อุทัยธานี-สีสัน ชมแปลงเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงและเกษตรทฤษฎีใหม่ตามแนวพระราชดำริฯในหลวงรัชกาลที่ 9

ภาพ/ข่าว:วราภรณ์ หนูกลัด 

           สีสัน ชมแปลงเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงและเกษตรทฤษฎีใหม่ตามแนวพระราชดำริฯในหลวงรัชกาลที่ 9 ของเกษตรกรหนุ่มใหญ่วัย 41 ปี ชาติพันธุ์ลาวครั่ง สามี และภรรยาข้าราชการครู ต่อยอดมาจากรุ่นพ่อรุ่นแม่ อยู่อย่างพอเพียงโดยแทบไม่ต้องใช้เงิน และสามารถเก็บ ผัก ปลา ฯลฯ ขายเป็นรายได้อีก พร้อมชม ชิม การทำอาหารพื้นถิ่นของชาวลาวครั้งที่หาได้จากแปลงเรียนรู้ อาทิ หลามปลาดุก ลาบหอยปัง แป้งจี่ เตรียมพัฒนาเป็นโฮมสเตย์ ให้เข้าพักเรียนรู้ และรับประทานอาหารพื้นถิ่น ต่อไป

             ที่จังหวัดอุทัยธานี เราพากันมาชมแปลงเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงและเกษตรทฤษฎีใหม่ตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในหลวงรัชกาลที่ 9 ตั้งอยู่ที่ตำบลห้วยแห้ง อำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี ชื่อว่าไร่นาสวนผสมเหรียญทอง โดยตั้งชื่อมาจากคุณพ่อชื่อเหรียญและคุณแม่ชื่อทองพัด เจ้าของคือนายเกรียงไกร กองแก้ว อายุ 41 ปี สามีมีอาชีพเป็นเกษตรกร กับนางสาวสุชญา มั่นต่อพงษ์ อายุ 47 ปี มีอาชีพรับราชการครู ภรรยา อยู่บ้านเลขที่ 50 หมู่ 3 ตำบลห้วยแห้ง อำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี โดยต่อยอดในการทำเกษตรเศรษฐกิจพอเพียงและเกษตรทฤษฎีใหม่ตามแนวพระราชดำริฯ มาจากรุ่นพ่อรุ่นแม่ ซึ่งการทำไร่นาสวนผสมเกษตรพอเพียงดังกล่าวแทบจะต้องไม่ต้องใช้เงิน เพราะมีทั้งพืช ผัก ผลไม้ ไร่นา สัตว์เลี้ยง ( ไก่ ) มีสระน้ำ เลี้ยงปลา เลี้ยงหอยล้วนแต่เป็นหารการกินได้ทุกมื้อ ส่วนที่เหลือก็ขายเป็นรายได้ รวมทั้งแจกจ่ายเป็นการพึ่งพาอาศัยกัน และปัจจุบันยังกลายเป็นแหล่งเรียนรู้ท้องถิ่น เศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดำริฯ โดยเปิดให้เด็ก เยาวชน และประชาชนทั่วไปได้มาศึกษาเรียนรู้ ภายในจะมีบ่อโยกโบราณ ซึ่งหาชมยากในปัจจุบัน มีครกกระเดื่องซึ่งเด็กรุ่นหลัง ๆ อาจไม่เคยเห็น มีพืชเศรษฐกิจมากมายหลายชนิด โดย มีคิวอาร์โค๊ดให้คนที่มาชมได้ใช้มือถือแสกนดูข้อมูลของพืชต้นไม้ชนิดนั้น ๆ ได้อย่างครบถ้วน และสามารถชมแปลงไร่นา เลี้ยงสัตว์ สระนำ เลี้ยงปลา เลี้ยงหอย ไว้เป็นอาหารได้อีก และสามารถไปต่อยอดทำเป็นของตัวเองได้อีกด้วย

