สมุทรปราการ-ทนายความอาสายื่นมือช่วยน้องก็อตเหยื่อน้องสาววัย 14 และแฟนหนุ่มวัย 16
ภาพ/่ข่าว:สุรศักดิ์ คงสินธ์ / อัญมณี คงสินธ์
ทนายความอาสายื่นมือช่วยน้องก็อตเหยื่อน้องสาววัย 14 และแฟนหนุ่มวัย 16
เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 19 เมษายน 2565 ที่สถานีตำรวจภูธรบางพลี สมุทรปราการ ดร.เกรียงศักดิ์ พินทุสรศรี ทนายความอาสา พร้อมด้วย นายกิตติ (หรือก็อต) เมาะราสี ผู้เสียหายจากความรุนแรงภายในครอบครัว จากคดีสะเทือนขวัญ เยาวชนหญิง อายุ 14 ปี ซึ่งเป็นน้องสาว ร่วมกับเยาวชนชาย อายุ 16 ปี วางแผนฆ่านาง จีรพา ปาพรม อายุ 53 ปี มารดา และพยายามฆ่านายก็อต จนเกิดเป็นบาดแผลทั้งร่างกายและจิตใจ โดยในวันนี้ทางด้าน ทนายความและนายก็อต เดินทางเข้าพบกับทางพนักงานสอบสวนเพื่อทวงถามความคืบหน้าทางคดีและขอแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษกับเยาวชนชายอายุ 16 ปี ในข้อหาพรากผู้เยาว์ และผู้เกี่ยวข้อง ในฐานความผิดอื่นที่เกี่ยวข้อง ทนาย เกรียงศักดิ์ เปิดเผยว่า สำหรับคดีดังกล่าวที่ตนเองตัดสินใจยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือนั้น เพราะเห็นว่าเหยื่อทางคดีโดยเฉพาะน้องก๊อต ซึ่งเหลือเพียงตัวคนเดียวในปัจจุบัน และขาดที่ปรึกษาทางกฎหมาย ตนเองจึงอาสาเข้ามาช่วยเหลือทางคดีและจะดูเรื่องของข้อกฎหมายที่จะดำเนินคดีกับฝ่ายเยาวชนชายที่ร่วมกันวางแผนลงมือฆ่าอย่างโหดเหี้ยม เนื่องจากทางด้านน้องก็อตเองมีความกังวลว่าผู้ต้องหาในคดีนี้จะได้รับโทษเพียงไม่กี่ปีเนื่องจากด้วยความเป็นเยาวชน ซึ่งในทางกฎหมายตนเองจะเป็นตัวแทนโจทย์ร่วมกับทางอัยการในการฟ้องร้องดำเนินคดีตามกฎหมายในฐานะความผิดที่ชัดเจนคือ ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนและร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน นอกจากนั้นยังต้องมาดูกฎหมายที่เกี่ยวข้องว่าจะสามารถดำเนินการแจ้งความร้องทุกข์เพิ่มในข้อหาพรากผู้เยาว์กับเยาวชนชายได้หรือไม่ถึงถึงผู้ปกครองว่าให้การสนับสนุนในการพรากผู้เยาว์ต่อคดีนี้ด้วยหรือไม่ ถึงแม่ว่าก่อนหน้านี้ทางด้านผู้ปกครองจะออกมาปฏิเสธกล่าวอ้างว่าฝ่ายหญิงระบุว่าผู้ต้องครองยินยอมและททราบเรื่องแล้วและอนุญาตให้มาหาที่บ้าน ซึ่งในความเป็นจริงนั้น โดยหลักของกฎหมายผู้ปกครองชายทราบดีอยู่แล้วว่าเยาวชนหญิงซึ่งมีอายุเพียง14 ปี ไม่สมควรมาอยู่กับบุตรชายที่บ้านพักจนกระทั่งพี่ชายและอดีตมารดาทราบเรื่องจึงไปติดตามรับตัวเยาวชนหญิงกลับมา อีกทั้งยังมีการตกลงกับผู้ปกครองฝ่ายชายก่อนหน้าจะเกอดเหตุแล้วว่าจะไม่ให้มีการติดต่อกันอีกระหว่างเยาวชนทั้งสองแต่กลับพบว่าผู้ปกครองฝ่ายชายเป็นคนมาส่งบุตรชายด้วยตนเองในวันเกิดเหตุ ซึ่งตรงนี้จะต้องไปดูข้อกฎหมายว่ามีส่วนใดที่เกี่ยวข้องทางคดีและสามารถดำเนินการตามกฎหมายในฐานละเมิดได้หรือไม่ ซึ่งคดีนี้ต้องดำเนินการทางกฎหมายให้ถึงที่สุด เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างต่อเยาวชนในอนาคต ที่จะเห็นได้ว่าการลงมือก่อเหตุในลักษณะเช่นนี้จะมีโทษหนัก
ขณะที่นายกิตติ หรือก็อต เปิดใจหลังจากจัดงานพิธีศพของมารดาเป็นที่เรียบร้อยว่า ในส่วนของสภาพจิตใจตอนนี้ดีขึ้นมากแล้ว ส่วนบาดแผลพบว่าดีขึ้นตามลำดับเหลือเพียงรอวันหมอนัดตัดไหมเท่านั้น หลังจากที่เสร็จงานศพแม่ตนเองก็กลับมาพักที่ห้องพักเดิมและยืนยันจะอยู่ที่นี่ต่อไปและทำงานที่เดิมคืออาชีพ รปภ. ส่วนทางคดีต้องขอบทางทางทนายความที่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือตนเองในครั้งนี้ และยืนยันจะเดินหน้าทางกฎหมายอย่างเด็ดขาด เมื่อถามว่าไปเยี่ยมน้องสาวมาบ้างหรือไม่เจ้าตัวบอกว่าไม่ได้ไป เมื่อถามว่ายังคงจะให้อภัยน้องสาวหรือไม่เจ้าตัวตอบว่ายังทำใจไม่ได้และยอมรับว่ายังมีภาพคืนวันเกิดเหตุหลอนเข้ามาเป็นระยะๆ