ประจวบคีรีขันธ์-ส.ส.ต๊ง ติดตามผู้ตรวจการแผ่นดินลงพื้นที่ดันแก้ปัญหาที่ดินอุทยานฯ สามร้อยยอด

ภาพ/ข่าว:พันธุ์พงษ์ โพธิ์จินดา

ส.ส.ต๊ง ติดตามผู้ตรวจการแผ่นดินลงพื้นที่ดันแก้ปัญหาที่ดินอุทยานฯ สามร้อยยอด

              วันที่ 15 มิถุนายน 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่ห้องประชุมที่ทำการอุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด อ.กุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ นางสาวพรประภา เหม่งเวหา ผู้อำนวยการสำนักสอบสวน 1 และคณะจากสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ได้เดินทางร่วมประชุมพิจารณาแก้ไขปัญหาเรื่องร้องเรียนของ นายมนตรี ปาน้อยนนท์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เขต 1 พรรคประชาธิปัตย์ และคณะผู้นำท้องที่ ท้องถิ่น ราษฎร ต.ดอนยายหนู ต.กุยเหนือ ต.สามกระทาย อ.กุยบุรี ต.ไร่เก่า ต.สามร้อยยอด ต.ศาลาลัย ต.ศิลาลอย อ.สามร้อยยอด จ.ประจวบคีรีขันธ์ ได้รับความเดือดร้อนกรณีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช อุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ว่าละเลยต่อหน้าที่ ไม่ดำเนินการแก้ไขปัญหาการประกาศเขตขยายแนวเขตอุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด เมื่อปี พ.ศ.2525 ทับซ้อนกับที่ดินของชาวบ้านซึ่งอาศัยทำกินมาก่อนและบางส่วนมีเอกสารสิทธิ์เกี่ยวกับที่ดิน มีนายดิเรก จอมทอง ผู้ช่วยดำเนินการแทน ส.ส.มนตรี ผู้แทนนายอำเภอสามร้อยยอด ผู้แทนนายอำเภอกุยบุรี นายอำไพ หุ่นงาม กำนัน ต.ดอนยายหนู นายเฉลิมพล นายกอบต.ดอนยายหนู นายวิฑูรย์ รัศมี ที่ปรึกษา นายก อบจ.ประจวบคีรีขันธ์ นายสมปอง ม่วงกำพันธ์ ผู้ใหญ่บ้าน ม.4 ต.ดอนยายหนู นายสถิตย์ จันทรมณี ผอ.ส่วนฟื้นฟูและพัฒนาพื้นที่อนุรักษ์สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 สาขาเพชรบุรี นายพงศธร พร้อมขุนทด หน.อุทยานฯ เขาสามร้อยยอด ผู้แทนเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัด ผู้แทนสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด ส่วนราชการ และชาวบ้านในพื้นที่ รวมกว่า 50 คนเข้าร่วมการประชุมกว่า 3 ชั่วโมง

               นางสาวพรประภา กล่าวว่า ปัญหาความไม่ชัดเจนของแนวเขตอุทยานฯ เขาสามร้อยยอด ตามพระราชกฤษฎีกาสองฉบับ คือ ปี พ.ศ.2509 และ ปี พ.ศ. 2525 ผู้ตรวจการแผ่นดินได้มีคำวินิจฉัยและข้อเสนอแนะไว้ว่าแนวเขตต้องเป็นไปตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกา ปี พ.ศ.2509 รวมทั้งได้มีข้อเสนอแนะต่อกรมอุทยานฯ ถึงแนวทางปฏิบัติและการประชาสัมพันธ์ให้ชาวบ้านทราบ ด้านจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดยสำนักงานที่ดินจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ให้จัดส่งระวางแผนที่สำหรับการออกโฉนดที่ดินให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ขีดเขตอุทยานฯ ลงในระวางดังกล่าวซึ่งทราบว่าขณะนี้ได้ดำเนินการแล้ว
“ต้องขอบคุณทางสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ผู้นำท้องที่ ผู้นำท้องถิ่นรวมทั้งชาวบ้านที่เข้ามาร่วมรับฟังและแสดงความคิดเห็นร่วมกัน จากประสบการณ์ในการแก้ปัญหาที่ดินทับซ้อนระหว่างนิคมสร้างตนเองประจวบคีรีขันธ์และที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป่ากุยบุรี กว่า 3 ปี ทำให้ตนเข้าใจทั้งส่วนราชการและทราบปัญหาของชาวบ้าน พระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2504 มีหลักเกณฑ์วิธีการกำหนดเขตอุทยานฯ ตลอดจนการเพิกถอนเปลี่ยนแปลงแนวเขตไว้ชัดเจน ในมาตรา 4 ระบุความหมายของที่ดิน มาตรา 6 การกำหนดให้พื้นที่ใดๆ เป็นอุทยานฯ และมาตรา 7 การขยายหรือเพิกถอนอุทยานฯ ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน วันนี้หลายฝ่ายที่เกี่ยวข้องมาประชุมร่วมกันเป็นเรื่องดีมาก แม้นายมนตรี ติดภารกิจการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ก็ได้สั่งการและฝากให้ตนร่วมประสานงานและให้การสนับสนุนทุกฝ่ายอย่างต่อเนื่องเต็มที่” นายดิเรก กล่าว