แถลงข่าว “จุดยืนลดภาระทางการศึกษา” เพื่อชี้แจงแนวทางในการช่วยเหลือนักเรียน ผู้ปกครอง และครู
นวรัตน์ รามสูต: สรุป/เรียบเรียง
ทิพย์สุดา ศรีษะแก้ว, สถาพร ถาวรสุข, ยุทธพงศ์ เลือกกลั่นดี: ถ่ายภาพ
กิตติภณ / รายงาน.
แถลงข่าว “จุดยืนลดภาระทางการศึกษา” เพื่อชี้แจงแนวทางในการช่วยเหลือนักเรียน ผู้ปกครอง และครู ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
เมื่อวันจันทร์ที่ 16 สิงหาคม 2564 นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานในการแถลงข่าว “จุดยืนลดภาระทางการศึกษา” เพื่อชี้แจงแนวทางในการช่วยเหลือนักเรียน ผู้ปกครอง และครู ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ตามมาตรการลดภาระทางการศึกษา ของกระทรวงศึกษาธิการและรัฐบาล โดยได้รับเกียรติจากนายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ถ่ายทอดสัญญาณผ่านระบบออนไลน์เข้ามาร่วมในพิธี และมีคุณหญิงกัลยา โสภณพนิช และนางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ พร้อมด้วยนายสุทธิชัย จรูญเนตร ที่ปรึกษา รมว.ศธ. นายณรงค์ ดูดิง และนายกมล รอดคล้าย ที่ปรึกษา รมช.ศธ. เข้าร่วมการแถลงข่าว และผู้บริหารองค์กรหลักของ ศธ. และนายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รักษาการเลขาธิการ กสทช. ร่วมชี้แจงมาตรการช่วยเหลือที่เกี่ยวข้อง ณ ห้องโถงอาคารราชวัลลภ กระทรวงศึกษาธิการ พร้อมทั้งถ่ายทอดสดผ่านระบบออนไลน์ให้สื่อมวลชน และสาธารณชน รับชมรับฟังพร้อมกันทั่วประเทศ
นางสาวตรีนุช เทียนทอง รมว.ศธ. กล่าวว่า ภายใต้ภาวะวิกฤติในปัจจุบัน กระทรวงศึกษาธิการให้ความสำคัญกับเด็กและเยาวชน รวมถึงผู้เรียนในทุกระดับชั้น ให้ได้รับการศึกษาอย่างเท่าเทียมถ้วนหน้า โดยคำนึงถึงการลดภาระค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้นกับผู้ปกครองนักเรียน รวมถึงคุณครูที่เป็นด่านหน้าในการจัดการศึกษาให้แก่นักเรียน กระทรวงศึกษาธิการจึงได้ออกมาตรการลดภาระทางการศึกษา เพื่อเยียวยาและบรรเทาความเดือดร้อนของนักเรียน ครู และผู้ปกครอง ทั่วประเทศ
มาตรการที่ 1 การจ่ายเงิน “เยียวยานักเรียน” ทุกคนทุกสังกัด คนละ 2,000 บาท โดยผู้ปกครองรับเงินเต็มจำนวน ต่อนักเรียน 1 คน โดยไม่หักค่าใช้จ่ายใดๆ เพื่อบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษา ให้แก่นักเรียนนักศึกษาที่กำลังศึกษาอยู่ในสถานศึกษาสังกัด ศธ. ทั้งภาครัฐและเอกชน รวมถึงสถานศึกษานอกสังกัด ศธ. อาทิ โรงเรียนสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน และโรงเรียนทุกสังกัดที่เปิดสอนการศึกษาขั้นพื้นฐาน ตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาล-ม.6 และอาชีวศึกษา ซึ่งมีอยู่ราว 11 ล้านคน รวมทั้งสิ้น 22,000 ล้านบาท คาดว่าจะได้รับภายในวันที่ 31 สิงหาคมถึงต้นเดือนกันยายนนี้
มาตรการที่ 2 อินเทอร์เน็ตฟรีสำหรับการเรียน ซึ่งได้รับความร่วมมือจากกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในการสนับสนุนอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์สำหรับการเรียนออนไลน์ เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายของผู้ปกครองที่มีบุตรหลานเป็นนักเรียนในระดับชั้นอนุบาล-มัธยมศึกษา สังกัด สพฐ. รวมถึงนักเรียนนักศึกษาสังกัดอาชีวศึกษา และสังกัด กศน. ที่มีการเรียนการสอนแบบออนไลน์ จำนวน 3.6 ล้านคน รวมมูลค่ากว่า 600 ล้านบาท ในช่วงระหว่างวันที่ 15 สิงหาคมถึง 15 ตุลาคม 2564 (2 เดือน) โดยสนับสนุนใน 2 รูปแบบ คือ แบบที่ 1 ช่วย Top-up แพ็กเกจอินเทอร์เน็ตมือถือให้เบอร์ที่นักเรียนใช้เรียนออนไลน์ ทั้งระบบเติมเงินและรายเดือน สามารถใช้งานแอปพลิเคชันเพื่อการเรียนการสอนได้แบบไม่จำกัด อาทิ Microsoft Teams, Google Meet, ZOOM, Cisco Meeting, WebEx และ Line Chat พร้อมอินเทอร์เน็ตอีก 2GB สำหรับการใช้งานอื่นๆ และแบบที่ 2 ช่วยจ่ายค่าอินเทอร์เน็ตบ้าน โดยหักจากบิลค่าบริการ เดือนละ 79 บาท (ยังไม่รวม VAT) เป็นเวลา 2 เดือน ซึ่งนักเรียนสามารถเลือกรับสิทธิได้อย่างใดอย่างหนึ่ง และรับได้ 1 คนต่อ 1 สิทธิ
