นครปฐม-ภารกิจช่วยคน…ประวัติศาสตร์แห่งวัดไผ่ล้อม

นครปฐม-ภารกิจช่วยคน…ประวัติศาสตร์แห่งวัดไผ่ล้อม

ภาพ/ข่าว:คัคเนศวร์  พรอัศวโยธิน

ภารกิจช่วยคนประวัติศาสตร์แห่งวัดไผ่ล้อม

                     เจริญพรญาติโยมผู้อ่านทุกท่าน สถานการณ์การแพร่ระบาดของสายพันธุ์เดลต้าหนักขึ้นในทุกขณะ จำนวนผู้ป่วยใหม่มากกว่าจำนวนผู้หายป่วย มีผู้ป่วยเสียชีวิตคาบ้าน หรือคาถนนหลายกรณี เป็นข่าวน่าสะเทือนใจอยู่ทุกวัน ๆ ก็นับว่าน่าเห็นใจบุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้าเป็นอย่างมาก เพราะงานล้นมือเต็มที คนติดมีทุกหัวระแหง สาหัสเหลือเกิน เกินกว่าที่กำลังของบุคลากรทั้งหมดจะช่วยได้อย่างทั่วถึง

                       แต่คนไทยก็คือคนไทย คนไทยที่มีพื้นฐานน้ำจิตน้ำใจจากหลักธรรมในพุทธศาสนา เมื่อบ้านเมืองมีภัย เช่น น้ำท่วม ไฟไหม้ ธารน้ำใจของคนไทยก็ไหลหลั่ง ออกกันมาช่วยเหลือตามกำลังความสามารถที่มี แม้ในวิกฤตการณ์ครั้งนี้ พื้นที่ของเหล่าจิตอาสาอาจจะดูน้อย เพราะเป็นเรื่องโรคระบาด รวมตัวก็ไม่ได้ และได้รับผลกระทบถ้วนหน้าทั่วประเทศ แต่ธารน้ำใจก็ไม่เคยเหือดหาย เรายังพบกลุ่มคน กลุ่มอาสาสมัครที่คอยทำอาหาร แจกข้าวแจกน้ำ ระดมทุนจัดซื้อสิ่งต่าง ๆ ให้แก่บุคลากรทางการแพทย์ ตรงนี้ก็เป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ที่เป็นจุดเด่นของคนไทยเสมอมา

                       วัด คือองค์กรทางสังคมที่สำคัญของสังคมไทย ในวิกฤตการณ์ครั้งนี้วัดก็มีส่วนในการช่วยเหลือผู้คน ทั้งช่วยคนเป็น และคนที่จากไป อย่างไม่นานมานี้ วัดไผ่ล้อมก็ช่วยเหลือครอบครัวหนึ่งซึ่งติดโควิดยกบ้าน 7 คน และเรื่องที่น่าสะเทือนใจยิ่ง คือ ในครอบครัวนั้นมีแม่ลูกอ่อนคนหนึ่งที่มีลูกอายุราว 17 วันติดด้วย เป็นที่น่าเวทนามาก อาตมาทำได้เพียงช่วยเหลือติดตามข่าวสาร ส่งสิ่งของ เวชภัณฑ์ที่จำเป็นให้แก่ครอบครัวเท่านั้น หรือการสงเคราะห์ผู้จากไปอย่างการเผาศพผู้เสียชีวิต ก็ยังดำเนินการต่อไป วันละ 2 ร่าง โดยจัดพิธีศพโดยสังเขป แต่ครบถ้วนตามประเพณี

