นครสวรรค์-จัดเวทีสาธารณะพื้นที่ต้นแบบป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนและลงนามปฏิญญา“สวมหมวกนิรภัย-ดื่มไม่ขับ-ลดเร็ว ลดเสี่ยง”

นครสวรรค์-จัดเวทีสาธารณะพื้นที่ต้นแบบป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนและลงนามปฏิญญา“สวมหมวกนิรภัย-ดื่มไม่ขับ-ลดเร็ว ลดเสี่ยง”

ภาพ/ข่าว:ชาติชาย เกียรติพิริยะ

            สสส.- สคอ.จับมือจังหวัดนครสวรรค์และภาคีเครือข่าย จัดเวทีสาธารณะพื้นที่ต้นแบบป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนและลงนามปฏิญญานครสวรรค์ “สวมหมวกนิรภัย-ดื่มไม่ขับ-ลดเร็ว ลดเสี่ยง” ชูนครสวรรค์โมเดล สร้างระบบความปลอดภัยทางถนน ตั้งเป้าลดตายจากอุบัติเหตุทางถนนของจังหวัดต้องไม่เกิน 107 คน หรือ 12.37 คนต่อแสนประชากรในปี 2570

            วันที่ 26 กันยายน 2565 ณ โรงแรมเดอะ พาราดิโซ เจเค ดีไซน์ อ.เมือง จ.นครสวรรค์ นายชยันต์ ศิริมาศ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครสวรรค์ พร้อมด้วยนายจุมพฎ วรรณฉัตรศิริ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครสวรรค์ ร่วมเวทีสาธารณะพื้นที่ต้นแบบป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน เพื่อนำเสนอนโยบาย มาตรการการดำเนินงานป้องกันและลดอุบัติเหตุในจังหวัดพร้อมลงนามปฏิญญานครสวรรค์ “สวมหมวกนิรภัย-ดื่มไม่ขับ-ลดเร็ว ลดเสี่ยง” ร่วมกับสำนักงานเครือข่ายลดอุบัติเหตุ (สคอ.) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) นายอำเภอทุกอำเภอในจังหวัดนครสวรรค์ ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนจังหวัดนครสวรรค์ และภาคีเครือข่าย เพื่อให้ปฏิญญาต่อพันธกรณีดำเนินการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนทุกรูปแบบ ส่งเสริมให้เกิดความปลอดภัยทางถนนในระดับจังหวัด จัดโดย สำนักงานเครือข่ายลดอุบัติเหตุและสสส. มีภาคีเครือข่ายป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน 15 อำเภอของจังหวัดนครสวรรค์เข้าร่วมงานในครั้งนี้ นายชยันต์ กล่าวว่า จังหวัดนครสวรรค์ได้กำหนดเป้าหมายกรอบการดำเนินงานเชิงพื้นที่ เน้นนำข้อมูลพื้นที่เกิดอุบัติเหตุบ่อยมาวิเคราะห์กำหนดเป็นพื้นที่ควบคุมบังคับกฎหมายเข้ม วิเคราะห์ข้อมูล ค้นหาสาเหตุและปัจจัยเสี่ยงกำหนดเป็นมาตรการ จัดตั้งทีมสอบสวนอุบัติเหตุในพื้นที่ จัดประชุม ศปถ.ทุกระดับอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง ขับเคลื่อนศูนย์ปฏิบัติการความปลอดภัยทางถนน การคืนข้อมูลให้กับตำบล หมู่บ้าน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนใช้กลไก ศปถ.จังหวัดขับเคลื่อนทำงานในพื้นที่ จัดทำข้อมูลอำเภอเสี่ยงที่เป็นสีแดง สีส้ม เหลือง ขับเคลื่อน ศปถ.อำเภอเสี่ยงที่เป็นสีแดงและสีส้มก่อน และมีการดำเนินงานตำบลต้นแบบอย่างน้อยอำเภอละ 1 แห่ง

