาดว่ากระโดดจากตึกชั้น 4 ซึ่งเป็นตึกดูแลผู้ป่วยโควิด-19 มีผู้ป่วยที่ต้องดูแลจำนวนมากจนล้นห้อง จนเพื่อนผู้เสียชีวิตได้เปิดเผยว่า ผู้เสียชีวิตเคยบ่นว่าเหนื่อย เพราะรับผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้นทุกวันจนล้นออกมานอกห้อง ประกอบกับผู้เสียชีวิตเพิ่งคลอดลูกได้ 3 เดือน แต่ไม่ได้กลับไปดูแลลูกเลย เพราะผู้เสียชีวิตมีหน้าที่เป็นพยาบาล อยู่ในวอร์ดดูแลผู้ป่วยโควิด-19 โดยทำงานแทบไม่ได้พัก ซึ่งช่วงเวลาพักก็ไม่สามารถกลับบ้านได้ เพราะกลัวจะเอาเชื้อจากผู้ป่วยไปติดลูกติดครอบครัวที่บ้าน ซึ่งก่อนหน้านี้ผู้เสียชีวิต ได้ทำเรื่องขอย้ายไปแผนกอื่น เพราะเธอท้องแล้วต้องคลอดลูกดูแลลูก แต่คำสั่งมีผลเดือนหน้า ทำให้ 3 เดือนหลังคลอดลูก เธอไม่ได้กลับบ้านไปดูลูกเลย จนคาคว่าเป็นสาเหตุให้เธอตัดสินใจคิดสั้น
          ล่าสุดเมื่อเวลา 15.30 น. วันนี้ (20 ก.ค.64) ญาติของ น.ส.ปวีณา ได้นำร่างของเธอมาประกอบพิธีรดน้ำศพ และบำเพ็ญกุศลที่วัดตาลเตี้ย ต.ดอนใหญ่ อ.บางแพ จ.ราชบุรี ท่ามกลางความเสียใจของสามีและญาติพี่น้อง รวมทั้งน้องแอม อายุ 4 ขวบ กับน้องแฮม 3 เดือน ลูกชายทั้งสองของ น.ส.ปวีณา ซึ่งในพิธีพิธีรดน้ำศพมี พระเทพศาสนภิบาล เจ้าคณะภาค 14 เจ้าอาวาสวัดไร่ขิง จ.นครปฐม มาเป็นประธานสงฆ์ และ ด.ร.สาธิต ปิตุเตชะ รมต.ช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข มาเป็นประธานฝ่านฆราวาส พร้อมมี นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์, นายสุรศักดิ์ เจริญศิริโชติ ผวจ.นครปฐม, นายแพทย์วิโรจน์ รัตนอมรสกุล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครปฐม, นายแพทย์เกรียงไกร นามไธสง ผอ.รพ.วัดไร่ขิง เมตตาประชารักษ์, แพทย์หญิงปาจรีย์ อารีย์รบ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดราชบุรี เข้าร่วมรดน้ำศพและแสดงความเสียใจต่อครอบครัวของ น.ส.ปาวีณา ด้วย โดยภายหลังเสร็จพิธีรดน้ำศพของ น.ส.ปวีณา ทางสำนักงานประกันสังคมจ.นครปฐม ได้มอบเงินของผู้ประกันตนให้กับทางสามีของ น.ส.ปวีณา เป็นจำนวนเงิน 86,529.41 บาท โดยมีผวจ.นครปฐม เป็นตัวแทนมอบเงินดังกล่าว ซึ่งศพของ น.ส.ปวีณา ทางครอบครัวจะตั้งศพบำเพ็ญกุศล สวดพระอภิธรรม เป็นเวลา 2 คืน และจะประกอบพิธีฌาปนกิจ ในวันที่ 22 ก.ค.64 เวลา 15.00 น.
