เพชรบุรี-กรมศิลป์ฯ ตรวจสอบเสาไม้โบราณสมัยกรุงศรีอยุธยาที่พระสรรเพชญ์ที่ 8 ในศาลาการเปรียญ
ภาพ/ข่าว:สุรพล นาคนคร จ.เพชรบุรี
กรมศิลป์ฯ ตรวจสอบเสาไม้โบราณสมัยกรุงศรีอยุธยาที่พระสรรเพชญ์ที่ 8 ในศาลาการเปรียญ
กรมศิลป์ฯ ตรวจสอบเสาไม้โบราณสมัยกรุงศรีอยุธยาที่พระสรรเพชญ์ที่ 8 ในศาลาการเปรียญ (ตำหนักพระเจ้าเสือ) วัดใหญ่สุวรรณาราม “แตก-ทรุดตัว” คาดเนื้อไม้เก่าอายุกว่า 300 ปี หมดสภาพการใช้งาน เตรียมหาวิธีการซ่อมแซม สืบเนื่องจาก ผศ.แสนประเสริฐ ปานเนียม อาจารย์มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี พร้อมด้วยคณะช่างเมืองเพชรบุรีได้ตรวจสอบพบเสาไม้แปดเหลี่ยมศาลาการเปรียญวัดใหญ่สุวรรณาราม อ.เมือง จ.เพชรบุรี ซึ่งเป็นพระตำหนักโบราณในสมัยกรุงศรีอยุธยาที่พระสรรเพชญ์ที่ 8 หรือ “พระเจ้าเสือ” พระราชทานให้สมเด็จพระสังฆราชแตงโมใช้เป็นศาลาการเปรียญของวัดใหญ่สุวรรณาราม ขณะนี้พบเสาไม้แปดเหลี่ยมลงรักปิดทองมีร่องรอยการปริแตกของเนื้อไม้เป็นรอยใหม่มีความยาวประมาณ 3 เมตร
นอกจากนี้ยังพบเสาไม้อีกหลายต้นมีรอยแตกของเนื้อไม้ และมีแมลงปลวกกัดกินเนื้อไม้ได้รับความเสียหาย จึงดำเนินการแจ้งเจ้าอาวาสวัดใหญ่สุวรรณาราม และสำนักศิลปากรที่ 1 ราชบุรี ให้ดำเนินการตรวจสอบ ต่อมาเมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 7 ตุลาคม ณ ศาลาการเปรียญวัดใหญ่สุวรรณาราม ต.ท่าราบ อ.เมือง จ.เพชรบุรี นางศาริสา จินดาวงษ์ ผู้อำนวยการสำนักศิลปากรที่ 1 ราชบุรี นายณัฐพล ระดาฤทธิ์ ผู้อำนวยการกลุ่มอนุรักษ์โบราณสถาน สำนักศิลปากรที่ 1 ราชบุรี ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบกรณีเสาไม้ศาลาวัดใหญ่สุวรรณาราม มีร่องรอยปริแตกเสียหาย โดยมี พระครูวัชรสุวรรณาทร เจ้าอาวาสวัดใหญ่สุวรรณาราม พระอารามหลวง เจ้าคณะอำเภอเมืองเพชรบุรี นายณัฐวุฒิ เพ็ชรพรหมศร รอง ผวจ.เพชรบุรี รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี น.ส.เอกรัตน์ นาคาคง รอง ผวจ.เพชรบุรี นายสุชาติ อุสาหะ ส.ส.เพชรบุรี เขต 3 พรรคพลังประชารัฐ ประธานคณะกรรมาธิการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร ผศ.แสนประเสริฐ ปานเนียม อาจารย์มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี นายธานินทร์ ชื่นใจ นายกฤษดากร อินกงลาส ช่างเมืองเพชรบุรี พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องร่วมตรวจสอบและหารือถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาดังกล่าว
พระครูวัชรสุวรรณาทร กล่าวว่า ศาลาการเปรียญหลังนี้อายุเก่าแก่สร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยา ที่ผ่านมามีร่องรอยการแตกแยกของเนื้อไม้แทบจะทุกต้น ทั้งบริเวณโค่นเสาและกลางลำต้น ส่วนเสาที่พบเป็นรอยใหม่เพิ่งแตกมีความยาวประมาณ 3 เมตร ลึกประมาณ 1 – 2 เซนติเมตร เกรงว่าถ้าปล่อยไว้จะได้รับความเสียหายและส่งผลกระทบต่อโครงสร้างหลังคาและระบบรับน้ำหนักของศาลา ขณะเดียวกันช่วงนี้เป็นช่วงฤดูฝน เวลาฝนตกหนักทำให้มีน้ำท่วมขังใต้ถุนศาลาการเปรียญส่งผลให้เสาบางต้นเกิดการทรุดตัว จึงต้องการให้กรมศิลปากรและหน่วยงานของจังหวัดช่วยดำเนินการแก้ไข เนื่องจากเป็นโบราณสถานสถาปัตยกรรมเรือนไม้สำคัญในสำคัญอยุธยาที่เหลืออยู่ไม่อีกแห่งของประเทศไทย ด้านนางศาริสา กล่าวว่า ศาลาการเปรียญวัดใหญ่สุวรรณาราม หลังนี้มีความสำคัญและมีความเก่าแก่ได้รับการขึ้นทะเบียนโบราณสถาน ได้รับการบูรณะซ่อมแซมให้มีสภาพสามารถใช้งานมาอย่างต่อเนื่อง