                และเรามากันกันทั้งที ซึ่งที่นี่เป็นชุมชนถิ่นฐานแหล่งที่อยู่อาศัยของชาวลาวครั่ง และเจ้าของสถานที่แห่งนี้ก็มีเชื้อสายของชาวลาวคลั่งด้วย โดยอาหารการกินจะเป็นอาหารพื้นถิ่น และวัตถุดิบในการปรุงอาหารแทบไม่ต้องซื้อหาทั้งสิ้น และอาหารพื้นถิ่นในวันนี้ที่จะสาธิตวิธีการทำและร่วมร่วมรับประทานกันอย่างเอร็ดอร่อย อย่างแรก ก็คือ เมนูหลามปลาดุก เมื่อจับปลามาจากสระ ( บ่อ ) เลี้ยงปลานำมาทำผ่าท้องคลักไส้ออกแล้วนำปลามาล้างน้ำเกลือ หลังจากนั้นก็ตำเครื่องปรุงที่จะมาปรุงปลาประกอบ ด้วยหอมแดง ตะไคร้ ใบมะกรูด ข่า พริกใหญ่ พริกขี้หนูสด น้ำปลา กระเทียม ลงตำในครกพอแหลก พอเตรียมเครื่องเสร็จก็คุกเคล้าให้เข้ากันหลังจากนั่นก็ยัดใส่กระบอกไม้ไผ่ที่เตรียมไว้ แล้วก็นำไปเผา เหมือนกับการเผาข้าวหลาม รอประมาณครึ่งชั่วโมงก็สุกนำมาเทใส่จานพร้อมเสิร์ฟ และเมนูที่ 2 เป็นเมนูลาบหอยปัง โดยหอยปังเลี่ยงไว้ในสระ ( บ่อ ) เลี้ยงปลาเดียวกัน ลักษณะเหมือนหอยเชอร์รี่ นำขึ้นมาจากสระ แล้วนำหอยมาล้างหลังจากนั้นต้มน้ำให้เดือด นำหอยใส่ลงไปแล้วลวกให้สุกนำหอยมาแกะ และต้มกับตะไคร้ใบมะกรูดเพื่อดับกลิ่นคราวอีกครั้ง และหลังจากนั้นเตรียมเครื่องปรุงที่จะลาบหอยปัง ประกอบด้วย หอมแดง ตะไคร้ ใบมะกรูด หั่นฝอย พริกป่น ข้าวคั่วน้ำปลา มะนาวหอย คลุกเค้าให้เข้ากัน ใส่ต้นหอมผักชี เพิ่มสีสันเทใส่จากพร้อมเสิร์ฟ นอกจากนี้ยังมีของกินเล่น ทำมาจากแป้งขนมจีน ปั้นเป็นก้อนกลมๆ และนำแป้งมาเทใส่ใบตองกดแป้งให้แบนเป็นทรงกลม และห่อด้วยใบต้องย่างกับเตาถ่านจนสุกรับประทานร้อนๆ และยังมีเครื่องดื่มน้ำมะพร้อมน้ำหอมแช่น้ำแข็งในกระบอกไม้ไผ่ดื่มหอมสดชื่น ร่วมรับประทานกันอย่างเอร็ดอร่อยตามภาพที่เห็น และยังมีอาการพื้นถิ่นอีกมากมาย อาทิ เมนูพื้นบ้านที่นี่อาทิเช่น หลามบอน แจ่วเอาะหม้อ แจ่วบอง และแกงผำ และแกงหยวกใส่ปลาย่าง เป็นต้น นายเกรียงไกร กองแก้ว ยังบอกอีกว่า ตอนนี้ยังมีแนวคิดที่จะพัฒนาให้เป็นโฮมสเตย์ ให้ผู้สนใจที่จะศึกษาเรียนรู้ เศรษฐกิจพอเพียงและเกษตรทฤษฎีใหม่ตามแนวพระราชดำริฯในหลวงรัชกาลที่ 9 ไร่นาสวนผสมเหรียญทองที่นี่ ได้เข้าพัก เรียนรู้ และศึกษาวิถีชีวิตท้องถิ่น และจะได้รับประทานอาหารพื้นถิ่นกันได้ต่อไป โดยสามารถติดต่อสอบถามได้ที่เบอร์โทร.087 – 0595982 และ097 – 928 0741 หรือติดตามได้ที่เพจเฟสบุ๊ค ไร่นาสวนผสมเหรียญทอง