สมุทรปราการ-รอง ผอ.โรงพยาบาลสมุทรปราการ ยอมรับเกิดขึ้นจริงตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงแล้ว

สมุทรปราการ-รอง ผอ.โรงพยาบาลสมุทรปราการ ยอมรับเกิดขึ้นจริงตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงแล้ว

ภาพ/ข่าว:สุรศักดิ์ / อัญมณี คงสินธ์ 

รอง ผอ.โรงพยาบาลสมุทรปราการ ยอมรับเกิดขึ้นจริงตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงแล้ว

                    จากกรณีที่ มีคลิปวงจรปิด เจ้าหน้าที่รับส่งผู้ป่วยเทศบาลแห่งหนึ่ง กับ เจ้าหน้าที่เวรเปลโรงพยาบาลกำลังวางมวยกันในโรงพยาบาล บริเวณหน้าห้องฉุกเฉิน โดยเหตุเกิดเมื่อช่วงบ่าย วันที่ 28 สิงหาคม 2564 ที่ผ่านมา ตามที่ข่าวได้นำเสนอไปแล้วนั้น และในวันนี้ที่ 1 กันยายน 2564 ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังโรงพยาบาลสมุทรปราการ ซึ่งเป็นสถานที่ที่เกิดเหตุ เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
                    โดยได้รับการเปิดเผยจาก นายแพทย์ปฎิวัติ วงศ์งาน รองผู้อำนวยการด้านการแพทย์ โรงพยาบาลสมุทรปราการ ว่า เท่าที่ได้รับรายงานมาพบเป็นเหตุทะเลาะวิวาทระหว่างผู้ที่มาส่งผู้ป่วยโควิดกับพนักงานเวรเปล โดยได้ตั้งทีมคณะสอบสวนข้อเท็จจริง ผลเบื้องต้นน่าจะมีมูลในพฤติกรรมที่น่าจะเป็นความผิด โดยขั้นตอนต่อไปก็จะตั้งคณะกรรมการสอบสวนความผิดด้านวินัย โดยจากการตรวจสอบจากคลิปวีดีโอที่บันทึกได้ค่อนข้างมีพฤติกรรมควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ โดยเหตุเกิดจากที่มีทีมมาส่งผู้ป่วยโควิด ทีมที่มาส่งใส่ชุด ppe ครบถ้วน ส่วนเวรเปลสวมชุดเวรเปลธรรมดาไม่ได้สวมชุดป้องกันได้เข็นเปลเข้ามาให้ และ อยากให้ไปส่งถึงตัวเต็นท์เลย ซึ่งห่างออกไปประมาณ 20 เมตร ทางทีมที่มาส่งถามว่าทำไมไม่ช่วยกัน ทำให้เกิดมีปากเสียงกัน มีการดึงเสื้อ ผลักอก และ มีชกต่อยกัน ตามคลิปโดยเหมือนคนของเราเป็นฝ่ายต่อย
                    โดยจากการสอบถามที่ไม่ช่วยเนื่องจากเวรเปลไม่ได้สวมชุดป้องกัน โดยความผิดอยู่ที่การควบคุมอารมณ์การทำงานร่วมกัน ควรจะควบคุมอารมณ์ได้มากกว่านี้ โดยในสถานการณ์ที่ทุกคนทำงานหนักอาจจะมีการควบคุมอารมณ์กันไม่อยู่ได้ โดยเบื้องต้นเวรเปลคนดังกล่าว ได้ให้ย้ายไปทำงานอยู่ในแผนกซักฟอก และ งดโอที ในระหว่างตั้งคณะกรรมการสอบสวน ส่วนสาเหตุน่าจะเกิดมาจากการไม่เข้าใจในการแบ่งหน้าที่การทำงาน โดยเท่าที่ได้ข้อมูลมายังไม่พบสาเหตุอื่นที่ทำให้ทะเลาะกัน และเมื่อวานท่านรองผู้อำนวยการฝ่ายบริหารได้โทรศัพท์ติดต่อไปหาท่านนายกเทศมนตรีของเทศบาลตำบลบางเมือง ซึ่งเป็นหน่วยคู่กรณี เพื่อเชิญตัวผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ให้มาให้ข้อมูลจะได้ไม่เป็นการฟังความฝ่ายเดียว ซึ่งเหตุการณ์จะเป็นอย่างไรก็คงต้องขึ้นอยู่กับกระบวนการสอบสวนข้อเท็จจริง แต่อย่างที่บอกไปเบื้องต้นคดีน่าจะมีมูล ซึ่งก่อนหน้านี้ก็มีเกิดขึ้นเป็นธรรมดาแต่ก็ไม่เคยจนถึงขั้นชกต่อยกันขนาดนี้ ส่วนการลงโทษคงต้องพิจารณาจากผลของการสอบสวนก่อน ส่วนบทลงโทษสูงสุดก็คือให้ออก ถ้ามีความผิดจริง เรื่องนี้ถึงแม้ว่าจะดูว่าเป็นเรื่องแค่ทะเลาะกันเพียงเล็กน้อย แต่มองว่าเป็นเรื่องของการควบคุมอารมณ์และควบคุมความโกรธ ซึ่งถ้าควบคุมไม่ได้สถานการณ์มันอาจจะรุนแรงกว่านี้ เพราะฉะนั้นถ้าน่างานตรงนี้ยังควบคุมอารมณ์ไม่ได้ ก็คงจะไม่เหมาะที่จะปฏิบัติงานตรงนี้ ซึ่งจากการสอบถามข้อมูลเบื้องต้นซึ่งตัวเขาเองก็ยอมรับว่าผิดจริงที่ลงไม้ลงมือ แต่ก็ยังไม่ได้ลงในเรื่องรายละเอียด ซึ่งก็จะเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการสืบสวน ถ้าเราพบว่าการสืบสวนมีมูลความผิดก็จะไปสู่คณะกรรมการสอบสวนวินัยต่อไป  ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวได้พยายามติดต่อไปทางเจ้าหน้าที่ของเทศบาลตำบลบางเมือง คู่กรณี แต่ได้รับคำตอบไม่พร้อมที่จะให้ข่าว


สามารถติดตามข่าวสารอื่นๆได้ก่อนใครที่ https://www.siameagle.com
หรือ https://www.facebook.com/siameaglenews/

CATEGORIES
Share This

COMMENTS

error: Content is protected !!