                     อีกภารกิจหนึ่งของวัดไผ่ล้อมในสถานการณ์เช่นนี้ คือ เรื่องสมุนไพรซึ่งกำลังเป็นที่สนใจ เป็นทางเลือกหลักของการรักษาและป้องกันโรค เช่น กระชายขาว ซึ่งมีลูกศิษย์ของอาตมากำลังปลูกอยู่ และนำกระชายมาแปรรูปเป็นเครื่องดื่มต่าง ๆ เช่น กระชายน้ำผึ้งมะนาว ทำให้ดื่มง่าย อร่อยดี มีคุณประโยชน์ กระชายขาวนี้มีการศึกษาว่ามีสารที่ยับยั้งการขยายตัวของเชื้อไวรัส รวมทั้งในเรือนจำที่มีการระบาดอย่างรุนแรงก่อนหน้านี้ก็มีการต้มน้ำกระชายขาวให้ผู้ติดเชื้อกิน ร่วมกับฟ้าทะลายโจร และน้ำขิง ก็พบว่าอาการของผู้ติดเชื้อดีขึ้นเป็นลำดับ เป็นโอกาสอันดีที่เวลานี้วัดไผ่ล้อม ร่วมกับคณะศิษยานุศิษย์ซึ่งมีคุณวุฒิด้านการแพทย์แผนไทย ได้จัดตั้งคลินิกการแพทย์แผนไทยประยุกต์ เทพทองโอสถ อยู่ภายใต้การดูแลของมูลนิธิหลวงพ่อพูล กำลังจะผลิตฟ้าทะลายโจร กระชายขาวอัดเม็ด และตัวยาสมุนไพรอื่น ๆ ซึ่งได้ขึ้นทะเบียน อย. แล้ว เพื่อแจกจ่ายแก่ญาติโยมในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19   ในปัจจุบันนี้ การรู้ผลตรวจว่าตนเองติดโควิดแล้วหรือยังนั้นง่ายขึ้น เพราะมีเครื่องตรวจด่วน แยงจมูกได้ด้วยตนเอง ใครติดก็จะขึ้นสองขีด ซึ่งแน่นอนว่าใคร ๆ ก็ไม่อยากจะให้ขึ้นสองขีด ขึ้นขีดเดียวสบายใจ เริ่มมีขีดที่สองเมื่อไรใจเต้นถึงตาตุ่ม แต่เมื่อขึ้นสองขีดแล้วจริง ๆ จะทำอย่างไร
                   ไม่ต้องตกใจเกินเหตุ หากขึ้นสองขีด แสดงการติดเชื้อ สิ่งแรกที่เราต้องทำคือ สังเกตอาการว่ามีข้อใดบ้าง เช่น ไข้ ไอ เจ็บคอ ปวดเมื่อยตามตัว ไปจนถึงอาการที่เริ่มรุนแรงขึ้น อย่างหายใจลำบาก มีอาการหอบเหนื่อย ท้องเสีย ในระหว่างที่รอความช่วยเหลือ เราสามารถดูแลตนเองได้ในเบื้องต้น นั่นคือ การดื่มเกลือแร่อุ่น ๆ อาจจะเป็นเกลือแร่ชง หรือเกลือแร่เครื่องดื่ม แต่ขอให้อุ่น เพื่อทดแทนเกลือแร่ที่ร่างกายสูญเสีย และในระหว่างที่ยังไม่ได้ยาฟาวิพิราเวียร์ อาจใช้ยาฟ้าทะลายโจรที่อาจจะมีอยู่ วันละสามเวลา ครั้งละ 4 เม็ด ติดต่อกันไม่เกินห้าวัน ซึ่งช่วยบรรเทาอาการอันเกิดจากไวรัสได้ก่อนที่ความช่วยเหลือจะมาถึง

                   เราต้องยอมรับว่าความช่วยเหลือในยามนี้อาจจะไม่ทั่วถึงจริง ๆ เพราะบุคลากรมีจำกัด แต่คนติดเชื้อมีมาก และกระจายตัวอย่างมากเช่นเดียวกัน ดังนั้น ความรู้เรื่องดูแลตนเองเบื้องต้นเมื่อตรวจพบว่าติดเชื้อจึงเป็นเรื่องสำคัญ

                    อย่างไรก็ตาม สิ่งที่อาตมาจะขอเตือนคือ ฟ้าทะลายโจรเหมาะแก่คนที่มีอาการแล้ว เพราะฟ้าทะลายโจรมีฤทธิ์แรง แม้จะเป็นสมุนไพร ขึ้นชื่อว่ายา แต่ยาที่เกินขนาดนั่นคือยาพิษอย่างหนึ่ง ถ้าไม่มีอาการ กินเพียงวันละเม็ด หรือไม่ต้องกินเลย มิฉะนั้นสารในฟ้าทะลายโจรจะสะสมในตับมากเกินไป จนไม่อาจให้ยาแผนปัจจุบันที่ควรจะให้ได้อีก กลายเป็นพิษแก่ตับไป หากไม่ติดเชื้อ และอยากจะกินสมุนไพรเสริมภูมิคุ้มกัน ป้องกันโรค แนะนำเป็นกระชายขาวดีกว่า

                   นี่แหละคือประวัติศาสตร์ของวัดไผ่ล้อม ซึ่งก็มีส่วนในวิกฤตการณ์ของชาติ และวิกฤติการณ์ของโลก ด้วยการช่วยเหลือผู้คนตามกำลังที่วัดไผ่ล้อมทำได้ ตามศักยภาพที่วัดไผ่ล้อมทำได้ เพราะวัดคือสถาบันทางสังคมที่สำคัญ พระอยู่ได้ด้วยปัจจัยไทยธรรมของญาติโยมฉันใด เมื่อมีวิกฤตการณ์ วัดก็ต้องเป็นที่พึ่งทั้งทางกายภาพ คือ ความช่วยเหลือต่าง ๆ และรวมถึงเป็นที่พึ่งทางจิตใจ เพราะธรรมดาของผู้คน เมื่อเห็นผ้าเหลือง ก็เหมือนเห็นธงชัยแห่งพระอรหันต์ อย่างการเผาศพผู้ติดเชื้อนั้น อย่างน้อยที่สุด ในการเผาศพที่ต้องทำอย่างรวดเร็ว การมีพิธีศพอย่างสังเขป มีพระสงฆ์สวดพระอภิธรรม มีการบังสุกุล เพียงเท่านี้คือยาใจของผู้สูญเสียซึ่งอาตมาเห็นได้ผ่านแววตาของญาติผู้เสียชีวิต ที่อย่างน้อยก็อุ่นใจที่ผู้จากไปไม่ได้ไปอย่างโดดเดี่ยว  ขอให้ญาติโยมทุกท่าน จงมีกำลังกาย และกำลังใจที่เข้มแข็งในการผ่านพ้นวิกฤตการณ์ในครั้งนี้ ขอเจริญพร

สามารถติดตามข่าวสารอื่นๆได้ก่อนใครที่ https://www.siameagle.com
หรือ https://www.facebook.com/siameaglenews/

CATEGORIES
TAGS
Share This

COMMENTS

error: Content is protected !!