มาตรการที่ 3 การลดภาระงานครูและนักเรียน โดยให้ครูลดการรายงานและโครงการต่างๆ ให้คงไว้เฉพาะที่จำเป็น ส่วนนอกเหนือจากนี้ให้ชะลอไปก่อนจนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น รวมถึงลดการประเมินต่างๆ ทั้งที่เป็นงานของหน่วยงานภายในและภายนอก ให้เหลือ 3 โครงการ หรือ 1% จากเดิมที่มี 72 โครงการ หรือ 32% เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการสอนของครูให้มากขึ้น ขณะที่การลดภาระนักเรียน เพื่อให้เด็กได้เรียนในสิ่งที่ต้องเรียนอย่างเต็มที่ ให้ครูและผู้ปกครองร่วมกันส่งเสริมและพัฒนาการเรียนรู้ โดยให้การบ้านเท่าที่จำเป็น เน้นหลักฐานการเรียนรู้มากกว่าการสอบ เช่น ภาระงาน การบ้าน พฤติกรรมของนักเรียน เป็นต้น รวมถึงการนับเวลาเรียนรูปแบบใหม่ ที่จะนับเวลาเมื่อนักเรียนเกิดการเรียนรู้ เช่น การเรียนออนไลน์ การทำการบ้าน หรือการออกกำลัง ซึ่งการนับเมื่อเกิดการเรียนรู้จะช่วยลดความตึงเครียด ให้ครูและนักเรียนได้จัดการเรียนรู้ในรูปแบบที่หลากหลาย ไม่ต้องเรียนผ่านหน้าจอคอมพิวเตอร์หรือสมาร์ทโฟนเพียงอย่างเดียว
“นอกจากนี้ ต้องมีการปรับเปลี่ยนการใช้งบประมาณต่างๆ โดยเฉพาะงบอุดหนุนรายหัวในบางรายการที่เดิมกำหนดไว้ชัดเจนว่าจะต้องใช้จ่ายในเรื่องนี้เท่านั้น เช่น งบหนังสือจะต้องซื้อหนังสือเท่านั้น ในส่วนนี้ต้องปรับให้มีความยืดหยุ่นเพื่อให้สถานศึกษานำไปลดภาระครูต่อไป ซึ่งการปรับงบประมาณบางรายการต้องขออนุมัติจาก ครม. โดยกระทรวงศึกษาธิการจะเร่งทำเรื่องเสนอให้ ครม. พิจารณาโดยเร็ว ส่วนงบไหนที่กระทรวงฯสามารถปรับแก้ระเบียบเองได้ จะเร่งเสนอให้ที่ประชุมคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) พิจารณาเห็นชอบโดยเร็ว เพื่อให้ครูมีความยืดหยุ่นในการทำงาน และพัฒนาการเรียนการสอนได้โดยเร็ว” รมว.ศธ. กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวตอนหนึ่งว่า รัฐบาลและกระทรวงศึกษาธิการ มีนโยบายการจัดการศึกษาเพื่อสร้างโอกาสทางการศึกษาให้กับผู้เรียนทุกคนอย่างเท่าเทียม ทั้งในด้านองค์ความรู้ ที่จะเป็นประโยชน์ต่อการดำเนินชีวิตและการประกอบอาชีพในอนาคต พร้อมร่วมกันพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนการสอนที่มีประสิทธิภาพ ได้มาตรฐาน เพื่อสนับสนุนการเรียนของนักเรียนจากที่บ้าน และยังเน้นการปลูกฝังวินัย คุณธรรม จริยธรรม รู้ความเป็นมาประวัติศาสตร์ชาติ รับผิดชอบต่อสังคม เพื่อเป็นทักษะพื้นฐานในการเจริญเติบโตเป็นพลเมืองที่ดีของประเทศ ในส่วนของครู เด็ก ผู้ปกครอง จะต้องได้รับการพัฒนาไปพร้อมกันในรูปแบบ Active Learning เป็นกระบวนการเรียนการสอนที่เน้นให้การมีส่วนร่วมของผู้เรียน สามารถกระตุ้นความสนใจ และมีปฏิสัมพันธ์ร่วมกันระหว่างเด็ก ครู และวิธีสอนอย่างมีประสิทธิภาพ ขอฝากให้กระทรวงศึกษาธิการ เตรียมความพร้อมและสนับสนุนการจัดการเรียนการสอนของครูให้เท่าทันต่อการเปลี่ยนแปลง นำเทคโนโลยีมาใช้ให้สอดคล้องกับสังคมวิถีปกติใหม่ (New normal) พร้อมทั้งนำนโยบายด้านการศึกษาของรัฐบาลที่เคยมอบไว้ ไปสู่การปฏิบัติ ทั้งปรับหลักสูตรและรูปแบบการเรียนการสอน ตำราเรียนให้มีความทันสมัย สร้างและกระตุ้นให้ผู้เรียนพัฒนาตนเอง โดยเรียนรู้ด้านวิชาการและการปฏิบัติควบคู่กันไป เพื่อให้มีทักษะเพื่อการมีงานทำ เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และเพื่อเป็นที่ยอมรับของสังคมโลกต่อไป
สามารถติดตามข่าวสารอื่นๆได้ก่อนใครที่ https://www.siameagle.com
หรือ https://www.facebook.com/siameaglenews/