          ด้าน นายแพทย์เกรียงไกร นามไธสง ผอ.รพ.วัดไร่ขิง เมตตาประชารักษ์ กล่าวว่า ก่อนอื่นตนต้องขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของผู้เสียชีวิต ทางรพ.เมตตาประชารักษ์ ซึ่งเป็นต้นสังกัดของจนท.ท่านนี้ มีความรู้สึกเสียใจ และจะพยายามดูแลครอบครัวเขาให้ดีที่สุด สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น คือจนท.ได้กระโดดจากตึกชั้น 4 จากสถานที่ที่ทำงานแล้วลงมาที่พื้นเสียชีวิต เราได้ช่วยชีวิตจนท.คนนี้อย่างเต็มที่ สุดท้ายก็ไม่ไหวเขาได้จากเราไป ส่วนเรื่องที่มีข่าวรายงานว่า ผู้เสียชีวิตติดโควิด ทางรพ.ได้ตรวจอย่างชัดเจนพิสูจน์แล้ว ผู้เสียชีวิตไม่ได้ติดโควิด อย่างไรก็ตามคนไข้ทำงานเป็นพยาบาลมีหน้าที่ดูแลผู้ป่วยติดโควิดระหว่างเสียชีวิต เขามีนิสัยส่วนตัวปกติ อาจจะมีเก็บตัวบ้างนิดหน่อย ซึ่งตอนนี้อยู่ระหว่างสอบสวนอยู่ คงต้องให้สถาบันที่มีความเชี่ยวชาญด้านนี้เข้ามาสอบสวนก่อน ซึ่งคาคว่ามาจากหลายสาเหตุ ยังไงก็ตามขอให้รอฟังผลสอบสวนดีกว่า เพราะว่าหลายเรื่องเป็นเรื่องยุ่งยากซับซ้อนเกินไป ซึ่งผลการสอบสวนน่าจะออกเร็วๆนี้ เพราะเรื่องเกิดเมื่อวานอาจจะต้องใช้เวลาสอบสวนนานนิดนึง คิดว่าผลสอบสวนคงจะออกเร็วที่สุด
          ขณะที่สามีของผู้เสียชีวิต (ขอสงวนชื่อและนามสกุล) ได้เปิดใจกับทางทีมข่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นน่าจะเกิดจากความเครียดจากการทำงาน เพราะแฟนของตนปฏิบัติงานเป็นส่วนหน้า ที่ต้องเจอกับโรคนี้ไม่มีใครรู้หรอกว่ามันเกิดขึ้นได้กับทุกคน บุคลากรทางการแพทย์เขาต้องเจอภาวะเครียดไม่ใช่จากบ้าน มันเครียดจากที่ทำงาน ในส่วนของแฟนไม่ได้กลับบ้าน ไม่ได้เจอลูก ทำให้เกิดความเครียดสะสม ส่วนที่มีการเสนอข่าวว่า แฟนของตนติดเชื้อโควิด แล้วนำมาติดลูกนั้นไม่เป็นความจริง ผลสวอฟออกมาแล้วว่าเป็นลบ ไม่ได้ติดโควิด แล้วนักข่าวเอาไปเขียนโดยไม่ทราบสาเหตุ ไม่ได้ดูก่อนว่ามันเกิดอะไรขึ้น ไม่ได้ตรวจสอบ ไม่ได้วิเคราะห์อะไรเลย แค่ไปเสพข่าวมาแล้วเอาไปลง แล้วทำให้ครอบครัวผู้เสียชีวิตเสียหาย ซึ่งแฟนของตนเสียไปแล้วไม่สามารถลุกขึ้นมาพูดอะไรได้ ไม่สามารถจะมาร้องสิทธิของตัวเองได้ ในส่วนนี้ถ้าประชาชนทั่วไปจะเสพข่าวเท็จก็เป็นสิทธิของเขา แต่ถ้าจะเสพในทางที่ถูกต้องมันก็ดีไป เพราะฉะนั้นไอ้เรื่องที่ว่าตนจะมาดำเนินคดีกับแหล่งข่าวพวกนี้ ตนคงไม่ทำเพราะมันจะยืดยาวเสียเวลา สาวเรื่องกันไปก็ไม่จบ ส่วนเรื่องลูกจะดูแลให้ดีที่สุดของที่สุด เท่าที่จะทำได้ อยากฝากถึงจนท.พยาบาลให้ดูแลตัวเองด้วย ตนเห็นใจจนท.กับบุคลากรทางการแพทย์ที่อยู่ด่านหน้า ที่อยู่ในส่วนของการดูแลผู้ป่วยติดโควิด เพราะกว่าจะเสร็จในแต่ละเคสมันใช้เวลา ใส่ชุดPPE มันไม่ใช่ชุดที่ใส่แล้วเย็นใส่แล้วมันร้อน ควรจะเห็นใจจนท. ประชาชนทั่วไปควรที่จะดูแลตัวเองให้มากกว่านี้ ไม่ใช่ติดแล้วจะร้องไม่มีเตียง ไม่มีอะไร ควรที่จะดูแลตัวเองก่อน ก่อนที่จะร้องขออะไร

CATEGORIES
TAGS
Share This

COMMENTS

error: Content is protected !!