             นายชยันต์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้จะต้องใช้เครื่องมือที่มีประสิทธิธิภาพในการทำงานคือ พัฒนาคน ให้มีความรู้สามารถวิเคราะห์ กำหนดเป้าหมาย สร้างเครือข่ายให้มากขึ้น โดยเฉพาะสร้างแรงจูงใจให้กับผู้ปฎิบัติงานว่างานความปลอดภัยทางถนนคือการสร้างบุญอันยิ่งใหญ่ พัฒนาระบบข้อมูล จัดหมวดหมู่เป็นระบบ ครอบคลุม เข้าถึงข้อมูลได้รวดเร็ว เช่น การสร้าง Platform คาดว่าจะได้ใช้ก่อนปีใหม่นี้ ค้นหาและแก้ไขจุดเสี่ยง รวมถึงใช้สถิติข้อมูลกำหนดกรอบการทำงาน นำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาช่วย ท้ายสุดคือการประชาสัมพันธ์ สร้างความตระหนักและรับรู้ สร้างจิตสำนึกความปลอดภัยให้ผู้ขับขี่ ทั้งนี้ข้อมูลสถิติอุบัติเหตุทางถนนจังหวัดนครสวรรค์ สะสมตั้งแต่วันที่1 มกราคม-31 สิงหาคม 2565 เกิดอุบัติเหตุ 421 ครั้ง บาดเจ็บ 346 ราย เสียชีวิต 190 รายและอำเภอเสียชีวิตสูงสุดคือ อำเภอเมือง 49 ราย อำเภอไม่มีผู้เสียชีวิตคือ อำเภอไพศาลี หากเปรียบเทียบอัตราการตายจากอุบัติเหตุทางถนนของจังหวัดอยู่ที่ 18.87 ต่อแสนประชากร อำเภอเสียชีวิตสูงสุด 3 อันดับแรกได้แก่ อำเภอเก้าเลี้ยว 38.4 ต่อแสนประชากร รองลงมาคือ อำเภอชุมตาบง 30.5 ต่อแสนประชากร และอำเภอตากฟ้า 22.9 ต่อแสนประชากร ส่วนอำเภอที่มีอัตราเสียชีวิตต่ำสุดคือ อำเภอชุมแสง 12.8 ต่อแสนประชากร และอำเภอไพศาลีอัตราเสียชีวิตเป็นศูนย์ ทั้งนี้เพื่อให้บรรลุแผนแม่บทความปลอดภัยทางถนนฉบับที่ 5 จังหวัดได้กำหนดเป้าหมายและตัวชี้วัดอัตราการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนในปี 2570 ที่ 12.37 ต่อแสนประชากร หรือต้องไม่เกิน 107 คน