แต่ด้วยสภาพเก่าแก่ของโบราณสถาน สภาพแวดล้อมที่มีน้ำท่วมขังในช่วงฤดูฝน ประกอบกับเป็นสถาปัตยกรรมไทยที่ใช้เสาไม้ในการก่อสร้างและรับน้ำหนักตัวอาคาร สมัยโบราณไม่ได้มีการตอกเสาเข็ม ไม่ได้ทำการเทพื้นคอนกรีตในระบบฐานราก รวมถึงการบูรณะกระเบื้องมุงหลังคาที่มีการดาดปูนตำเพื่อป้องกันการรั่วซึมของน้ำฝน ทำให้ตัวหลังคามีน้ำหนักที่เพิ่มมากขึ้น ประกอบกับเนื้อเสาไม้ไม่มียางไม้ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่ช่วยให้เสาคงอยู่ในสมัยเดิม จึงเกิดรอยปริแตกตามที่พบเห็น “เบื้องต้นทางสำนักศิลปากรที่ 1 ราชบุรี จะดำเนินการแก้ไขเบื้องต้นโดยการนำแผ่นเหล็กทำเป็นวงแหวนรัดในส่วนที่ปริแตกของเสาไม้ก่อนเพื่อป้องกันการแตกร้าวเพิ่มขึ้น พร้อมนำอุปกรณ์ค้ำยันทำการหนุนประคองเสาที่รับน้ำหนักการทรุดตัวเพื่อป้องกัน และจะเร่งประสานกับทีมวิศวกรของกรมศิลป์ฯ ทำการสำรวจ และจัดทำแผนโครงการที่จะบูรณะซ่อมแซมโครงสร้างและเสาศาลาการเปรียญวัดใหญ่ฯ โดยแนวทางการปฏิบัติจะทำปรับปรุงบูรณะระบบฐานรากศาลาทั้งหมด มีการเปลี่ยนเสาที่ชำรุด รวมถึงการปรับสภาพแวดล้อมของศาลาที่ขณะนี้ประสบปัญหาน้ำท่วมขังเวลาฝนตกหนัก โดยกรมศิลป์จะดำเนินการจัดทำรูปแบบรายการและประเมินราคาซ่อมแซม เพื่อให้ทันกับงบประมาณในปี 2566” นางศาริสา กล่าว นายสุชาติ กล่าวว่า หลังจากรับฟังสภาพปัญหาที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ได้ขอให้สำนักศิลปากรที่ 1 ราชบุรี ประสานกับทีมวิศวกร สถาปนิกของกรมศิลปากรลงมาสำรวจบันทึกสภาพปัญหาที่เกิดขึ้น รวมถึงแนวทางในการดำเนินงานบูรณะให้ใกล้เคียงกับของเดิมได้มากที่สุด โดยทางคณะกรรมาธิการจะดำเนินการประสานเบื้องต้นกับอธิบดีกรมศิลปากรได้รับทราบกระบวนการทำงานเบื้องต้น เมื่อทราบแนวทางการบูรณะและงบประมาณการบูรณะ จะแจ้งเรื่องให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมได้รับทราบเพื่อของบประมาณฉุกเฉินหรืองบประมาณส่วนกลางดำเนินการบูรณะซ่อมแซม เนื่องจากศาลาการเปรียญวัดใหญ่สุวรรณารามเป็นโบราณสถานสำคัญและเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของเมืองเพชรบุรี ดังนั้นจึงเป็นสิ่งสำคัญควรค่าแก่การรักษาสืบต่อไป ด้าน ผศ.แสนประเสริฐ กล่าวว่า จากการสำรวจศาลาการเปรียญวัดใหญ่สุวรรณาราม พบปัญหาสำคัญ 3 เรื่อง ได้แก่ 1 ปัญหาการแตกปริของเสาไม้ศาลา แมลงกัดกินเนื้อเสาไม้ได้รับความเสียหาย 2 การทรุดตัวของเสาไม้ที่มีผลกระทบต่อโครงสร้างศาลาการเปรียญ และ 3 การบิดตัวของโครงสร้างศาลาในหลายจุด ดังนั้นก่อนที่กรมศิลปากรจะดำเนินการบูรณะซ่อมแซมควรเปิดโอกาสในมีการระดมความคิดเห็นจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาคนักวิชาการ ภาคราชการ ภาคเอกชน โดยมีกรมศิลปากรและจังหวัดเพชรบุรีเป็นเจ้าภาพประชุมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในเรื่องนี้ เพื่อที่จะวางแผนในการบูรณะซ่อมแซมอย่างเหมาะสมต่อไป “ศาลาการเปรียญวัดใหญ่สุวรรณารามเปรียบเสมือนผู้สูงอายุคนสำคัญที่มีอายุมาก หากพิจารณาสถิตในการบูรณะซ่อมแซม 3 – 4 ปีทำการซ่อมแซม ซึ่งไม่เป็นเรื่องดีเพราะจะส่งผลกระทบต่อโครงสร้างศาลาในระยะยาว แต่ถ้ามีการวางแผนที่ดีภายใต้แนวคิดทางอนุรักษ์จะเป็นประโยชน์ในระยะยาวของตัวโบราณสถานแห่งนี้ต่อไป” ผศ.แสนประเสริฐ กล่าว.
สามารถติดตามข่าวสารอื่นๆได้ก่อนใครที่ https://www.siameagle.com
หรือ https://www.facebook.com/siameaglenews/