              นายพรหมมินทร์ กัณธิยะ ผู้อำนวยการสำนักงานเครือข่ายลดอุบัติเหตุ (สคอ.) กล่าวว่า สคอ.ทำหน้าที่รณรงค์สื่อสารและประชาสัมพันธ์ เพื่อสร้างกระแสการรับรู้ ความตระหนักความปลอดภัยทางถนนมาอย่างต่อเนื่อง โดยยึดกรอบการทำงานตามแผนแม่บทความปลอดภัยทางถนนเป็นแนวทางการทำงานมาโดยตลอด และนับเป็นเรื่องท้าทายสำหรับ ประเทศไทยที่ได้กำหนดเป้าหมายลดอัตราการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนลง 50 % ภายในปี 2573 และไม่เกิน 12 คนต่อแสนประชากรภายในปี 2570 ซึ่งเป็นไปตามยุทธศาสตร์ชาติแผนแม่บทความปลอดภัยทางถนนฉบับที่ 5 (2565-2570) โดย สคอ.เล็งเห็นว่าหากจะขยับเรื่องนี้ให้เป็นรูปธรรม จังหวัดนครสวรรค์เป็นหนึ่งในจังหวัดที่มีอัตราการเสียชีวิตใกล้เคียงกับตัวชี้วัด และเป้าหมายมากที่สุด เป็นพื้นที่ที่มีการทำงานประสบความสำเร็จปรากฎให้เห็นต่อเนื่อง สคอ.เป็นเพียงหน่วยงานที่จะเข้าไป เติมเต็มและขยายผล นำบทเรียนการทำงานเข้าสู่กลไก ศปถ.ระดับประเทศ เพื่อให้การมอบหมายสั่งการอย่างเป็นรูปธรรมเพื่อให้บรรลุผลและจะนำเรื่องราวเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่างๆรวมทั้งหอกระจายข่าวทั่วประเทศได้รับรู้ทั่วกัน นอกจากนี้จะประสานภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วนช่วยหนุนเสริมขับเคลื่อนทำงานป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนร่วมกัน ผลักดันและวางแผนทำงานด้านการสื่อสารประชาสัมพันธ์อย่างเต็มรูปแบบผ่านกลไกสื่อมวลชนในจังหวัดให้สามารถนำข้อมูลข่าวสารตลอดจนผลกระทบและองค์ความรู้ต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการขับขี่ปลอดภัยส่งถึงกลุ่มเป้าหมายได้ ขณะเดียวกันก็จะอาศัยเวทีสำคัญที่เกิดขึ้นในแต่ละจังหวัด ส่งมอบข้อมูลและบทเรียนที่ถอดมาได้ ให้แต่ละพื้นที่นำไปใช้ประโยชน์ต่อไป ว่าที่ ร.ต.ณรงค์ชัย จินดาพันธ์ นายอำเภอเมืองนครสวรรค์ กล่าวว่า สถิติอุบัติเหตุปี 2563 จำนวน 70 ราย ปี 2564 จำนวน 59 ราย และปี 2565(ม.ค.-ส.ค.) จำนวน 49 ราย คิดเป็น 21.36 ต่อแสนประชากร โดยค่าเป้าหมายของอำเภอในปี 2570 ให้ลดลงเฉลี่ย ปีละ7 คน ตำบลที่มีผู้เสียชีวิตสูง 5 อันดับแรก ได้แก่ ตำบลปากน้ำโพ นครสวรรค์ตก หนองกรด หนองกระโดนและวัดไทรย์ ทั้งนี้การขับเคลื่อนงานเมื่อจังหวัดมอบหมายสั่งการทางอำเภอจะขับเคลื่อนตามมาตรการ ได้แก่เร่งหาจุดเสี่ยงจุดอันตราย ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องแก้ไขปัญหาเร่งด่วน เน้นบังคับใช้กฎหมาย ตั้งจุดตรวจทั้งกลางวันและกลางคืน นอกจากนี้ยังมีการประชุมศูนย์ปฏิบัติการความปลอดภัยทางถนนอำเภอ ให้ท้องถิ่นดำเนินการแก้ไขจุดเสี่ยงควบคู่กับการประชาสัมพันธ์ รวมทั้งดำเนินการตามข้อสั่งการของ ศปถ.จังหวัดอย่างต่อเนื่อง ส่วนปัญหาที่พบคืออำเภอเมืองมีเส้นทางคมนาคมสายหลักและสายรองเชื่อมต่อไปยังพื้นที่อื่นหลายสาย ทำให้มีปริมาณผู้ใช้รถใช้ถนนจำนวนมาก มีจุดเสี่ยงถึง 60 จุด อยู่บนถนนทางหลวงถึง 45 จุด และมีจุดเสี่ยงที่ควรพิจารณาแก้ไขเร่งด่วนอีก 5 จุด โดยทั้งหมดต้องเร่งดำเนินการป้องกันและแก้ไขเพื่อให้เกิดความความปลอดภัย ควบคู่กับกำหนดมาตรการเข้มข้นให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หน่วยงานราชการในพื้นสวมหมวกนิรภัย 100 เปอร์เซ็นต์ ให้ทุกหน่วยงานในอำเภอจัดทำคำรับรองเพื่อปฏิบัติตามแนวทางการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนและติดตามประเมินผลทุกเดือน ซึ่งมาตรการสำคัญที่ทำให้ผู้เสียชีวิตลดลงคือการบังคับใช้กฎหมายที่เข้มข้นและจริงจัง
นางสาวสร้อยสุรีย์รัตน์ พลพรพิสิฐ นายอำเภอไพศาลี กล่าวว่าอำเภอไพศาลีปี 2565 (1ม.ค.-31ส.ค.65) ยังไม่มีผู้บาดเจ็บหรือผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนเลยแม้แต่รายเดียว แต่เมื่อปี 2563 เกิดอุบัติเหตุ 12 ครั้ง เสียชีวิต 12 ราย ปี 2564 เกิดอุบัติเหตุ 5 ครั้ง บาดเจ็บ 12 ราย เสียชีวิต 3 ราย พฤติกรรมเสี่ยงคือขับรถเร็ว ไม่สวมหมวกนิรภัย ร้อยละ 80พาหนะเสี่ยงคือจักรยานยนต์ 70% รถเก๋ง 20% รถกระบะ 10% ส่วนการขับเคลื่อนตามนโยบายได้มีการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการความปลอดภัยทางถนนระดับตำบล มีแผนชุมชน จัดการจุดเสี่ยง ประชาสัมพันธ์ผ่านหอกระจายข่าว ขับเคลื่อนแก้ปัญหาการตายและการบาดเจ็บในกลุ่มเด็กและเยาวชนที่ใช้รถจักรยานยนต์สำหรับนักเรียน นอกจากนี้ยังร่วมกับจังหวัดขับเคลื่อน “365 วัน นครสวรรค์ขับขี่ปลอดภัย” รณรงค์สวมหมวกนิรภัย 100 % (ทล.3004 ไพศาลี-วังพิกุล) เริ่มกิจกรรม Kick-off ตั้งแต่วันที่ 21 กันยายน 2565 เน้นการบังคับใช้กฎหมายเคร่งครัด ด้านอุปสรรคคือประชาชนขาดความรู้ความเข้าใจการใช้รถใช้ถนน ความรู้ด้านกฎหมาย ขาดจิตสำนึกความปลอดภัย รถดัดแปลงสภาพโดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่น ขาดการต่อภาษี พรบ. ตลอดจนขนบธรรมเนียมประเพณีและเทศกาลยังนิยมดื่มสุรา ส่วนปัจจัยความสำเร็จที่เกิดขึ้นมาจากการมีแบบแผนคำสั่งการทำงานที่ชัดเจนแต่ละหน่วยงาน มีการบูรณาทำงานให้เกิดการขับเคลื่อนที่เป็นรูปธรรม มีระบบสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ มีกิจกรรมที่ครอบคลุมในทุกกลุ่มวัย“สวมหมวก-ดื่มไม่ขับ-ลดเร็ว”ส่งผลให้อำเภอไพศาลีปี 2565 ไม่มีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนเลย
ทั้งนี้สาระสำคัญในปฏิญญานครสวรรค์ คือ
1.จะร่วมกันดำเนินการลดอัตราการเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุทางถนนจังหวัดนครสวรรค์ ให้ไม่เกิน 12 คนต่อแสนประชากรภายในปี 2570
2.จะร่วมกันดำเนินการ รณรงค์การสวมหมวกนิรภัยของผู้ใช้รถจักรยานยนต์ในเขตชุมชนให้ได้ 100 % 3.จะร่วมกันดำเนินการรณรงค์ป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน โดยเน้นลดความเร็ว ดื่มไม่ขับและสวมหมวกนิรภัยอย่างเคร่งครัด
4.จะร่วมกันดำเนินการให้จังหวัดนครสวรรค์เป็นต้นแบบจังหวัดปลอดภัยจากอุบัติเหตุทางถนนในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง
5.จะร่วมกันดำเนินการผลักดันให้เด็กและเยาวชนสวมหมวกนิรภัย 100 %และ 6.จะร่วมกันดำเนินการควบคุมติดตามกำกับและพิจารณาข้อมูลในระดับจังหวัดทุกเดือน

CATEGORIES
Share This

COMMENTS

error: Content is protected !!